FASHION
เปิดอีกหนึ่งเส้นทางของ #ExquisiteGucci ที่ Alessandro Michele เชื่อมโลกแฟชั่นเข้ากับภาพยนตร์อีกครั้ง"เสื้อผ้าเข้าใกล้กับความเปลือยเปล่าของชีวิตอีกครั้ง กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจินตนาการ และเปรียบเสมือนอีกหนึ่งสิ่งที่คอยบอกเล่าเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่แตกหัก ความรู้สึกที่ชวนหลงใหล เส้นทางที่พาไปพบกับความเจ็บปวด และสิ่งเล็กๆ ที่จุดประกายความคิด เรื่องราวที่แฝงอยู่ในทุกห้วงความรู้สึกของมนุษย์ " Alessandro Michele |
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมากับการสร้างเสียงฮือฮาให้เหล่าคนแฟชั่น เมื่อแบรนด์ “GUCCI” นำทัพโดยผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์อย่าง "Alessandro Michele" ได้เผยคอลเล็กชั่นที่ชื่อว่า “Exquisite Gucci” ที่ถ่ายทอดความพิเศษของในรูปแบบใหม่ผ่านการจับมือกับแบรนด์สปอร์ตแวร์อย่าง “adidas” ทำให้เกิดซิลูเอตเสื้อผ้าและเครื่องประดับชิ้นต่างๆ ที่น่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตลอดจนการสร้างสรรค์โลโก้อันเป็นไอคอนิกของคอลเล็กชั่นนี้ขึ้นมาใหม่แต่ยังคงความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ที่ดีไซเนอร์หนุ่มตั้งใจถ่ายทอดออกมาได้อย่างลงตัว
ด้วยแรงบันดาลใจที่อเลสซานโดรมีต่อโลกภาพยนตร์อย่างแรงกล้า ผสมผสานไปกับตัวตนอันโดดเด่นในอุตสาหกรรมแฟชั่น ทำให้หลังจากเปิดตัวคอลเล็กชั่น “Exquisite Gucci” ออกมา อเลสซานโดรก็ได้สร้างความประทับใจให้กับสาวกของแบรนด์อีกครั้งผ่านแคมเปญภาพยนตร์ที่เต็มไปด้วยแรงบันดาลใจมาจากภาพยนตร์สุดไอคอนิกของ “Stanley Kubrick” ผู้กำกับชาวอเมริกาผู้ล่วงลับ ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้ไม่เพียงหยิบยกเอาฉากสุดคุ้นตาของภาพยนตร์ต่างๆ มาสร้างสรรค์ให้กับเสื้อผ้าของอเลสซานโดรเท่านั้น ทว่ายังเป็นการสดุดีแด่ผู้กำกับมากความสามารถอย่างแสตนลีย์อีกด้วย
WATCH
“ถ้าคุณถามผม ผมคิดว่าเครื่องแต่งกายไม่ได้เป็นและไม่มีวันกลับไปเป็นเพียงแค่เสื้อผ้าสักตัวอีกต่อไปแล้ว เพราะเครื่องแต่งกายได้กลายมาเป็นสิ่งที่สะท้อนตัวตนของเรา และตัวตนที่เราเลือกจะเป็น อีกหนึ่งวิธีที่จะถ่ายทอดความปรารถนา ความรู้สึกและตัวตนของเราให้เป็นรูปเป็นร่างที่สุด นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ผมจินตนาการอยู่เสมอว่าคอลเล็กชั่นแบบภาพยนตร์จะช่วยถ่ายทอดสิ่งเหล่านั้นได้ ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์ของแต่ละเรื่องราว คตินิยมที่สอดผสานกันไว้ ตลอดจนความไม่สอดคล้องกัน ที่แสดงถึงการเชิดชูความสามารถในการสร้างสรรค์ของมนุษย์” อเลสซานโดรได้กล่าวไว้ครั้งเมื่อเริ่มดำเนินการสร้างสรรค์แคมเปญภาพยนตร์ในครั้งนี้
หลังจากที่คอลเล็กชั่นนี้ได้เฉิดฉายบนรันเวย์ที่ถูกประดับตกแต่งไปด้วยกระจกอันละลานตา สู่การหยิบยกเอาเครื่องแต่งกายมาจัดแสดงใหม่อีกครั้งผ่านเลนส์กล้องในแบบฉบับภาพยนตร์ ซึ่งในครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการถ่ายทำแคมเปญทั่วไป แต่อเลสซานโดรยังได้เชิญ “Milena Canonero” ดีไซเนอร์ระดับรางวัลออสการ์ผู้เคยร่วมงานกับแสตนลีย์มาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง มาเป็นผู้ให้คำปรึกษาแก่ทีมกุชชี่ เพื่อให้การย้อนหวนคืนสู่ฉากในภาพยนตร์อันโดดเด่นและน่าประทับในครั้งนี้มีสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น
ในการถ่ายทำแคมเปญภาพยนตร์ครั้งนี้ของกุชชี่ได้สองช่างภาพคู่บุญอย่าง “Mert & Marcus Piggott” มาเป็นทั้งผู้กำกับและช่างภาพ ภายใต้การกำกับงานศิลป์โดย “Christopher Simmonds” ทีมงานสำคัญที่จะสานต่อเจตนารมณ์และความฝันของอเลสซานโดรให้เกิดเป็นรูปธรรมมากขึ้น โดยภาพวิดีโอและบรรยากาศต่างๆ ในภาพยนตร์สั้นนี้จะเผยให้เราได้เห็นถึงความโดดเด่นของไอเท็มชิ้นต่างๆ จากคอลเล็กชั่น Exquisite Gucci ผ่านการฟื้นคืนชีพให้กับโลกภาพยนตร์ของแสตนลีย์ โดยอเลสซานโดรได้ถอดประกอบ ผสมผสาน ตัดแต่งและประกอบมันกลับรวมกันอีกครั้งภายใต้แนวทางของเขาอย่างอิสระ ทั้งยังเป็นการตีความภาพยนตร์เหล่านั้นในรูปแบบใหม่ที่สะท้อนตัวตนของเสื้อผ้าจากคอลเล็กชั่นนี้ออกมา
เริ่มตั้งแต่การหยิบเอาชุดราตรี adidasxGucci ที่สลัดความเป็นสปอร์ตแวร์เพื่อกลายเป็นเครื่องแต่งกายที่เต็มไปด้วยกลิ่นอายของยุควิกตอเรียน มาถ่ายทอดความงามผ่านตัวละครใหม่ในบทบาทของ “Barry Lyndon” หรือจะเป็นชุดต่างๆ ที่ออกแบบโดย “Laura Whitcomb” ถูกสวมใส่โดยมาดอนน่าจนได้รับความสนใจทั่วนิวยอร์กในยุค 90s ถ่ายทอดผ่านฉากหลังในแบบกอธิคจากหนังเรื่อง“The Shining” อีกทั้งนำเสนอเรื่องราวอันลึกลับของ“Eyes Wide Shut” ที่โอบอุ้มความพิศวาสไว้ด้วยขนอันนุ่มนวลและประดับประดาไปด้วยไข่มุกเม็ดงาม ตลอดจนรองเท้าดีไซน์สไตล์ยุค 90s ที่อบอวลไปด้วยความคลั่งไคล้ที่เตรียมปะทุผ่านจอภาพยนตร์จากเรื่อง“A Clockwork Orange” และท้ายที่สุดกับชุดราตรีผ้าทูลล์เนื้อนุ่มที่ถูกแขวนไว้ ก็ได้พุ่งทะยานเข้าไปในพื้นที่ปลอดเชื้อและดิสโทเปียของ“Discovery One in 2001: A Space Odyssey” ซึ่งสถานการณ์ทั้งหมดเหล่านี้ได้ผสมผสานทั้งในแง่ของประวัติศาสตร์ ข้อมูล และประสบการณ์ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเอาไว้ภายใต้แนวความคิดของอเลสซานโดรที่ว่า “ทุกสิ่งและทุกอย่างสามารถเป็นอะไรก็ได้”
ด้วย “ความงดงามอันหยดย้อย” ตามชื่อคอลเล็กชั่น อเลสซานโดรยังได้พยายามรักษาสมดุลระหว่างความต้องการของเขาและผู้กำกับไว้ด้วยกันได้อย่างลงตัว ไม่ว่าจะเป็นการเลือกลำดับภาพที่ให้ความรู้สึกเหมือน Nietzsche, Kant และ Freud กำลังพูดกับผู้คนมากหน้าหลายตาบนท้องถนนในท่าทีสบายๆ ทำให้คำถามเกี่ยวกับชีวิตที่ดูเหมือนจะใหญ่ที่สุดได้กลายมาเป็นภาพป๊อปอาร์ต ทั้งการเปลี่ยนแปลงอันซับซ้อนยังสามารถเข้าถึงและเข้าใจได้อย่างง่ายดายผ่านมุมมองและประสบการณ์ สิ่งเหล่านี้ทำให้ทุกอย่างได้กลายมาเป็นไอคอนิกที่สามารถสะท้อนถึงวัฒนธรรมและตัวตนของเราได้เป็นอย่างดี
“ผมเลือกภาพยนตร์เหล่านี้ของแสตนลีย์มา เพราะสิ่งที่เขาสร้างขึ้นเป็นส่วนหนึ่งในจินตนาการร่วมกันของเราสองคน ตั้งแต่เขาได้เปรียบเสมือนผู้ทำนายนิมิต ผลงานของเขาก็ถูกจดจำไว้เช่นเดียวกับ โบสถ์ซิสทีน, ภาพวาดพระแม่มารีบนโขดหิน หรือแม้แต่กระทั่งเดอะซิมป์สันส์” อีกหนึ่งคำพูดที่แสดงความประทับใจต่อแสตนลีย์จากอเลสซานโดร
การพัฒนาของยุคสมัยทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงต่อผลงานของอเลสซานโดรอยู่ไม่น้อย ทำให้เสื้อผ้าเข้าใกล้กับความเปลือยเปล่าของชีวิตอีกครั้ง กลายเป็นอุปกรณ์สำคัญที่เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งจินตนาการ และเปรียบเสมือนอีกหนึ่งสิ่งที่คอยบอกเล่าเรื่องราว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวที่แตกหัก ความรู้สึกที่ชวนหลงใหล เส้นทางที่พาไปพบกับความเจ็บปวด และสิ่งเล็กๆ ที่จุดประกายความคิด เรื่องราวที่แฝงอยู่ในทุกห้วงความรู้สึกของมนุษย์ เช่นเดียวกับแสตนลีย์ ที่เขารู้จักเป็นอย่างดี และมิลีน่า เพื่อนรักของอเลสซานโดรที่ตอบรับคำเชิญชวนของเขาในการย้อนกลับสู่ภาพแห่งโลกภาพยนตร์อีกครั้ง
ติดตามเเละเป็นเจ้าของเครื่องเเต่งกายจากคอลเล็กชั่น "Exquisite Gucci" ของกุชชี่ได้เเล้ววันนี้ที่ช็อปกุชชี่ทุกสาขาเเละผ่านช่องทางออนไลน์ได้เเล้วที่ https://www.gucci.com/th/th/ ทั้งยังชมเเคมเปญภาพยนตร์เรื่อง "The Exquisite Gucci Campaign" พร้อมกันได้เเล้วที่ด้านล่างนี้!
WATCH