ถึงแม้ว่าซีรี่ส์ “The Sandman” จากแพลตฟอร์มสตรีมมิ่งอย่าง Netflix กำลังเป็นที่พูดถึงอย่างมากบนโลกออนไลน์ โดยเฉพาะการหยิบยกเอาเรื่องราวของตัวละครต่างๆ มาเล่าให้แฟนซีรี่ส์ได้รู้จักถึงความเป็นมากันเพิ่มมากขึ้น ตลอดจนการตีความในบทบาทที่เราได้เห็น และการวิพากษ์วิจารณ์อย่างเข้มข้นในการพลิกบทบาทของตัวละครจากในเวอร์ชั่นคอมมิกส์สู่เวอร์ชั่นคนแสดงที่เราได้เห็น แล้วถ้าหากต้องการเปลี่ยนแปลงบุคลิกของตัวละครหนึ่งให้มีความแตกต่างออกไปจากเวอร์ชั่นต้นฉบับ อะไรคือสิ่งที่จะเข้ามาทดแทนภาพจำที่อยู่ในจินตนาการของเราได้ล่ะ ซึ่งคำตอบสำหรับสิ่งนั้นคงต้องพูดถึงภาพรวมตั้งแต่ทักษะการแสดงของเหล่านักแสดง การถ่ายทอดบทบาทในอีกเวอร์ชั่นที่ได้รับมาให้ยังคงไว้ซึ่งกลิ่นอายในแบบออริจินัล และเสื้อผ้าเองก็เป็นอีกส่วนสำคัญที่จะพาเหล่าผู้ชมได้เปิดใจรับชมตัวละครนั้นๆ ในอีกมิติหนึ่ง

     เช่นเดียวกับตัวละคร “Lucifer Morningstar” หรือที่เรารู้จักกันดีในชื่อ “ซาตาน” ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกในเล่มการ์ตูนเรื่อง “The Sandman” ที่ถูกตีพิมพ์โดย DC Comics นั่นเอง โดยในฉบับออริจินัลนั้น ลูซิเฟอร์มีลักษณะเป็นชายวัยกลางคนผู้เปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลและพลังที่แฟนคอมมิกส์ยกให้เทียบเท่ากับพระเจ้าหรือผู้เขียนที่สร้างตัวละครต่างๆ ขึ้นมาเลยทีเดียว ซึ่งในครั้งนี้ทีมผู้สร้างอย่าง Neil Gaiman, David S. Goyer และ Allan Heinberg ได้หยิบเอาตัวละครอย่างลูซิเฟอร์มาสร้างสรรค์และถ่ายทอดเรื่องราวผ่านนักแสดงหญิงมากความสามารถอย่าง “Gwendoline Christie” นั่นเอง โดยเธอเองก็ได้ถ่ายทอดเสน่ห์และความน่าเกรงขามของตัวละครออกมาได้อย่างดีเยี่ยม

Lucifer Morningstar เวอร์ชั่นคอมมิกส์ เเละ Lucifer Morningstar เวอร์ชั่นซีรี่ส์โดย Netflix

     ไม่เพียงแต่นักแสดงอย่างเกว็นโดลีนที่ถ่ายทอดกลิ่นอายของตัวละครนี้ออกมาได้อย่างถึงอารมณ์แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่เราต้องยกความดีความชอบให้กับตัวละครนี้คงต้องพูดถึงเครื่องแต่งกายของเธอที่มีความโดดเด่นและสง่างาม สะท้อนความน่าหลงใหลในพลังอำนาจของเจ้าผู้ครองยมโลกได้อย่างไร้ที่ติ ซึ่งเสื้อผ้าเหล่านี้ถูกออกแบบและตัดเย็บโดย “Giles Deacon” ดีไซเนอร์สัญชาติอังกฤษผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์แฟชั่นในชื่อเดียวกันนี้ ทั้งยังเป็นสามีของเธอเองอีกด้วย

Giles Deacon แฟชั่นดีไซเนอร์เเละผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของแบรนด์ Giles Deacon Group / ภาพจาก Vogue Runway

     แบรนด์ “Giles Deacon” ถูกก่อตั้งขึ้นมาตั้งแต่ในปี ค.ศ. 2003 โดยคอลเล็กชั่นแรกของแบรนด์นี้ถูกออกแบบและดีไซน์ขึ้นมาในปี 2004 โดยเป็นเสื้อผ้าแบบ Ready-to-Wear ได้รับแรงบันดาลใจมาจากการแต่งกายของหญิงสาวในยุคปี 1970s ทำให้ในแต่ละลุคของคอลเล็กชั่นนี้แฝงไปด้วยกลิ่นอายความเซ็กซี่ ไม่ว่าจะการเลือกเนื้อผ้าที่นำมาตัดเย็บเพื่อให้ได้ชุดที่เผยสัดส่วนของหญิงสาว หรือจะเป็นชุดที่ถูกตัดเย็บโดยเน้นอวดรูปร่างเฉพาะส่วน ออกแบบมาในโทนสีที่มีความวินเทจและผ้าแบบพิมพ์ลายซึ่งเป็นที่นิยมในช่วงเวลานั้น ด้วยความน่าสนใจของคอลเล็กชั่นนี้ทำให้แบรนด์ไกลส์ ดีคอน ได้รับการชื่นชมจากหลากหลายฝ่าย จนได้รับรางวัล “Best New Designer” จากงาน British Fashion Award 2004 ในที่สุด

     หลังจากนั้นดีคอนยังคงทำงานเรื่อยมาในฐานะดีไซเนอร์ และได้ออกแบบชุดในคอลเล็กชั่นประจำฤดูกาลต่างๆ ได้อย่างน่าสนใจ เช่น คอลเล็กชั่น Ready-to-Wear ประจำฤดูใบไม้ร่วงในปี ค.ศ. 2006 ซึ่งการออกแบบคอลเล็กชั่นนี้เขาได้เลือกใช้โทนสีดำเป็นโทนสีหลักในการออกแบบ เพิ่มความคลาสสิกที่น่าหลงใหลด้วยโทนสีเงิน สีทอง และสีขาว เพื่อสร้างมิติและซิลูเอตใหม่ให้กับเสื้อผ้า ตลอดจนการเลือกใช้วัสดุที่มีความแวววาวในการดึงจุดสนใจอีกด้วย พร้อมทั้งยังนำเอาการตัดเย็บเสื้อผ้าแบบโอตกูตูร์มาผสมผสานลงไป ทำให้ได้เสื้อผ้าที่สร้างความนิยมให้กับวงการแฟชั่นในลอนดอนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ด้วยไอเดียสร้างสรรค์และความน่าสนใจทำให้ในปีเดียวกันนี้ดีคอนได้รับรางวัล British Fashion Designer of the Year ประจำปี 2006 ไปครอบครอง

     ต่อมาในปี ค.ศ. 2009 ดีคอนยังคงคว้ารางวัลอย่างต่อเนื่อง โดยในปีนี้เขาได้สร้างสรรค์ผลงานเด่นอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคอลเล็กชั่น Ready-to-Wear ประจำฤดูใบไม้ผลิ ที่เน้นใช้สีสันสดใสในการออกแบบทั้งยังดีไซน์ออกมาในรูปแบบชุดเดรสที่แฝงไปด้วยรายละเอียดต่างๆ ที่น่าสนใจอย่างการหยิบเอาผ้าพิมพ์ลายแพตเทิร์นมาตัดเย็บ ตลอดจนการเลือกสรรเครื่องประดับที่เข้ากันได้ดีกับชุด และคอลเล็กชั่น Ready-to-Wear ประจำฤดูใบไม้ร่วง ที่มีการนำเอาเนื้อผ้าแบบกำมะหยี่มาตัดเย็บ พร้อมตกแต่งด้วยขนสัตว์ให้ความรู้สึกนุ่มฟู ทั้งยังมีการนำเอาชิ้นส่วนแปลกตาอย่างโลหะทรงแหลมมาประดับเป็นอีกหนึ่งชุดที่น่าสนใจ โดยในปีนี้เขายังคว้ารางวัลจากประเทศฝรั่งเศสกับรางวัล “Grand Prix” จากเวที ANDAM Fashion Award ปี 2009

    ด้วยความสามารถอันโดดเด่นตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมา ผนวกเข้ากับประสบการณ์ที่เขาเรียนรู้มาตั้งแต่ช่วงวัยหนุ่ม ทำให้ในปี 2010 เขาได้รับเชิญให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของเมซง “Ungaro” แบรนด์แฟชั่นสัญชาติฝรั่งเศสที่รวบรวมบรรดาไอเท็มแฟชั่นสำหรับสุภาพบุรุษไว้ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องแต่งกาย เครื่องประดับและน้ำหอม ซึ่งดีคอนดำรงตำแหน่งอยู่ในช่วงระยะเวลาราวๆ 1 ปี ทำให้ในช่วงระยะเวลานั้นเราได้เห็นเสื้อผ้าผู้หญิงจากคอลเล็กชั่นของเขาแฝงไปด้วยกลิ่นอายของความมัสคิวลีน เช่น คอลเล็กชั่น Pre-Fall ปี 2011 คอลเล็กชั่นที่เขาเลือกใช้ผู้หญิงผิวดำมาเป็นผู้ถ่ายทอดความสวยงามของเสื้อผ้า โดยในหลายๆ ชุดจะเห็นถึงการนำเอาสไตล์การตัดเย็บเสื้อผ้าผู้ชายเข้ามาผสมผสานมากขึ้น

    การเดินบนเส้นทางดีไซเนอร์ของดีคอนยังคงสร้างความประทับใจให้เหล่าคนแฟชั่นอยู่เสมอในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จนกระทั่งในปี ค.ศ. 2016 เขาได้พิสูจน์ตัวเองบนเส้นทางนี้อีกครั้งกับการรังสรรค์คอลเล็กชั่นกูตูร์ประจำฤดูใบไม้ร่วงปี 2016 ซึ่งคอลเล็กชั่นนี้ดีคอนจงใจรังสรรค์ขึ้นมาให้เสื้อผ้ามีซิลูเอตที่แปลกใหม่และน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตั้งแต่การเลือกเฉดสีที่มีความสด ตลอดจนการนำผ้าพิมพ์ภาพสามมิติมาตัดเย็บเป็นชุด ถือได้ว่าเป็นการสร้างสรรค์ซิลูเอตของชุดกูตูร์ในอีกรูปแบบหนึ่งที่สะท้อนตัวตนและเรื่องราวของดีไซเนอร์คนนี้ได้อย่างดี

     ถึงแม้หลังจากนั้นผลงานและกระแสความนิยมในแบรนด์ของดีคอนอาจเงียบหายจากวงการแฟชั่นไปบ้าง แต่เขายังคงสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนื่อง จนเมื่อไม่นานนี้ดีคอนได้กลายมาเป็นส่วนสำคัญในการเชื่อมโยงโลกแฟนตาซีเข้ากับโลกแฟชั่น เมื่อ Gwendoline Christie ภรรยาของเขาได้ก้าวเข้ามารับบทบาทสำคัญในซีรี่ส์เรื่อง The Sandman ในบทบาทของ Lucifer Morningstar ครั้งนี้ดีคอนจึงได้เป็นผู้รังสรรค์และถ่ายทอดความสง่างามอันน่าเกรงขามของตัวละครนี้ ผ่านชุดต่างๆ ของเธอถึง 3 ชุดเพื่อถ่ายทอดอารมณ์และความรู้สึกที่ส่งผ่านตัวละครนี้

     โดยทั้งสามชุดนั้นดีคอนได้ตีความหมายจากนิยามของคำว่า “ซาตาน” โดยชุดแรกกับชุดสีดำที่สื่อถึงความมืดมิดอันเป็นตัวตนของซาตาน โดยนำมาผสมผสานกับแรงบันดาลใจจากการแต่งกายสไตล์พังก์ ตัดเย็บด้วยวัสดุหนังสีดำ และพิมพ์ลายสามมิติ เพื่อเพิ่มผิวสัมผัสให้ดูเข้าถึงความน่าสะพรึงกลัวของซาตานมากยิ่งขึ้น ด้านในสวมใส่ด้วยชุดบอดี้สูทที่ถูกตัดเย็บด้วยผ้าพิมพ์ลายเปลวไฟที่สื่อถึงเปลวไฟในยมโลกที่คอยแผดเผาวิญญาณที่กระทำผิด ต่อมาที่ชุดสีขาว ที่หากเพียงมองผิวเผินอาจไม่ต่างอะไรจากชุดทั่วไปแต่ในความเป็นจริงแล้ว ลูซิเฟอร์หรือซาตานมักเป็นสิ่งที่เกี่ยวข้องกับความตาย ทำให้ดีคอนได้หยิบยกเอาชุดกิโมโนสีขาวที่มักถูกนำมาส่วมใส่ในพิธีศพตามวัฒนธรรมญี่ปุ่นมาประยุกต์เเละดัดแปลงเป็นชุดนี้ และชุดสุดท้ายกับเสื้อคลุมที่ดีคอนได้เลือกเอาสีแดงสดมาเป็นสัญลักษณ์ในการสื่อถึงความดุดันของตัวละคร ตลอดจากการเป็นสีที่สื่อถึงนรกอันเป็นที่อยู่ของสิ่งมีชีวิตอย่างซาตานนั่นเอง

ชมเรื่องราวและคอลเล็กชั่นต่างๆ ของ Giles Deacon เพิ่มเติมได้ที่นี่!