FASHION
คู่แรกของโลก! Nike เปิดตัวรองเท้าผูกเชือกเองได้แบบในหนังเรื่อง Back to the Futureผมถูกเรียกร้องให้ทำรองเท้าแบบในหนังอยู่หลายปี ในที่สุดในปี 2006 ผมก็ไปหามาร์ก ปาร์กเกอร์ ซีอีโอของไนกี้แล้วบอกว่า “ทำไมไม่ลองทำรองเท้าแบบนั้นดูล่ะ” |
[NO SPONSORED]
จากรองเท้าผูกเชือกเองได้สุดล้ำในภาพยนตร์ Back to the Future 2 เมื่อปี ค.ศ. 1989 ที่หลายคนเคยสบประมาทว่าถึงอย่างไรรองเท้าคู่นี้ก็เป็นเพียงอุปกรณ์ประกอบฉากที่มนุษย์ได้แต่ฝันเฟื่องไม่มีวันเป็นจริง ล่าสุด Nike สานฝันคนทั้งโลกโดยเฉพาะแฟนรองเท้าสนีกเกอร์ให้เป็นจริง หลังซุ่มพัฒนารองเท้ารุ่นนี้มา 10 ปีเต็ม ในที่สุดเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2560 ที่ผ่านมา รองเท้าแห่งอนาคตซึ่งกลายเป็นปัจจุบันรุ่น HyperAdapt 1.0 จากไนกี้ก็วางขายเป็นที่เรียบร้อยในราคา 720 เหรียญ หรือราวๆ 23,500 บาท!
“เมื่อปี 1987 ผมได้รับเชิญให้ออกแบบรองเท้าสำหรับเข้าฉากในภาพยนตร์ชุด Back to the Future ภาค 2 โจทย์คือทีมผู้สร้างต้องการรองเท้ารุ่นพิเศษที่ผู้คนจะใส่กันในปี 2015 (ซึ่งในตอนนั้นคืออนาคตอีก 25-28 ปีข้างหน้า)” ทิงเกอร์ แฮตฟิลด์ อดีตนักกีฬาแชมป์รัฐและดีไซเนอร์ในตำนานผู้คิดค้นรองเท้าไนกี้รุ่น Air Max, Jordan และ Track Spikes และรองประธานกรรมการฝ่ายออกแบบและโปรเจ็กต์พิเศษของไนกี้เล่าถึงจุดเริ่มต้นของไอเดียรองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติในรายการสารคดีเรื่อง Abstract: The Art of Design ตอน Footwear Design “ตอนนั้นผมคิดว่าสิ่งที่คนในอนาคตต้องการก็คือรองเท้าที่ฉลาดและรู้ว่าคุณเป็นใคร ทันทีที่คุณสวมมันจะมีชีวิต และปรับเปลี่ยนเพื่อรองรับรูปร่างเท้าของแต่ละคน”
ฉากเด่นจากภาพยนตร์เรื่อง Back to the Future ภาค 2 นำเสนอรองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติที่ผู้คนใส่กันในปี 2015 ออกแบบโดยทิงเกอร์ แฮตฟิลด์
แม้รองเท้าคู่ที่ใช้เข้าฉากในเรื่อง Back to the Future ภาค 2 จะเป็นเพียงรองเท้าอัตโนมัติแบบหลอกที่แท้จริงแล้วต้องอาศัยคนดึงเชือกอยู่หลังกล้อง แต่ทันทีที่ภาพยนตร์ออกฉายในปี 1989 รองเท้ารุ่นนี้ก็กลายเป็นที่ฮือฮา “เราถูกเรียกร้องให้ทำรองเท้าแบบในหนังอยู่หลายปี ในที่สุดในปี 2006 ผมก็ไปหามาร์ก ปาร์กเกอร์ (ซีอีโอของไนกี้) แล้วบอกว่า ‘ทำไมเราไม่ลองทำรองเท้าแบบนั้นกันดูล่ะ’ ”
Nike รุ่น HyperAdapt 1.0 รองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติรุ่นสมบูรณ์รุ่นแรกของโลก / ภาพ: The Courtesy of Nike
พร้อมกันนั้นทิงเกอร์ แฮตฟิลด์ ยังเล่าแรงบันดาลใจสำคัญที่สืบเนื่องมาจากช่วงที่เขายังเป็นนักกีฬาอาชีพ ก่อนจะผันตัวมาเป็นดีไซเนอร์ตามคำชักจูงของบิลล์ บาวเวอร์แมน อดีตโค้ชและผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทไนกี้ว่า “ผมท้าให้คุณลองไปสังเกตดูเท้าของนักบาสเกตบอลมืออาชีพที่เล่นมาเป็นสิบปีสิ บอกเลยสภาพแย่มาก สาเหตุหลักเลยคือพวกเขาสวมรองเท้าคับเกินไป พวกนักกีฬาจำเป็นต้องผูกเชือกรองเท้าแน่นๆ เพื่อให้คล่องตัวทั้งเวลาซ้อมและแข่ง เท้าของนักกีฬาเหล่านี้จึงผิดรูป บาดเจ็บ หรือพิการ แต่จะดีแค่ไหนถ้าขณะที่คุณกำลังยืนรอชู้ตลูกโทษ รองเท้าของคุณสามารถคลายออกอัตโนมัติเพื่อให้เลือดได้ไหลเวียนและให้เท้าได้พักบ้าง เมื่อถึงคิวชู้ตของคุณ รองเท้าอัจฉริยะคู่นี้จะรู้ทันทีจากการขยับตัวเร็วขึ้น มันจะรัดตัวกลับมาแน่นเหมือนเดิม” และนี่คือจุดเริ่มต้นที่ดีไซเนอร์นักคิดการใหญ่คนนี้เริ่มทำรองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติพลังงานไฟฟ้าที่เขาให้ชื่อว่า E.A.R.L. (เอิร์ล)
(ซ้าย) ทิงเกอร์ แฮตฟิลด์ รองประธานกรรมการฝ่ายออกแบบและโปรเจ็กต์พิเศษ และ (ขวา) ทิฟฟานี่ เบียร์ส นักพัฒนาอาวุโสของไนกี้ สองดีไซเนอร์ผู้ร่วมคิดค้นรองเท้ารุ่น HyperAdapt 1.0 / ภาพ: The Courtesy of Nike
และแน่นอนว่าการจะสานฝันเพื่ออนาคตได้ทิงเกอร์ต้องการเพื่อนร่วมอุดมการณ์มาช่วยกันพัฒนาให้เป็นจริง “ทิฟฟานี่ เบียร์ส (Tiffany Beers)” นักพัฒนาอาวุโสของไนกี้คือคนที่ทิงเกอร์เล่าไอเดียให้ฟังเป็นคนแรก หลังจากนั้นทั้งคู่จึงร่วมกันพัฒนารองเท้าแห่งอนาคตเรื่อยมา และหลังจากทำงานอย่างหนัก ทั้งคู่ก็ได้รองเท้าผูกเชือกเองได้คู่แรกในปี 2007 แม้จะมีปุ่มผูกเชือกอัตโนมัติก็จริงแต่มอเตอร์ในสมัยนั้นยังใหญ่เทอะทะอยู่มาก “เราต้องรอให้เทคโนโลยีพัฒนาก่อน ต้องรอให้เทคโนโลยีมอเตอร์เล็กลง แรงขึ้น เร็วขึ้น เราต้องหยุดพัฒนามันไปสักพักเลยล่ะ ต้นแบบตอนนี้มันยังไม่ใกล้เคียงกับที่เห็นในภาพยนตร์เท่าไหร่” ทิฟฟานี่ เบียร์สกล่าวถึงต้นแบบรองเท้า E.A.R.L. คู่แรกในสารคดีชุด และไม่มีใครคาดคิดว่าจากวันนั้นที่รองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติยังเป็นเพียงฝันจนทีมงานเองยังเกือบถอดใจจนต้องหยุดพัฒนาไปพักใหญ่ วันนี้ทั้งคู่ทำสำเร็จแล้ว!
รองเท้ารุ่น Nike Mag รองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติรุ่นแรกที่ไนกี้นำออกสู่ตลาดในปี 2015 แบบลิมิเต็ด เอดิชั่น / ภาพ: The Courtesy of Nike
รองเท้ารุ่น HyperAdapt 1.0 ไม่ใช่รองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติรุ่นแรกที่ไนกี้นำออกสู่ตลาด ก่อนหน้านี้ในปี 2015 ไนกี้เปิดตัวรุ่นพิเศษอย่าง Nike Mag รองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติที่ผลิตออกมาแบบลิมิเต็ด เอดิชั่นเพียง 89 คู่ทั่วโลก เพื่ออุทิศให้กับมูลนิธิไมเคิล เจ. ฟ็อกซ์ เพื่อผู้ป่วยโรคอัลไซเมอร์ ซึ่งอาจเรียกได้ว่าโปรเจ็กต์นี้เป็นการทดลองตลาดเพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเปิดตัวรองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติรุ่นสมบูรณ์แบบครั้งแรกของโลกอย่าง HyperAdapt 1.0 ในปีถัดมา
เปิดกล่อง Nike รุ่น HyperAdapt 1.0 รองเท้าผูกเชือกอัตโนมัติรุ่นสมบูรณ์รุ่นแรกของโลก / ภาพ: The Courtesy of Nike
รองเท้ารุ่น HyperAdapt 1.0 มาพร้อมอแดปเตอร์สำหรับชาร์จไฟระบบแม่เหล็ก 1 คู่ สำหรับรองเท้า 2 ข้าง โดยมีสัญญาณไฟแสดงปริมาณแบตเตอรี่เมื่อเต็มเป็นสีฟ้า สีเหลืองเมื่อแบตเหลือครึ่งหนึ่ง และคุณควรรีบชาร์จด่วนเมื่อมันเปลี่ยนเป็นสีแดง โดยใช้เวลาราวๆ 3 ชั่วโมงสำหรับการชาร์จไฟจนเต็ม 1 ครั้ง จากนั้นคุณสามารถใช้งานต่อเนื่องได้ถึง 2 สัปดาห์เต็ม พร้อมระบบจดจำความแน่นอัตโนมัติที่ตั้งค่าไว้ล่วงหน้าได้คล้ายเบาะรถยนต์ วางขายแล้วในสหรัฐอเมริกา ประเทศแถบยุโรป ญี่ปุ่น และจีน เฉพาะร้านที่ได้รับเลือก และแอปพลิเคชั่น Nike Sneakrs ในสนนราคาคู่ละราวๆ 23,500 บาท
วิดีโอเปิดตัวแนะนำรองเท้ารุ่น HyperAdapt 1.0 อย่างเป็นทางการของ Nike
งานนี้ไม่ว่าแฟนสนีกเกอร์และแฟนหนังไซไฟเรื่องดังจะฟินเวอร์กันขนาดไหน แต่คงไม่มีใครฟินได้มากไปกว่าทิงเกอร์ แฮตฟิลด์ และทิฟฟานี่ เบียร์ส สองคู่หูจำเป็นที่ร่วมหัวจมท้ายกันมานานถึง 10 ปีเพื่อความสำเร็จครั้งนี้โดยเฉพาะ หรือนี่คือการเริ่มต้นของอีกหนึ่งเกมการตลาดที่จะพิสูจน์ว่าใครกันแน่คือ “ตำนานแห่งนักพัฒนาของวงการออกแบบ” ตัวจริง!
เรื่อง: ปภัสรา นัฏสถาพร
ข้อมูลอ้างอิงและภาพ: Nike, Abstract: The Art of Design
WATCH