FASHION
รักษ์โลกไม่จำเป็นต้องเชย! Diesel เปิดตัวโปรเจกต์ที่จะทำให้ 'อัปไซเคิล' น่าสนใจกว่าที่เคย
|
เมื่อทั้งโลกให้ความสนใจกับกระบวนการการได้มาซึ่งผลงานด้านแฟชั่น อุตสาหกรรมแฟชั่นเองก็ต้องปรับตัวตามโดยคงคุณภาพพร้อมทั้งความคิดสร้างสรรค์มิให้เสื่อมไป Diesel ก็เล็งเห็นในประเด็นเรื่องทิศทางการรังสรรค์ผลงานในวงการแฟชั่นยุคนี้อย่างเฉียบคม โปรเจกต์ “DIESEL UPCYCLING FOR” จึงเกิดขึ้น โปรเจกต์นี้คือโปรเจกต์ส่งเสริมการทำงานที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในอุตสาหกรรมแฟชั่นปัจจุบันโดยมุ่งเน้นไปที่เรื่องการทำ “อัปไซเคิล” ซึ่งแนวคิดใหม่นี้ช่างประจวบเหมาะกับกลยุทธ์ “For Responsible Living” ของแบรนด์เพื่ออนาคตที่ยั่งยืนพอดิบพอดี หลักการเป็นทางเลือกใหม่ การยืนหยัดเพื่อโลก การเฉลิมฉลองความเป็นปัจเจก และการยึดมั่นในคุณธรรม ทั้ง 4 หลักซึ่งเป็นพื้นฐานของกลยุทธ์นี้จะนำดีเซลก้าวสู่ช่วงเวลาสำคัญในการรักษ์โลกได้อย่างไรติดตามได้ในบทความนี้เลย
บรรยากาศ ณ งานเปิดตัวโปรเจกต์
ต้องอธิบายก่อนว่าการทำอัปไซเคิลไม่ได้หมายถึงการนำกลับมาใช้ใหม่หรือการนำไปแปรรูปธรรมดา แต่หมายถึงการนำสิ่งของชิ้นเดิมมาปรับเปลี่ยนรูปแบบให้กลายเป็นสิ่งใหม่ขึ้นมาซึ่งต้องอาศัยความคิดสร้างสรรค์จากทีมงานและดีไซเนอร์ของแบรนด์อย่างมาก กรรมวิธีนี้จึงเหมาะอย่างยิ่งในอุตสาหกรรมแฟชั่นยุคปัจจุบันที่ต้องรักษ์โลกแต่มิอาจทิ้งไอเดียอันล้ำเลิศไว้เบื้องหลังได้ ซึ่งโปรเจกต์ใหม่ของดีเซลนั้นจะจับมือร่วมกับ 55DSL ซึ่งเป็นแบรนด์ย่อยของดีเซลเองเพื่อสร้างสรรค์ผลงานสไตล์สปอร์ตที่จะใช้วัสดุเหลือจากสินค้าค้างสต็อกและผลงานในอดีต รวมถึงงานต้นแบบต่างๆ ที่จะถูกนำมารีเวิร์กใหม่ให้กลายเป็นไอเท็มชิ้นลิมิเต็ด
การถ่ายภาพรวมของทีมงานแบรนด์ Diesel ทื่รังสรรค์โปรเจกต์ครั้งนี้
ด้วยความน่าสนใจครั้งนี้เราจึงย้อนถามผู้เกี่ยวข้องกับโปรเจกต์ของดีเซลถึงแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์ความน่าสนใจครั้งนี้ โดยใจความหลักของการทำสิ่งเหล่านี้คือการลดใช้วัสดุใหม่ ทุกครั้งการทำเสื้อผ้ามักใช้วัสดุใหม่และมักกลายเป็นขยะในเวลาต่อมาเสมอ ทางดีเซลจึงต้องการลดความสิ้นเปลืองในจุดนี้เพื่อสร้างผลดีแก่โลกของเราด้วย เสื้อผ้าที่กลายเป็นขยะนั้นก็เกิดจากความรวดเร็วในการใส่และคุณภาพของสินค้า ขยะมหาศาลถูกทิ้งและมีการนำไปรีไซเคิลเพียงน้อยนิดเท่านั้น สาเหตุนี้ยิ่งทำให้ดีเซลมองว่าเราต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อรักษาโลกและแต่ยังคงการทำธุรกิจสุดสร้างสรรค์ไปได้พร้อมกัน ด้วยเหตุผลทั้งหมดจึงทำให้เกิดโปรเจกต์นี้ขึ้นมา การอัปไซเคิลนั้นเหนือกว่ารีไซเคิลตรงการรักษาคุณภาพของวัสดุและสามารถสร้างสรรค์ผลงานได้อย่างมิติความสร้างสรรค์นั่นเอง และทางแบรนด์ก็มั่นใจว่าสามารถผลิตสิ่งใหม่ๆ โดยใช้วัสดุเหลือใช้มาเป็นรากฐานของผลงานการออกแบบ ในวันที่ใครก็พูดถึงอัปไซเคิลแบรนด์ชั้นนำจากอิตาลีก็ไม่มีทางพลาด พวกเขาปรับใช้วิธีการนี้กับคาแรกเตอร์ของตัวเองอย่างมีจุดเด่น
WATCH
Renzo Rosso ประธานกลุ่มบริหาร OTB Group บริษัทแม่ของแบรนด์ Diesel มาดูแลโปรเจกต์อย่างใกล้ชิด
แล้วทำไมถึงต้องเป็น 55DSL ทางดีเซลก็ระบุอย่างชัดเจนว่าการร่วมกับแบรนด์ไลน์ย่อยนี้จะช่วยให้กรอบความคิดถูกขยายกว้างขึ้น ไอเดียเริ่มแรกของโปรเจกต์ผูกติดกับวลี “Made at Home” ซึ่งมุ่งเน้นการหาวัสดุที่หาได้ตามบ้านทั่วไป ซึ่งแบรนด์ย่อยนี้สามารถตอบโจทย์เชิงสร้างสรรค์ได้ เพราะด้วยดีไซน์การออกแบบที่คงความสวยงามแต่นำเสนอในรูปแบบการทดลองซึ่งสอดคล้องกับการนำกรรมวิธีอัปไซเคิลมาใช้ในคอลเล็กชั่นนี้ เพราะฉะนั้นเราจะยังคงเห็นเอกลักษณ์ในแบบของทั้ง 2 แบรนด์เด่นชัดโดยไม่ต้องกังวลว่าการนำเสนอรูปแบบใหม่จะมารบกวนความมั่นคงในแบบของแบรนด์อิตาลีนี้
Renzo และ Andrea Rosso ดูแลการทำงานครั้งนี้ด้วยตัวเอง
“เราไม่อยากจะพูดเกาะกระแส Sustain” ทางดีเซลย้ำว่าการทำโปรเจกต์นี้มิได้ต้องการออกคอลเล็กชั่นแคปซูลในชื่อ “Sustainability” เท่านั้น แต่แบรนด์ต้องการจะทำมันอย่างจริงจัง ตอนนี้เริ่มพัฒนาปรับปรุงแก้ไขและจะทำต่อไปเรื่อยๆ ทางแบรนด์มีแผนจะปล่อยคอลเล็กชั่น “DIESEL UPCYCLING FOR” ทุก 6 เดือนเพื่อเป็นเหมือนสถานีทดลองการปัญหาสิ่งแวดล้อมในปัจจุบันโดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องขยะจากวัสดุต่างๆ และแน่นอนว่าดีเซลไม่ได้ต้องการแค่เปิดตัวไลน์ใหม่แต่พวกเขายังเป็นตัวอย่างสาธิตในการริเริ่มเพื่อปกป้องโลกใบนี้ของเราผ่านไอเดียและวิธีการอันสร้างสรรค์ในแบบฉบับของแบรนด์แฟชั่น ตัวตนความดิบของดีเซลยังคงอยู่และนี่คือสิ่งแบรนด์อยากให้คนคาดหวัง แบรนด์จะไม่เปลี่ยนคาแรกเตอร์ ตอนนี้ก็พร้อมแสดงให้เห็นคำว่า “อัปไซเคิล” สามารถนำมาตีความเฉพาะเจาะจงได้ผ่านความคิดอันแตกต่าง และนั่นล่ะคือจุดที่ทำให้แม้ดีเซลจะอัปไซคลิ่งล้อไปกับกระแสโลกแต่แบรนด์ก็ยังแตกต่างอย่างมีจุดยืน ความดิบและไอเดียความสร้างสรรค์เหล่านี้อาจเป็นคำตอบของคนยุคใหม่ที่อาจจะต้องแย่งชิงกันสักหน่อยเพราะไอเท็มในโปรเจกต์นี้มีจำกัดเพียง 5,500 ชิ้นเท่านั้น โดยสาวกแฟชั่นรักษ์โลกชาวไทยสามารถหาซื้อได้ที่สยามดิสคัฟเวอรี่ชั้น G ตั้งแต่วันที่ 12 มีนาคมนี้เป็นต้นไป
1 / 20
2 / 20
3 / 20
4 / 20
5 / 20
6 / 20
7 / 20
8 / 20
9 / 20
10 / 20
11 / 20
12 / 20
13 / 20
14 / 20
15 / 20
16 / 20
17 / 20
18 / 20
19 / 20
20 / 20
WATCH