FASHION

เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล จะไม่พาอาร์ชี่กลับมาอังกฤษในวันชาติเครือจักรภพ

     หลังจากที่มีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการว่า เจ้าชายแฮร์รี่ และเมแกน มาร์เคิล จะกลับมาเยือนประเทศอังกฤษอีกครั้งในวันที่ 9 มีนาคมที่จะถึงนี้ เพื่อเข้าร่วมงานเฉลิมฉลองให้กับวันชาติแห่งเครือจักรภพประจำปี ที่จะจัดขึ้นที่มหาวิหารเวสต์มินส์เตอร์ ในฐานะของสมาชิกราชวงศ์อังกฤษชั้นสูงเป็นครั้งสุดท้าย ไม่เพียงการรอคอยที่จะได้เห็นทั้งคู่กลับมาเยือนอังกฤษอีกครั้งเท่านั้น หากยังรวมไปถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ที่ว่า การกลับมาครั้งนี้ของครอบครัวซักเซกซ์นั้น ทั้งคู่จะพาทายาทคนเดียวของเขาอย่างอาร์ชี่กลับมาด้วยหรือไม่ ก็นับเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับการจับตามองเช่นกัน...

     โดยล่าสุดมีการให้ข้อมูลการสรุปออกมาอย่างเป็นทางการจากสำนักข่าว The Sun แล้วว่า "การกลับมาเยือนประเทศอังกฤษที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้ ทั้งคู่ไม่มีแผนที่จะพาอาร์ชีเดินทางมาด้วย ซึ่งนับเป็นความน่าเสียดายที่สมาชิกราชวงศ์อย่าง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ซึ่งได้เจอหลานอาร์ชีแค่ครั้งเดียวในช่วงเดือนพฤษภาคม 2019 ในพิธีศีลจุ่มเท่านั้น จะไม่ได้มีโอกาสพบกันอีกครั้ง โดยในช่วงกว่า 2 เดือนที่ผ่านมาของปี 2020 อาร์ชียังไม่เคยได้กลับมาพำนักที่ประเทศอังกฤษอีกเลย

     การบอกลาราชวงษ์เพื่อออกไปใช้ชีวิตอยู่ที่ประเทศแคนาดาของดยุก และดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ พร้อมอาร์ชี ในวัย 9 เดือนนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า ทำให้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ ทรงเสียพระทัยเป็นอย่างมาก ทว่าล่าสุด นิตยสารวานิตี้ แฟร์ ยังได้อ้างแหล่งข่าวใกล้ชิดองค์ประมุขแห่งเครือจักรภพ เปิดเผยว่า ตอนนี้สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ไม่ประสงค์ที่จะพูด หรือคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไปแล้ว แม้ว่าสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 จะทรงได้รับเสียงชื่นชมถึงวิธีที่ทรงจัดการแก้ปัญหานี้อย่างดีก็ตาม

     นอกจากนี้ยังมีความน่าสนใจในประเด็นการใช้ตราสัญลักษณ์ว่า นักประวัติศาสตร์ชาวอเมริกันวัย 71 ปี ซึ่งเชี่ยวชาญพิเศษเกี่ยวกับประวัติราชวงศ์ ยังให้สัมภาษณ์นิตยสารวานิตี้ แฟร์ว่า “การที่พระองค์ทรงห้ามเจ้าชายแฮร์รี และเมแกนใช้ Sussex Royal เป็นเครื่องหมายการค้า เพื่อเป็นการขีดเส้นแบ่งในการใช้ความเป็นสมาชิกราชวงศ์ไปแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งพระองค์ทรงแสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่น และความยึดมั่นในหลักการที่เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับสถาบันกษัตริย์เสมอมา“



WATCH




WATCH