หนังสือกับ Karl Lagerfeld ถือเป็นของคู่กัน ดีไซเนอร์ระดับตำนานผู้ล่วงลับขึ้นชื่อว่าเป็นบุคคลที่อ่านและสะสมหนังสือจำนวนมาก อีกทั้งยังใช้เวลาอ่านจบแต่ละเล่มอย่างรวดเร็ว ร้านหนังสือจึงเป็นดั่งสถานที่พิเศษที่คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ใช้เวลาคลุกคลีอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งในปี 1999 เขาก็ริเริ่มร้านหนังสือของตัวเองภายใต้ชื่อ “7L” ที่สาวกแฟชั่นคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี เพราะสถานที่แห่งนี้ไม่ใช่ร้านหนังสือธรรมดา แต่เบื้องหลังยังแอบซ่อนสตูดิโอแฟชั่น ซึ่งสตูดิโดดังกล่าวปรากฏอยู่ในบันทึกประวัติศาสตร์ทางแฟชั่นหลายครั้ง รวมถึงภาพประกอบบทความและวิดีโอสัมภาษณ์เจ้าตัว

อ่านเรื่องราว 10 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้เกี่ยวกับ Karl Lagerfeld จากสารคดี The Mysterious Mr. Lagerfeld ได้ที่ vogue.co.th/fashion/article/10-things-about-karl-that-you-never-knew

ป้ายหน้าร้าน 7L อันเป็นเอกลักษณ์กลางกรุงปารีส / ภาพ: Pâtisserie Paris

     หลังจากที่คาร์ล ลาเกอร์เฟลด์เสียชีวิต ดูเหมือนว่า 7L จะกลายเป็นสถานที่อันเงียบงัน และไม่ค่อยได้รับการพูดถึงเช่นเดิมอีกแล้ว การรื้อฟื้นหรือชุบชีวิตสถานที่ดังกล่าวจึงเป็นเรื่องท้าทาย แม้ปัจจุบันพื้นที่ร้านหนังสือด้านหน้าจะเป็นสถานที่สาธารณะเปิดกว้างให้ทุกคนสามารถเข้ามาเลือกสรรหนังสือที่ชื่นชอบได้อย่างอิสระ ทว่าสตูดิโอเบื้องหลังก็ยังคงเปรียบดั่งพื้นที่ลับที่มีคนจำนวนไม่มากนักสามารถเข้าถึงได้ ความคิดริเริ่มที่จะชุบชีวิตให้ 7L กลับมาครึกครื้นมีชีวิตชีวาคล้ายตอนคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์ยังมีชีวิตอยู่จึงเกิดขึ้นพร้อมกับแนวทางการพัฒนาพื้นที่ควบคู่กับเรื่องศิลปวัฒนธรรม

Laurence Delamare ผู้อำนวยการที่ดูแลและชุบชีวิต 7L / ภาพ: Say Who

     Laurence Delamare คือผู้อำนวยการที่จัดการดูแล 7L มาตั้งแต่ปี 2021 โดยเธอถูกแต่งตั้งไม่นานหลัง Chanel ครอบครองสถานที่แห่งนี้อันสะท้อนถึงประวัติศาสตร์อันยาวนานของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์กับเมซง สิ่งที่ลอว์เรนซ์กำลังพยายามทำและถือเป็นแนวคิดเริ่มแรกหลังรับตำแหน่งคือการชุบชีวิตสถานที่แห่งนี้อีกครั้ง โดยเธอมุ่งเน้นการทำให้ 7L ยังคงเปี่ยมด้วยมิติความสร้างสรรค์ดั่งเช่นที่คาร์ลฟุ้งไอเดียในที่แห่งนี้อยู่เสมอ มากไปกว่านั้นเธอพยายามปรับเปลี่ยนมุมมองของคนจากเดิมที่คิดว่านี่เป็นสตูดิโอถ่ายภาพแฟชั่นสุดพิเศษสู่การเป็นพื้นที่ของเหล่าศิลปินร่วมสมัย

บรรยากาศในสตูดิโอหลังร้าน 7L อันเป็นสถานที่คลาสสิกตลอดกาลของ Karl Lagerfeld / ภาพ: Librairie 7L

     ต้องบอกว่า 7L ฟื้นตัวได้เพราะลอว์เรนซ์และผู้เกี่ยวข้องเลยก็ว่าได้ ปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานที่ดังกล่าวไม่ได้ถูกพูดถึงมากเท่าไหร่นัก แต่นับจากปี 2021 ที่เธอรับตำแหน่ง เธอจัดโปรแกรมเชิงวัฒนธรรมไว้ ณ สถานที่แห่งนี้อย่างสม่ำเสมอ ไม่ว่าจะเป็นการแสดงดนตรีและการเต้น รวมถึงนิทรรศการ และงานที่เกี่ยวข้องกับหนังสือ อีกทั้งยังรื้อฟื้นแพลตฟอร์มออนไลน์ของ 7L อย่างครบถ้วน ไล่ตั้งแต่อินสตาแกรม การปรับปรุงเว็บไซต์ และการเปิดช่องทางการขายหนังสือแบบออนไลน์ รวมถึงการสร้างแบรนด์ 7L ด้วยสถานะผู้ตีพิมพ์

การจัดวางหนังสือภายในร้าน 7L / ภาพ: Librairie 7L

     แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปและมีการปรับปรุงแต่สไตล์หนังสือของ 7L ยังคงความสร้างสรรค์ตามแบบฉบับของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์เช่นเดิม โดยมุ่งเน้นเรื่องการถ่ายภาพ สถาปัตยกรรม งานออกแบบ และการจัดสวน ทั้งหมดเชื่อมโยงสอดผสานกันด้วยคำนิยามกว้างๆ ว่า “ศิลปะ” 7L จึงเป็นเหมือนคลังความรู้ทางศิลปะที่งดงาม นอกจากนี้ยังมีการจัดวิธีนำเสนอหนังสือทั้งในรูปแบบ “Best Sellers” อย่างที่ทุกคนคุ้นเคย และแบบ “Long Sellers” หรือหนังสือขายดีในระยะยาว หรือในอีกความหมายหนึ่งคือหนังสืออมตะที่ได้รับความนิยมอย่างยาวนานและสม่ำเสมอ

การแสดงของวงดนตรี Bertrand Burgalat ภายในสตูดิโอ 7L / ภาพ: Mathieu Zazzo - WWD

     ต้องบอกว่า 7L กำลังกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง ลอว์เรนซ์ปรับปรุงทั้งเรื่องสถานที่และกิจกรรม สถานที่แห่งนี้จัดงานเกี่ยวข้องกับหนังสือจำนวนมากในช่วง 2 ปีหลัง มีงานแจกลายเซ็นของนักเขียนชื่อดังไม่ต่ำกว่าหลักครึ่งร้อย นอกจากนี้ยังมีการจัดนิทรรศการเกี่ยวข้องกับหนังสือบ่อยครั้งด้วยเช่นกัน ตอนนี้สถานที่สุดคลาสสิกของคาร์ล ลาเกอร์เฟลด์เปี่ยมด้วยมนต์เสน่ห์ที่ทำให้ทุกคนหวนนึกถึงเขาอีกครั้ง และทำให้ 7L ที่กำลังจะซบเซาหรืออาจสูญสลายตามคาร์ลไปได้กลับมาเป็นพื้นที่แห่งความมีชีวิตชีวา มากไปกว่านั้นยังเปิดช่องทางใหม่ให้คนได้สัมผัสประสบการณ์ของ 7L ในแบบที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน เชื่อเลยว่าร้านหนังสือแห่งนี้จะอยู่คู่กรุงปารีสไปตราบนานเท่านาน