FASHION

เจาะชีวิตนายแบบไทยคนแรกในแคมเปญ Burberry ที่เรื่องจริงยิ่งกว่าละคร

เมื่อ Zak Srakaew ขึ้นแคมเปญของแบรนด์ยักษ์ใหญ่จากอังกฤษ ชีวิตเหมือนจะสวยหรูแต่เบื้องหลังมันไม่ได้สวยงามขนาดนั้น

Zak Srakaew หนุ่มหน้าเข้มหุ่นแน่นที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเรื่องรอยสักและคาแรกเตอร์ที่ดูดุดันมีความแมสคิวลีนสูงมาก เขาโดดเด่นมากในภาพและวิดีโอของแบรนด์ดังจากอังกฤษ โว้กประเทศไทยจึงถือโอกาสนี้สัมภาษณ์พิเศษเจาะลึกชีวิตของหนุ่มคนนี้ว่ากว่าจะมาเป็นนายแบบระดับนี้นั้นต้องผ่านอะไรมาบ้าง ขอบอกไว้ก่อนว่าชีวิตจริงของเขายิ่งกว่าละคร กว่าจะมาถึงจุดนี้ชีวิตเขาผ่านอะไรมาและการเข้ามาในอุตสาหกรรมแฟชั่นมันเปลี่ยนชีวิตเขาอย่างไร ติดตามได้ที่นี่เท่านั้น!

Zak Srakaew ในวัยเด็กและคุณแม่

     แซ็กคือหนุ่มลูกครึ่งไทย-ลาววัย 25 ปี โดยพ่อเป็นคนลาวและแม่เป็นคนไทย ชะตาชีวิตขีดให้เขาแข็งแกร่งตั้งแต่เด็ก พ่อแม่แยกทางกันทำให้เขาต้องอยู่กับพ่อในประเทศไทยและทางแม่ย้ายไปอาศัยอยู่ ณ ประเทศอังกฤษเพื่อเริ่มชีวิตใหม่ ทว่าเคราะห์ซ้ำกำซัดแซ็กสูญเสียพ่อไปตั้งแต่อายุยังน้อยด้วยสาเหตุหัวใจวายเฉียบพลัน เขากลายเป็นเด็กสุดโดดเดี่ยวไม่มีใครคอยดูแลหากอยู่ไทยต่อ เขาเลยมีความจำเป็นต้องย้ายถิ่นฐานไปอยู่กับแม่และสามีใหม่ของเธอที่เกาะอังกฤษตั้งแต่อายุเพียง 11 ปี ชีวิตช่วงแรกของเขาออกสตาร์ตมายิ่งกว่าคำนำของละครหรือซีรี่ส์ดราม่าเสียอีก

คาแรกเตอร์ความแมสคิวลีนที่ชัดเจนของ Zak Srakaew ที่เราคิดว่าเอเจนซี่เห็นว่าเขาโดดเด่น

     การเดินทางไปอังกฤษไม่ได้ใช้ชีวิตสวยหรู...เขาไม่ได้ไปในฐานะเด็กร่ำรวยที่สามารถใช้ชีวิตอย่างอู้ฟู่หรูหราเด็กน้อยต้องตรากตรำเรียนภาษาอังกฤษทั้งๆ ที่อยู่ไทยไม่เคยเข้ารับการศึกษาเลยด้วยซ้ำ เขาเผยกับทางโว้กว่า “ผมไม่ได้เรียน ผมอ่านเขียนภาษาไทยไม่ได้เลยด้วยซ้ำครับ” เขาไปอยู่ที่นั่นพร้อมกับภาระหน้าที่ หลังจากไปอยู่ที่อังกฤษสักระยะเขาต้องทำงานที่ร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดแห่งหนึ่ง แต่แล้วดวงชะตาก็เริ่มพลิกผันจากภาพบนโลกออนไลน์ “ผมถ่ายรูปกับเพื่อนและเพื่อนโพสต์ภาพนั้นลงแพลตฟอร์มออนไลน์ มีเอเจนซี่เห็นภาพนั้นและส่งข้อความมาหาผม” เหมือนดวงจะเริ่มเข้าข้างหนุ่มแซ็กบ้างแล้วหลังจากสร้างบททดสอบชีวิตมาตั้งแต่เป็นเด็กวัยกระเตาะ



WATCH




การถ่ายแบบให้แบรนด์สปอร์ตอย่าง FILA

     “เริ่มแรกผมก็ไม่ได้สนใจแม้เขาจะถามประมาณว่าสนใจเป็นนายแบบไหม” เขาเล่าถึงช่วงเวลานั้นที่คิดว่าเขาไม่ได้สนใจกับแวดวงนี้เท่าไรนักเขาจึงไม่ได้ใส่ใจ โอกาสเหมือนจะหลุดลอยไปแต่เอเจนซี่ไม่หยุดนิ่ง “พวกเขาตามตื๊อที่จะเอาผมไปทำให้ได้ ผมเลยตัดสินใจลองไปถ่ายภาพกับเขา มันไม่ใช่อะไรที่ผมอยากทำเลยแต่ผมก็ไม่ได้หลักปักฐานอะไรที่น่าไว้ใจได้ก็เลยลองดูสักตั้ง!” แซ็กเผยถึงข้อจำกัดในช่วงนั้นที่กรอบให้เขาตัดสินใจง่ายขึ้นแม้เส้นทางนายแบบอาจไม่ใช่สิ่งที่เขาเคยคิดถึงมาก่อนก็ตาม

อีกภาพของคุณแม่และตัวเขาช่วงวัยเด็ก

     โคตรเปลี่ยนชีวิต! จะพูดว่าการเป็นนายแบบมันพลิกชีวิตเลยก็ว่าได้ “คุณก็รู้ว่าผมอาศัยอยู่ในแฟลตเล็กๆ กับแม่ ท่านต้องดิ้นรนทำงานเพื่อจ่ายค่าเช่า แต่เมื่อผมเริ่มอาชีพนายแบบผมสามารถจ่ายค่าห้องได้” นายแบบหนุ่มกล่าวถึงช่วงเวลาแห่งความภาคภูมิใจที่สามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตให้ครอบครัวสบายขึ้น และเขายังบอกอีกว่า “ตอนนี้ผมสามารถให้แม่กลับไทยได้แล้วและตอนนี้ผมยังสร้างบ้านที่บ้านเกิด ณ จังหวัดร้อยเอ็ดให้แม่ได้อีกด้วย” ถือเป็นความภาคภูมิใจของหนุ่มเข้มผู้ตรากตรำชีวิตมาอย่างยากลำบาก

การถ่ายแบบให้ Asos ที่กรุยทางให้เขาก้าวสู่แบรนด์ยักษ์ใหญ่ของ Burberry

     พอเราถามถึงอาชีพนายแบบว่าเขาคาดหวังอะไรคำตอบที่ได้ดูเป็นความสัตย์จริงกลั่นจากจิตใจที่บริสุทธิ์ว่า “ผมไม่ได้คาดหวังอะไรจากการเป็นนายแบบมากนัก ผมพยายามหาเงินเท่านั้นเองและอุตสาหกรรมนี้ก็เป็นแหล่างรายได้ชั้นดีให้กับผม และการถ่ายงานให้เบอร์เบอรี่มันเกินกว่าจะจินตนาการได้” ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ทำมันจริงจังชนิดเอาเป็นเอาตายแม้จะได้เงินถุงเงินถัง เขาไม่ได้คาดหวังอะไรเกินตัวยังนึกย้อนถึงรากเหง้าเสมอว่าตัวเองมาจากจุดไหนมาก่อน “ผมไม่เคยคาดหวังถึงเด็กน้อยจากหมู่บ้านเล็กๆ ว่าจะก้าวมาถึงจุดนี้ จุดที่ทำงานกับแบรนด์ใหญ่ระดับโลก พอมันเกิดขึ้นจริงมันเปรียบได้ยิ่งกว่าความฝัน” นายแบบคนนี้ปิดย้ำเสมอว่ามัน “เหนือจริง” เพราะเขาทำงานอย่างหนักกับ Asos เพื่อหารายได้สำหรับดำรงชีพและเก็บออมสู่อนาคตจากเม็ดเงินที่ได้ค่อนข้างเยอะ และทางเอเจนซี่ของเบอร์เบอรี่ก็ติดต่อมาโดยตรง!

แคมเปญ Burberry ล่าสุดที่เขาได้ปรากฏตัวอย่างชัดเจน (ซ้าย)

     มันยากมากที่จะสื่อสารในช่วงแรกแต่วันนี้ได้คุยกับ Riccardo Tisci หัวเรือใหญ่ของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับนี้ การเรียนจากยูทูปเพิ่มเติมช่วยเขาไว้และพอถึงเวลาอันเหมาะควรเขาได้มีโอกาสคุยกับบุคคลชั้นนำในวงการ “ผมไม่ได้คุยกันเยอะหรอกแค่บทสนทนาสั้นๆ ระหว่างกันในวันที่ยุ่งมาก” แซ็กเล่าถึงตอนนั้นว่าริคคาร์โดพูดว่า “ผมดีใจที่ได้คุณมาร่วมงาน” และเขาก็ตอบไปว่า “ขอบคุณที่ให้โอกาสผม” และหัวเรือใหญ่ของเบอร์เบอรี่ก็โพสต์ภาพเขาลงบนอินสตาแกรมซึ่งแซ็กบอกว่า “มันบ้ามาก!”

Zak Srakaew ในวันที่ประสบความสำเร็จ สามารถดูแลคุณแม่ได้อย่างสบายมากขึ้น

     แซ็กยังคงทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างความมั่นคงให้กับชีวิตตัวเองและแม่ เขาเผยถึงความฝันที่แสนเรียบง่ายแต่ทรงพลังมากว่า “ความฝันของผมคือการดูแลคนที่อยู่เบื้องหลังชีวิตผม สร้างชีวิตที่ดีกว่าให้พวกเขา” น้องจากนี้เขายังแอบทักทายคนไทยด้วยคำว่า “สวัสดีครับ” ปิดท้ายกับการสัมภาษณ์ครั้งนี้ด้วยโควตที่เขาฝากเป็นกำลังใจให้กับทุกคนว่า “ถ้าคุณเชื่อมั่นคุณก็จะทำมันสำเร็จ” เขาคือบุคคลตัวอย่างแห่งการต่อสู้ เขาไม่ยอมแพ้แม้โชคชะตาจะสร้างคลื่นยักษ์มาซัดชีวิตเขากี่ลูก เขาอาจจะล้มแต่ก็ลุกขึ้นมายืนหยัดได้ดั่งนักเซิร์ฟกับกระดานโต้คลื่นคู่ใจ บทเรียนที่เราได้จากเขาวันนี้บอกเราได้หนึ่งวลีสั้นๆ ว่า “อย่ายอมแพ้”

แคมเปญของ Burberry ที่มี Zak Srakaew ร่วมอยู่ในนั้น

 

ภาพ: Courtesy of Zak Srakaew / Burberry

WATCH