FASHION
VOGUE SCOOP | ย้อนปณิธานของ ‘Chanel’ ผู้ผนวกศิลปะและแฟชั่นเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมายาวนานกว่าศตวรรษ#VogueScoop ตั้งแต่ที่ Gabrielle Chanel ได้สนับสนุนโรงละครเมื่อกว่าศตวรรษก่อน เรื่อยมาจนถึงการเลือกประเทศไทยให้เป็นหมุดหมายในการจัดนิทรรศการศิลปะอย่าง ‘GHOST 2565’ , การฉายภาพยนตร์ ‘Memoria’ , ‘CINEMA FOR ALL PAVILLION’ ในนิทรรศการศิลปะนานาชาติร่วมสมัย Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 และล่าสุดกับ ‘A Conversation with the Sun (VR)’ ที่จะเกิดขึ้นวันที่ 24 มกราคม นี้ แสดงให้เห็นแล้วว่าชาเนลพร้อมสนับสนุนเหล่าศิลปินและผลงานเพื่อขับเคลื่อนวงการศิลปะ วงการภาพยนตร์ หรือวงการดนตรีในระดับท้องถิ่น เรื่อยไปจนถึงระดับโลกเพื่อนำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจและมิติใหม่แห่งแวดวงแฟชั่น ศิลปะ และวัฒนธรรมต่อไป |
คุณคิดว่า ‘แฟชั่น’ , ‘วัฒนธรรม’ และ ‘ศิลปะ’ เป็นสิ่งเดียวกันหรือไม่?...แน่นอนว่าหลายคนอาจมองว่าคำถามข้างต้นเป็นสิ่งที่แตกต่างกัน หรืออาจจะเป็นสิ่งที่เลียนล้อกันไปแต่ไม่ใช่ทั้งหมด ทว่า ‘Gabrielle Chanel’ ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Chanel นั้นเห็น 3 สิ่งนี้เป็นสิ่งเดียวกันมาตั้งแต่เริ่มและให้ความสำคัญมาเสมอดั่งปณิธานที่เธอตั้งไว้ว่า “แฟชั่นไม่จำเป็นจะต้องอยู่บนเสื้อผ้าเสมอไป ทว่าแฟชั่นยังปรากฏอยู่บนท้องฟ้า ซ่อนอยู่ตามหัวเมืองถนน ทั้งยังเกี่ยวข้องกับวิถีชีวิตตลอดจนสิ่งแวดล้อมรอบตัว” นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ทำให้กาเบรียล ชาเนลส่งต่อปณิธานให้แบรนด์นั้นส่งเสริมศิลปะและวัฒนธรรมให้ควบคู่ไปกับแฟชั่นมาเป็นเวลายาวนาน จนกระทั่งล่าสุด Chanel แห่งประเทศไทยได้จัดนิทรรศการภายใต้ชื่อ ‘A Conversation with the Sun (VR)’ ของผู้กำกับชาวไทยฝีมือฉมัง ‘เจ้ย-อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล’ มาจัดที่ประเทศไทยครั้งแรก ณ One Bangkok Forum ตั้งแต่วันที่ 24 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2025 เพื่อเป็นการส่งเสริมและอนุรักษณ์ศิลปะและแฟชั่น #VogueScoop ขอพาผู้อ่านทุกคนย้อนไปยังเส้นทางการสนับสนุนของชาเนลที่หมั่นนำเสนอแฟชั่นอันผนวกเข้ากับศิลปะเสมอมา จนนำมาซึ่งเอกลักษณ์ของแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสนี้ว่า ‘แฟชั่น ศิลปะ และวัฒนธรรม สามารถเป็นสิ่งสวยงามและเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันตลอดกาล’
แรกเริ่มปณิธานของการสนับสนุนศิลปะและวัฒนธรรมโดย Gabrielle Chanel
เป็นที่รู้กันดีว่าความยากลำบากในวัยเด็กในฐานะเด็กกำพร้าของกาเบรียล ชาเนล ผลักดันให้เธอได้รักความอิสระ ความล้ำสมัย หรือการขวนขวายในศิลปะและวัฒนธรรม เรื่อยไปจนถึงการค้นพบสิ่งใหม่ส่งให้เธอก้าวมาสู่ความสำเร็จในฐานะนักธุรกิจหญิงจนสามารถสร้างชื่อให้แก่แบรนด์ชาเนลมายาวนานร่วมศตวรรษ สิ่งที่กาเบรียลได้ร่วมสนับสนุนและเห็นความสำคัญของศิลปะมาอย่างยาวนาน นั่นคือเธอเป็นหนึ่งในผู้ริเริ่มจัดตั้งชุมชนของเหล่าศิลปินในฐานะเพื่อนๆ ของเธอ อาทิ Misia Sert, Serge de Diaghilev, Pierre Reverdy, Jean Cocteau และ Pablo Picasso เป็นต้น ที่บ้านพักของเธอเพื่อเป็นสถานที่ที่ให้เหล่าศิลปินได้มาแลกเปลี่ยนความคิดหรือร่วมสร้างสรรค์แนวคิดให้เกิดสิ่งใหม่ และได้เผยแพร่ผลงานสู่สายตาชาวโลก ทั้งนี้เธอมองเห็นความหมายของการเต้นรำทั้งในรูปแบบการปฏิบัติว่ามันคือการสร้างสรรค์ท่าทางได้สวยงามและพลิ้วไหวอย่างอิสระ และการเต้นรำในรูปแบบของการสื่อสารนั้นหมายถึงภาษาที่การแสดงออกถึงความงดงาม ในปี 1913 กาเบรียลได้ตกตะลึงด้านสุนทรียะอย่างแท้จริงเมื่อเธอได้ชมการแสดงบัลเลต์ 'The Rite of Spring' เป็นครั้งแรก ซึ่งออกแบบท่าเต้นโดยนักเต้น Nijinsky สมาชิกจาก Ballets Russes ของ Serge Diaghilev Misia Sert ผู้นักสังคมสงเคราะห์และนักเปียโนชาวปารีส(แต่กำเนิดที่โปแลนด์) เมื่อผู้ก่อตั้ง Ballets Russes พยายามหาทุนสนับสนุนการฟื้นฟู The Rite of Spring กาเบรียลจึงตัดสินใจร่วมสมทบทุน ส่งผลให้การแสดงของ The Rite of Spring กลับมาแสดงต่อในปลายปี 1920
ถัดมาในปี 1924 กาเบรียลผู้ซึ่งให้ความสำคัญกับความสบายและอิสระในการเคลื่อนไหวในการสร้างสรรค์ของเธออยู่เสมอ เธอจึงได้นำวิสัยทัศน์ของเธอมาใช้ในการเต้นรำด้วยการรังสรรค์เครื่องแต่งกายให้กับการแสดง 'Le Train bleu' อำนวยการสร้างโดย Ballets Russes และออกแบบท่าเต้นโดย Bronislava Nijinska ซึ่งความพิเศษนี้แทนที่จะออกแบบชุดบัลเลต์แบบเดิมๆ กาเบรียลกลับแต่งกายตัวละครเอกด้วยผลงานสร้างสรรค์ของเธอโดยนำเสนอแฟชั่นสมัยใหม่ที่เน้นประโยชน์ใช้สอยบนเวทีในบริบทของชีวิตประจำวัน ในช่วงหลายปีต่อจากนั้นกูตูรีเยร์ยังคงสร้างสรรค์ผลงานสำหรับโลกแห่งการเต้นรำ ตั้งแต่เครื่องแต่งกายของโชว์ 'Apollon Musagète' โดย Stravinsky และออกแบบท่าเต้นโดย Balanchine ไปจนถึงเครื่องแต่งกายของโชว์ 'Bacchanale' ซึ่งจินตนาการร่วมกับ Salvador Dalí แต่ไม่เคยได้เผยแพร่ออกไปให้ผู้ชมได้รู้จักมากนักเนื่องจากอยู่ในช่วงระหว่างการทำสงครามก่อนที่บัลเลต์จะเผยแพร่ไปยังเมืองนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกาในปี 1939
หลังจากนั้นเป็นต้นมาชาเนลจึงสานต่อความตั้งใจของกาเบรียลอยู่เรื่อยมา จนเมื่อปี 2021 ชาเนลได้จัดตั้งกองทุนสนับสนุนด้านวัฒนธรรมในสเกลระดับโลกอย่างเป็นทางการภายใต้ชื่อ ‘CHANEL Culture Fund’ โดยเป็นการสนับสนุนแก่ผู้บุกเบิกและเหล่าศิลปินที่มีความคิดริเริ่มในการสร้างวัฒนธรรมและพัฒนาแนวคิดใหม่ๆ และนำมาสู่รางวัล ‘CHANEL Next Prize’ กล่าวคือรางวัลระดับนานาชาติที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมนวัตกรรมในด้านศิลปะและวัฒนธรรม ทั้งนี้ยังพัฒนาขึ้นเพื่อมอบทุนทรัพย์ให้แก่บรรดาศิลปินรุ่นใหม่ที่กล้าจะเสี่ยงในการสร้างสรรค์ผลงานอันเป็นแรงบันดาลใจให้แก่ผู้คนทั่วโลกต่อไป
ประเทศไทยคืออีกหนึ่งหมุดหมายที่ Chanel เลือกให้เป็นอีกหนึ่งสถานที่เผยแพร่และสนับสนุนศิลปะและวัฒนธรรมระดับท้องถิ่นสู่ระดับโลก
เมื่อ 4-5 ปีให้หลังมานี้เหล่าสาวกคงจะเห็นอย่างชัดเจนว่าชาเนลมีความตั้งมั่นที่จะสนับสนุนและนำเสนอแฟชั่นอันผนวกเข้ากับศิลปะและวัฒนธรรมอย่างแท้จริง โดยแบรนด์เลือกให้ประเทศไทยเป็นอีกหนึ่งหมุดมายในการนำเสนอความสวยงามของแฟชั่นอันอิสระที่ผูกโยงเข้ากับงานศิลปะหลากหลายรูปแบบ หลายครั้งเราจึงเห็นวิธีการนำเสนอทั้งแฟชั่นโชว์ แคมเปญ หรือแม้แต่คอนเซปต์ไอเดียต่างๆ ที่ส่งผ่านแนวคิดรูปแบบศิลปิน ย้อนกลับไปเมื่อปี 2021 เมื่อภาพยนตร์ของผู้กำกับชื่อดังชาวไทย ‘เจ้ย-อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล’ เรื่อง ‘Memoria’ ที่ได้แบรนด์แอมบาสเดอร์ของชาเนลและนักแสดงหญิงเจ้าของรางวัลออสการ์อย่าง ‘Tilda Swinton’ มาร่วมแสดง ได้คว้ารางวัล Jury Prize จากเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ประจำปี 2021 หรือรางวัลปาล์มทองคำ ซึ่งถือเป็นรางวัลครั้งที่สองในชีวิตเขาที่ก่อนหน้าเขาได้คว้ารางวัลนี้ไปเมื่อปี 2004 ในภาพยนตร์เรื่อง ‘สัตว์ประหลาด! (Tropical Malady)’ ในปี 2022 ชาเนลจึงได้นำภาพยนตร์เรื่องดังกล่าวมาฉายที่ประเทศไทย ณ โรงแรมอมันปุริ จังหวัดภูเก็ต โดยทิลด้าได้ร่วมบินลัดฟ้าเข้าร่วมงานดังกล่าวเพื่อเฉลิมฉลองความสำเร็จครั้งนี้อีกด้วย ทั้งนี้ชาเนลยังเสมือนสนับสนุนผลงานศิลปะในแขนงต่างๆ อย่างเป็นรูปธรรมมากขึ้น
ต่อมาเมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2022 ที่ผ่านมา ชาเนลได้จัดนิทรรศการศิลปะในไทยอย่าง ‘GHOST 2565’ ที่กรุงเทพมหานคร ประเทศไทย เพื่อเฉลิมฉลองให้กับแวดวงศิลปะร่วมสมัยในประเทศไทยที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็วและมีนัยยะสำคัญ ซึ่งเป็นช่วงวันเดียวกับที่เปิดงาน “Bangkok Art Biennale” ครั้งที่ 3 โดยงานดังกล่าวเป็นซีรี่ส์นิทรรศการงานศิลป์ ฝีมือของ ‘กรกฤต อรุณานนท์ชัย’ ซึ่งชาเนลเล็งเห็นความสำคัญในการผลักดันวัฒนธรรมด้านศิลปะให้เกิดผลผลิตทางวัฒนธรรมและรากฐานอันหยั่งลึก ทั้งนี้ยังได้ ‘Park Soojoo’ ศิลปินและนางแบบระดับโลกจากเกาหลีใต้ในฐานะแบรนด์แอมบาสเดอร์ของชาเนลได้บินลัดฟ้ามาร่วมงาน พร้อมออกแบบและแสดงโชว์ร้องเพลงสุดพิเศษร่วมกันกับกรกฤตที่จัดขึ้นงานนี้โดยเฉพาะ
ดำเนินมาถึงปี 2024 ที่ชาเนลได้รับหน้าที่เป็นโฮสต์ในการจัดงานค็อกเทลต้อนรับเหล่าศิลปินผู้สร้างสรรค์งานศิลปะที่เดินทางมาเข้าร่วมงานนิทรรศการศิลปะนานาชาติร่วมสมัย Thailand Biennale, Chiang Rai 2023 ซึ่งจัดขึ้นเป็นครั้งที่ 3 ในประเทศไทยโดยมีกิจกรรมไฮไลต์อย่างการฉายหนังกลางแปลง CINEMA FOR ALL PAVILLION ซึ่งได้นำเอาภาพยนตร์หาดูยากจากทั่วโลกที่ผ่านการคัดเลือกโดย Josh Siegel ภัณฑารักษ์จากพิพิธภัณฑ์ The Museum of Modern Art แห่งมหานครนิวยอร์ก มาฉายให้ได้ชมกันภายในงานดังกล่าวภายใต้การสนับสนุนจากชาเนล เพื่อเปิดโอกาสให้เหล่าศิลปินท้องถิ่นได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ด้านงานศิลปะหลากหลายแขนงอันนำไปสู่การพัฒนาผลงานสร้างสรรค์ระดับท้องถิ่นสู่ระดับโลกในอนาคต นอกจากนี้นักแสดงหญิงทิลด้า สวินตันยังร่วมเดินทางมางานนี้ในฐานะของแบรนด์แอมบาสเดอร์ชาเนล ทั้งยังถือเป็นการโคจรกลับมาพบกันอีกครั้งกับผู้กำกับชาวไทยอย่างเจ้ยอีกด้วย
และล่าสุดกับงานที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 24 มกราคม – 2 กุมภาพันธ์ 2025 นี้ ณ One Bangkok Forum กับนิทรรศการ ‘A Conversation with the Sun (VR)’ ผลงานของเจ้ยที่จะเปิดตัวเป็นครั้งแรกที่กรุงเทพมหานคร ภายใต้การสนับสนุนของชาเนลอีกครั้ง ซึ่งเป็นการนำเสนอประสบการณ์เสมือนจริงด้วยการผสมผสาน VR เข้ากับศิลปะการแสดงและภาพเคลื่อนไหว ที่มาพร้อมกับทำนองเพลงประกอบจากการประพันธ์ของศิลปินระดับตำนานผู้ล่วงลับอย่าง ‘Ryuichi Sakamoto’ อันมีผลงานดนตรีตั้งแต่แนวเพลงคลาสสิกเรื่อยไปจนถึงดนตรีอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเติมเต็มผลงานและศิลปะให้มีชีวิตชีวามากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังมีศิลปินสื่อดิจิทัลอย่าง ‘Kaysuya Taniguchi’ มาร่วมแสดงภาพภูมิทัศน์แสงและเงา รวมถึงการเคลื่อนไหวมาใช้ในการแสดงเพื่อให้ได้ภาพเสมือนจริงอีกด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนแล้วว่า แบรนด์เก่าแก่สัญชาติฝรั่งเศสชื่อ ‘Chanel’ มีจุดประสงค์ที่แน่วแน่และตั้งมั่นว่าจะสนับสนุนเหล่าศิลปินและผลงานเพื่อขับเคลื่อนวงการศิลปะ วงการภาพยนตร์ หรือวงการดนตรีในระดับท้องถิ่นเรื่อยไปจนถึงระดับโลก เพื่อนำไปสู่การสร้างแรงบันดาลใจและมิติใหม่ที่ไม่เพียงจะนำเสนอถึงเสื้อผ้าอาภรณ์หรือกระเป๋าใบไอคอนิกเพียงเท่านั้น ทว่าปณิธานความหลงใหลในศิลปะและวัฒนธรรมของ ‘Gabrielle Chanel’ จะถูกส่งต่อไปยังอุตสาหกรรมศิลปะและอุตสาหกรรมแฟชั่นต่อไปในภายภาคหน้า ผู้อ่านทุกคนคงจะได้เห็นปรากฏการณ์จากชาเนลที่จะไม่หยุดไว้เพียงเท่านี้แน่นอน...
กราฟิก : จินาภา ฟองกษีร
WATCH