
FASHION
VOGUE HISTORY | ย้อนรอยการจูบบันลือโลกบนรันเวย์ที่ฉีกกรอบความอิสระทางสังคมไปตลอดกาลโว้กเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์ด้วยการย้อนเวลาสู่โมเมนต์การจูบกันของนางแบบบนรันเวย์ Vivienne Westwood ที่ต่อมาถูกผลิตซ้ำจนถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักถึงขั้นลงหนังสือพิมพ์หน้าใหญ่ |
เมื่อวันวาเลนไทน์มาถึง บรรยากาศแห่งความรักคละคลุ้งไปทั่วทุกสารทิศ นิยามความรักหลากหลายรูปแบบถูกพูดถึงมากขึ้นเรื่อยๆ ภายในสังคมที่เปิดกว้าง ความหลากหลายสร้างปรากฏการณ์ความรักที่ไร้ขอบเขตจำกัดมากกว่าเดิม ถึงกระนั้นเมื่อมองกลับไปในหน้าประวัติศาสตร์จะพบว่าการแสดงออกซึ่งความรักคือเรื่องขบถอย่างปฏิเสธไม่ได้ คนในสังคมเมื่อหลายทศวรรษก่อนหรืออาจจะหลักศตวรรษไม่ได้มีความคุ้นชินกับวิธีการถ่ายทอดความรักหรือการแสดงออกถึงความสัมพันธ์อย่างเปิดเผย นำมาสู่โมเมนต์แฟชั่นที่มักเป็นเวทีที่สามารถนำเสนอความขบถได้อิสระที่สุดแขนงหนึ่งเลยก็ว่าได้ โว้กจึงพร้อมพาทุกคนเฉลิมฉลองวันวาเลนไทน์กับการจูบบนรันเวย์ที่เป็นตำนานระดับโลก
สำหรับ Vivienne Westwood ชื่อนี้มักเปี่ยมไปด้วยมนต์เสน่ห์ความขบถตลอดหน้าประวัติศาสตร์แฟชั่นโลก กฎเกณฑ์ทางสังคมหลายข้อถูกฉีกกระจุยบนรันเวย์ของดีไซเนอร์สัญชาติอังกฤษ และถือเป็นโมเมนต์ไอคอนิกของวงการแฟชั่นหลายครั้ง ซึ่งครั้งนี้โว้กจะพาย้อนกลับไปสู่เหตุการณ์จูบบันลือโลก กับฉากเหตุการณ์ในโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1989 ที่ค่อยๆ เลือนหายไปจากหน้าบันทึกแฟชั่นโลก และยังคงเป็นต้นแบบของการผลิตซ้ำอันนำมาสู่ภาพไอคอนิกที่สาวกแฟชั่นจดจำได้ในปีถัดมา (1990)
เหตุการณ์สำคัญนี้เกิดขึ้นช่วงต้นปี 1989 กับโชว์วิเวียน เวสต์วูด คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1989 ภายใต้ชื่อ ‘Voyage to Cythera’ คอลเล็กชั่นที่หลายคนนึกถึงสีสันและลวดลายอันโฉบเฉี่ยว สะท้อนภาพชุดแบบฉบับของตัวละคร ‘Harley Quinn’ แต่โมเมนต์สะท้านโลกเกิดขึ้นเมื่อนางแบบ 2 คนประกอบด้วย Sara Stockbridge และ Susie Cave จูบกันบนรันเวย์ สร้างโมเมนต์ ‘Lesbian Kiss’ อันลือลั่น และกลายเป็นต้นแบบที่เปิดฉากความไวรัลบนรันเวย์แฟชั่นด้วยการจูบ ซึ่งต้องบอกเลยว่าช่วงเวลานั้นถูกวิจารณ์อย่างหนักหน่วง และกลายเป็นประเด็นที่ทำให้วิเวียน เวสต์วูดถูกตั้งข้อครหาเกี่ยวกับแนวทางความขบถที่นำเสนอบนรันเวย์ นอกเหนือจากการทำเสื้อผ้าฉีกกรอบบรรทัดฐานความธรรมดาทั่วไปเป็นทุนเดิม
โลกของวิเวียน เวสต์วูดกับการจูบคือเส้นคู่ขนานที่เคียงคู่กันมาอย่างยาวนาน อย่างที่กล่าวไปว่าเหตุการณ์จูบกันกลางรันวย์ของซาร่าและซูซี่ เป็นรากฐานและแรงบันดาลใจสำคัญของภาพไอคอนิกอย่างการจูบในปีถัดมาของ Denis Lewis และ Susie Bick ในคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1990 ชื่อ ‘Portrait’ สื่ออังกฤษมองเรื่องนี้เป็นเรื่องบ้าบอและถูกนำมาเขียนเป็นข่าวใหญ่เกี่ยวกับความขบถบนรันเวย์ครั้งนั้น แม้การจูบจะเป็นเรื่องธรรมดา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับสังคมยุคใหม่ แต่ในสมัยนั้นการจูบกันของหญิง-หญิงถือเป็นเรื่องที่แปลกใหม่และยั่วยวนความคิดของกลุ่มอนุรักษ์นิยมสุดโต่งเลยทีเดียว นอกจากเหตุการณ์ต่างๆ นี้ตัวดีไซเนอร์หัวขบถคนนี้ก็ยังจูบกับ Andreas Kronthaler คู่รักหนุ่มของเธอบนรันเวย์เป็นประจำ
เหตุการณ์การจูบสนั่นโลกของซาร่าและซูซี่ตอนนี้ค่อยๆ ถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา และยิ่งมีเหตุการณ์ไอคอนิกเกิดซ้ำในปีถัดมาและมีคนจดจำได้มากกว่า ทำให้ประวัติศาสตร์หน้านี้อาจกำลังสูญหายไป การย้อนประวัติศาสตร์ครั้งนี้ของโว้กไม่เพียงแต่หวนคืนช่วงเวลาแสนขบถของวิเวียนและเหล่านางแบบเพียงเท่านั้น ทว่ายังย้อนรอยเรื่องบริบทความเปิดกว้างในสังคมต่อการแสดงความรักในรูปแบบต่างๆ อย่างเปิดเผย ยิ่งกับกลุ่มสังคมรอง(ในขณะนั้น) ที่อาจโดนปิดกั้นและไม่ได้มีอิสระเฉกเช่นทุกวันนี้ ลองจินตนาการภาพการจูบกันของนางแบบบนรันเวย์ปัจจุบันอาจเป็นเรื่องปกติ นั่นหมายถึงการพัฒนาเชิงความคิดที่ผันเปลี่ยนไปตามยุคสมัยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งสิ่งดังกล่าวต้องย้อนกลับไปสู่จุดเริ่มต้นกับจูบบันลือโลกที่ถือเป็นเหตุการณ์ขบถต้นแบบของโลกแฟชั่นอีกครั้งหนึ่งเลยก็ว่าได้
(สามารถตามไปอ่านเรื่อวราวของ VOGUE HISTORY เพิ่มเติมได้ที่ https://www.vogue.co.th/watches-jewellery/jewelry/article/lovers-knot-tiara-history-princess-diana)
กราฟิก : จินาภา ฟองกษีร
ภาพ : British Fashion Council
WATCH