การพลิกมิติภาพจำของผ้าไทยกับ Sweet Mullet ที่พาชุดผ้าไทยสีสดใสขึ้นเวทีร็อก

     เข้าสู่เส้นทางแฟชั่นยุคสมัยใหม่ที่ผู้คนมักหยิบจับความดั้งเดิมมาเปลี่ยนแปลงภาพลักษณ์เพื่อสร้างความทรงจำรูปแบบใหม่ ดีไซเนอร์แต่ละคนล้วนเฟ้นหารากของวัฒนธรรมและนำมาตีความเป็นแฟชั่นในมิติที่แตกต่าง ในขณะเดียวกันศิลปินคนดังก็เลือกสรรไอเท็มที่อาจเหนือความคาดคิดของแฟนๆ เพื่อสร้างเซอร์ไพรส์ แต่เหนือสิ่งอื่นใดคือการเลือกผลผลิตทางวัฒนธรรมที่ส่งผลถึงภาพลักษณ์ รวมถึงสามารถพัฒนาต่อยอดได้จึงกลายเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ว่าจะดารา นักแสดง หรือวงดนตรี ล้วนต้องหาจุดลงตัวเพื่อสร้างความโดดเด่นและเปลี่ยนชุดความคิดของคนในสังคมที่มีต่อสิ่งนั้นๆ

     Sweet Mullet คือศิลปินวงร็อกที่มีชื่อเสียงที่สุดวงหนึ่งของประเทศไทย ด้วยเอกลักษณ์ทางดนตรี และความโดดเด่นเรื่องแฟชั่นที่จัดจ้านทำให้วงนี้ครองใจแฟนคลับมานานร่วมทศวรรษ ดังนั้นการกลับมาขึ้นคอนเสิร์ตสร้างความสนุกจึงเป็นสิ่งที่แฟนๆ ถวิลหา ทว่าความท้าทายในประเด็นการสร้างความสดใหม่ให้กับวงที่แสดงมาแล้วนับร้อยนับพันครั้งคือสิ่งที่ทางวงต้องค้นหาคำตอบที่ไม่ได้มีกำหนดไว้ตายตัว การสร้างนิยามแฟชั่นของตัวเองขึ้นมาใหม่ เปลี่ยนภาพลักษณ์ของวงร็อก อีกทั้งยังลบอคติแบบเดิมๆ ที่มีต่อสิ่งเก่าแก่อย่างผ้าไทย

     และแล้วพวกเขาก็เรียกเสียงฮือฮาได้จากการสวมเสื้อเชิ้ตผ้าไหมไทยทรงตามสมัยนิยมขึ้นเล่นบนเวทียักษ์ใหญ่อย่าง Big Mountain Music Festival ประจำปี 2022 สมาชิกทั้ง 4 คนล้วนปรากฏตัวต่อหน้าแฟนคลับมหาศาลด้วยลุคแปลกตา ชุดไทยสำหรับวงร็อกอาจดูเป็นขั้วตรงข้ามกันอย่างชัดเจน ทว่าวันนี้ทางวงพิสูจน์แล้วว่ามันสามารถไปด้วยกันได้อย่างราบรื่น ซึ่งสมาชิกแต่ละคนเลือกสีที่โดดเด่นเหมาะสม ในขณะเดียวกันก็สร้างความเป็นเอกภาพด้วยลายผ้า เติมความโดดเด่นก่อนขึ้นเล่นด้วยหน้ากากลายยักษ์ สะท้อนผลงานการผลิตวัฒนธรรมของคนไทยได้เป็นอย่างดี

     การเปลี่ยนนิยามและมุมมองความคิดไม่ใช่เรื่องยากจนเกินตัว แต่ต้องใช้ปรากฏการณ์หรือพื้นที่สื่อให้ถูกจังหวะ อีกทั้งยังต้องอดทนรอการเปลี่ยนแปลงแบบค่อยเป็นค่อยไปด้วย จากการที่วงสวีตมัลเล็ตขึ้นแสดงคอนเสิร์ตใหญ่ในชุดผ้าไทย ต้องบอกเลยว่านี่คือปรากฏการณ์ที่จะทำให้คนหันมาสนใจและสามารถสร้างความตระหนักรู้ได้ในเบื้องต้นว่า ชุดไทยสามารถสวมใส่ทำกิจกรรมได้เป็นปกติเหมือนกับชุดสากลอื่นๆ ทั่วไป ไม่ได้ประดักประเดิดหรือมีข้อห้ามเสมอไป ข้อห้ามหลักที่เรามีเกิดขึ้นเพราะการให้คุณค่ากับชุดผ้าไทย และมุมมองที่มองถึงความไม่ทันสมัย แต่เมื่อเราสามารถเลือกสรรได้อย่างเหมาะสม ผ้าไทยจะใส่ทำอะไรก็ได้จริงๆ

     นิยามที่เปลี่ยนไปกับความย้อนแย้งที่อาจเป็นชุดความคิดเดิมของคนในสังคม วิธีการพัฒนาวัฒนธรรมให้ลื่นไหลคือการสร้างชุดความคิดอันเปิดกว้างให้กับคนในสังคม หลายประเทศทั่วโลกเลือกที่จะใช้มรดกทางวัฒนธรรมในรูปแบบที่หลากหลาย ไม่เพียงแต่จำกัดให้อยู่ในกรอบเฉพาะเดิมๆ เท่านั้น วงสวีตมัลเล็ตจึงสะท้อนการพัฒนารูปแบบวัฒนธรรมให้ลื่นไหลมากขึ้นอย่างเห็นภาพที่สุด เพราะวงร็อกที่ปกติจะมีภาพจำของความดุดัน แปรเปลี่ยนแฟชั่นของตัวเองให้เรียบร้อยและมีสีสันสดใส ตรงจุดนี้ความขัดแย้งจะทำให้คนรู้สึกว่าวงร็อกที่สุดโต่งไปอีกด้านหนึ่งสามารถถูกขีดเส้นมาบรรจบกับการสวมใส่ผ้าไทยได้อย่างลงตัว

     ภาพจำรูปแบบใหม่กำลังจะทำให้ผ้าไทยลื่นไหลไปในทุกสังคมมากขึ้น เริ่มแรกทางวงอาจโดนแซวและนำมาเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงแบบน่ารักๆ ทว่าในอีกมุมหนึ่งมันคือการพลิกภาพจำของคนในสังคมทั้งกับวงดนตรีและผ้าไทย เพราะฉะนั้นหากมีการทำซ้ำเพื่อสร้างภาพความเคยชิน ภาพจำใหม่จะเกิดขึ้นภายในสังคม และคนในสังคมจะมองว่าการสวมใส่ผ้าไทยขึ้นเล่นคอนเสิร์ตจะเป็นเรื่องปกติ มากไปกว่านั้นยังต่อยอดสู่การสร้างชุดความคิดที่ผ้าไทยสามารถใส่ทำอะไรก็ได้ เหมือนกับชุดที่สะท้อนวัฒนธรรมของหลายประเทศที่ยังคงถูกใช้เป็นเครื่องแต่งกายประจำวัน นี่อาจเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเล็กๆ แต่เชื่อว่าถ้าหากมีการกระทำแบบนี้เกิดขึ้นเรื่อยๆ เป็นระยะ สังคมจะยังคงรักษาวัฒนธรรมให้ลื่นไหลไปได้อย่างมีคุณภาพที่สุด