Chanel Métier d'art 24/25

FASHION

เผยเบื้องหลังโชว์ CHANEL Métiers d'art 24/25 ที่เป็นการรวมช่างฝีมือชั้นครูจาก Maisons d'art ณ le19M

ทั้งหมดนี้นับเป็นการเฉลิมฉลองรากเหง้า ความสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจที่เหนือกาลเวลาของ CHANEL

โดย Achiraya Duangkaew
13 มิถุนายน 2568

'งานฝีมือ' หนึ่งในศิลป์ที่ยังคงยืนหยัดเหนือกาลเวลาท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วในโลกแฟชั่น เช่นเดียวกับคอลเล็กชั่น Métiers d'art 2024/2025 ของ CHANEL บทสดุดีต่อมรดกทางหัตถศิลป์ของแบรนด์ โดยเฉพาะเมื่อถ่ายทอดผ่านเลนส์กล้องของ Donata Wenders ช่างภาพที่เข้าไปเยี่ยมชม le19M ศูนย์รวมช่างฝีมือชั้นครูผู้อยู่เบื้องหลังผลงานอันวิจิตรทุกชิ้นในโชว์ผ่านความชำนาญที่ฝังในท่วงท่าและรายละเอียดอันประณีต

 

หนึ่งในหัวใจสำคัญของคอลเล็กชั่นนี้คือเมซง Lesage ห้องปักระดับตำนานที่เป็นพันธมิตรของ CHANEL มาอย่างมั่นคงตั้งแต่ปี 1983 สำหรับคอลเล็กชั่น Métiers d'art 2024/2025 นี้ งานปักของเมซง Lesage ได้รับแรงบันดาลใจมาจากลวดลายฉากกั้น Coromandel ซึ่งเป็นหนึ่งในของชิ้นโปรดของ Gabrielle Chanel มาตีความใหม่ในรูปแบบที่เหนือจริงและเป็นนามธรรม โดยหนึ่งในชิ้นที่โดดเด่นคือรองเท้าบูทที่ได้แรงบันดาลใจมาจากคู่โปรดของเธอ และได้รับการออกแบบร่วมกับช่างทำรองเท้า Massaro หนึ่งใน Maisons d'art ประจำที่ le19M เช่นเดียวกับผ้าทวีดที่ถูกถ่ายทอดเฉดสีอันหรูหราจากฉากกั้น Coromandel เช่นกัน

 

เมซง Montex หนึ่งในห้องปักที่ก่อตั้งขึ้นในกรุงปารีสเมื่อปี 1949 มีชื่อเสียงในด้านการคิดค้นวัสดุและพื้นผิวใหม่ๆ ที่เหนือจินตนาการอยู่เสมอ โดยสำหรับโชว์นี้เมซงได้รังสรรค์งานถักที่ประดับดอกไม้จากด้ายเรืองแสง พร้อมลงสีด้วยมือให้เกิดเงาซ้อนทับ เมื่อโชว์ในช่วงเวลาพลบค่ำ ณ ทะเลสาบซีหู ทำให้ดอกไม้เหล่านั้นดูมีชีวิต

 

เมซง Lemarié ที่เชี่ยวชาญด้านขนนกและดอกไม้ประดิษฐ์ระดับสูงที่ร่วมตกแต่งชิ้นงานของ CHANEL 10 คอลเล็กชั่นต่อปีมาเป็นระยะเวลากว่า 60 ปี ซึ่งในคอลเล็กชั่นนี้ สตูดิโอของ CHANEL ได้ออกแบบแจ็กเก็ตสีพาสเทลที่ประดับด้วยผ้าขนนกให้แมตช์กัน หนึ่งในนั้นคือแจ็กเก็ตผ้าไหมสีเขียวหยกที่จับจีบและเย็บเป็นลายเพชรพร้อมแถบทูลล์และขนมาราบู อีกหนึ่งตัวเป็นแจ็กเก็ตกำมะหยี่สีฟ้าอ่อนที่เย็บนวมพร้อมประดับด้วยดอกไม้กำมะหยี่แบบปั๊มลายนูนและเย็บประดับอย่างประณีตตามแนวรอยเย็บ ในฐานะที่เมซง Lemarié ได้ควบรวมกับเมซง Lognon ตั้งแต่ปี 2013 ส่งให้มีการนำงานจีบผ้าอันซับซ้อนของเมซง Lognon มาผสมผสานในคอลเล็กชั่นนี้ด้วย อย่างแจ็กเก็ตผ้าไหมซาตินสีขาวงาช้างที่ถูกจีบผ้าโดยเมซง Lognon ก่อนจะส่งต่อให้เมซง Lemarié เย็บสม็อกและปักลูกปัดต่อเกิดเป็นลายจีบที่ซับซ้อนต่างทิศทางเหมือนการเย็บนวมสามมิติ ส่วนชุดเดรสปิดท้ายโชว์ก็ควบรวมงานจีบแบบ sunburst และ 'au bonheur des dames' เข้าด้วยกัน พร้อมการตกแต่งโดย Lemarié ที่ใช้ลูกไม้ด้ายลูเร็กซ์และลูกปัดทองปักเป็นดอกคามิลเลียขนาดใหญ่

 

เมซง Michel ผู้ชำนาญด้านหมวกชั้นสูงที่เปรียบเสมือนห้องทดลองที่ไม่เคยหยุดสร้างสรรค์ ก่อตั้งขึ้นโดย Auguste Michel ในปี 1936 และได้เข้าร่วมกับ CHANEL ตั้งแต่ปี 1997 สำหรับคอลเล็กชั่น Métiers d'art ในปีนี้ ทางเมซงได้รังสรรค์หมวกใบใหญ่จากหนังและผ้าสักหลาด ขอบแคบ เสริมลุคให้กับหญิงสาวนักเดินทางผู้สวมแจ็กเก็ตเข้ารูปคาดเข็มขัดและกระโปรงจีบทวีด เช่นเดียวกับเมซง Goossens ช่างทองระดับตำนานก่อตั้งโดย Robert Goossens ในปี 1950 ผู้แปลงทองสัมฤทธิ์ คริสตัลธรรมชาติ ไม้ และแก้วหลอมให้กลายเป็นเครื่องประดับ งานตกแต่ง และของแต่งบ้านสุดวิจิตร สำหรับคอลเล็กชั่นนี้เมซง Goossens ได้สร้างเครื่องประดับโลหะเคลือบทองที่ได้แรงบันดาลใจจากจี้รูปหัวใจในคลังของ CHANEL โดยด้านหลังของชิ้นงานมีพื้นผิวคล้ายใบบัว ชวนให้นึกถึงโต๊ะที่ Robert Goossens เคยสร้างให้ Gabrielle Chanel ที่อพาร์ตเมนต์เลขที่ 31 ถนน Cambon โดยทั้งหมดนี้นับเป็นการเฉลิมฉลองรากเหง้า ความสร้างสรรค์ และแรงบันดาลใจที่เหนือกาลเวลาของ CHANEL

 

Photo: Donata Wenders (Courtesy of CHANEL)

(สามารถตามไปอ่านบทความ 'คาดเดายุคใหม่ของ CHANEL หลังจาก Matthieu Blazy เริ่มทำงานในฐานะหัวเรือใหญ่คนใหม่อย่างเป็นทางการ!' ได้ที่นี่)