FASHION

ล้วงลึกแรงบันดาลใจและจุดสำคัญที่ทำให้แบรนด์ SHU ยืนหยัดมามากกว่า 10 ปี

“ป้อจะไม่ยัดเยียดความเป็นตัวเองให้คนอื่น เพราะรู้ว่าว่าบุคลิกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจะช่วยทำอย่างไรเพื่อเสริมให้เขาสวยและมั่นใจในแบบเขาเองได้” ป้อ-กรกนก สว่างรวมโชค

ในหลาย 10 ปีที่ผ่านมาเกิดแบรนด์ไทยดีไซเนอร์มากหน้าหลายตาขึ้นในโลกของอุตสาหกรรมแฟชั่น แต่ขณะเดียวกันก็มีอีกหลายแบรนด์ที่ต้องอำลาวงการพร้อมปิดตัวเองไปด้วยปัจจัยหลายๆ อย่างที่ทำให้เดินหน้าต่อไม่ได้ แต่ถ้าจะกล่าวถึงแบรนด์ที่เรียกว่ายืนหยัดผ่านร้อนหนาวและก้าวผ่านช่วงเวลามาแล้วหลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นจะต้องมีแบรนด์ SHU ร่วมอยู่ด้วยอย่างแน่นอน วันนี้โว้กประเทศไทยได้โอกาสพิเศษเพื่อพูดคุยกับเจ้าของแบรนด์ คุณป้อ-กรกนก สว่างรวมโชค ที่จะมาเล่าการเดินทางของแบรนด์ที่ผ่านมากว่า 10 ปี รวมถึงแรงบันดาลใจที่ทำให้ SHU ยังคงเต็มไปด้วยเอกลักษณ์และสดใหม่อยู่เสมอ

 

“เริ่มต้นจากแค่การดีไซน์กระเป๋าเพียงใบเดียวแล้วออกไปรับพรีออร์เดอร์ตามร้านต่างๆ” ในขวบวัยที่ยังเป็นเพียงนักศึกษาในรั้วจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย คือจุดเริ่มต้นให้คุณป้อเริ่มใช้ไอเดียที่มีอยู่บวกกับความเข้าใจเทรนด์ในตอนนั้นมาสร้างสรรค์ เพราะช่วงนั้นคือยุคของวัยรุ่นเซ็นเตอร์พ้อยที่เริ่มหันทิศทางมาสนใจในสินค้าแบรนด์ไทยหรืองานทำมือมากขึ้น เธอยึดวิธีนี้จนสำเร็จพอที่จะสร้างเนื้อสร้างตัวให้มีร้านเป็นของตัวเองได้ หากแบรนด์ที่ต้องเติบโตขึ้นและความต้องการที่จะตอบโจทย์ทุกคนอย่างกว้างขวางส่งให้เกิดการรีแบรนด์ขึ้น “อยากให้แบรนด์เป็นที่รู้จักกันในวงกว้างและเข้าถึงคนมากกว่านี้ ป้อมีความสุขเวลาที่เห็นคนใส่สินค้าของเรา ป้ออยากให้ทุกเพศทุกวัยได้ใช้เลยรีแบรนด์ใหม่เป็น SHU” คุณป้อวาดผังและมุ่งมั่นให้แบรนด์มีเสน่ห์ในความเป็น Variety และ Diversity เพื่อตอบโจทย์ความสำคัญของการเป็นปัจเจกบุคคลและไลฟ์สไตล์ที่ต่างกัน โดยยึดหัวใจหลักที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จคือ “ความเป็น Everyday lifestyle fashion” เธอบอกกับเราว่า “ป้อตั้งใจและทุ่มเท ไม่ได้คิดแค่ว่าทำสินค้ามาขาย แต่อยากทำให้ลูกค้ารู้สึกหลงรักแบรนด์มากกว่า อยากจะบาลานซ์ทั้งแฟชั่นกับฟังก์ชั่นไว้ด้วยกัน มีความสวยงามและใช้งานได้จริง”

เราได้เห็นฟังก์ชั่นและแฟชั่นที่คุณป้อกล่าวถึงผ่านการผสมผสานทั้งงานด้านดีไซน์และความสบายในการสวมใส่รองเท้า SHU ที่ผนวกเข้ากันได้อย่างลงตัวจากรองเท้ารุ่น “SOFASHOES” ที่สร้างชื่อเสียงให้กับแบรนด์เป็นที่รู้จักบนโลกของอุตสาหกรรมแฟชั่น “ป้อเป็นโรครองช้ำจากอุบัติเหตุข้อเท้าหัก ที่เคยมั่นใจว่าทำรองเท้าใส่สบายมาตลอดไม่ตอบโจทย์เลย ช่วงนั้นความมั่นใจน้อยมาก เพราะรองเท้าเป็นส่วนสำคัญในการเสริมบุคลิกแต่ป้อกลับใส่อะไรไม่ได้เลย เลยลองทำรุ่นนี้มาใส่เอง” คุณค่าของรองเท้าหนึ่งคู่ที่คุณป้อดีไซน์ขึ้นมาไม่แค่ช่วยซัพพอร์ตเท้าที่มีปัญหาแต่กลับคืนความมั่นใจที่เคยหายไปให้กลับมาได้อย่างสมบูรณ์ “รองเท้ารุ่นนี้มันพลิกชีวิตป้อเลย เพราะหายจากการเป็นโรครองช้ำ เลยมีการพัฒนาต่อยอดให้มีดีไซน์สวยขึ้น เพิ่มคุณค่าลงไปโดยให้ผู้เชี่ยวชาญด้านฝ่าเท้ามาดีไซน์ตรงรอยนวมให้ตรงกับจุดการนวดเท้า และจุดนี้ด้วยจึงทำให้ชนะการประกวดรางวัลนวัตกรรมดีเด่นจากกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม”

 

SOFASHOES รุ่นนี้ยังเป็นรุ่นที่เธอชื่นชอบเป็นพิเศษ “มันไม่แค่พลิกชีวิตป้อแต่ยังพลิกธุรกิจให้ไปได้ไกลและเป็นที่รู้จักอีกด้วย และแม้เท้าจะหายแต่มันถือเป็นรองเท้าคู่ชีวิต เป็นรองเท้าที่จะมา Retreat ตัวป้อในแต่ละวัน” ถ้าจะบอกว่าบ้านคือที่พักกายและใจ รองเท้าคู่นี้ของคุณป้อก็คงเป็นที่พักเท้าให้ยามเหนื่อยล้าได้เช่นเดียวกัน นอกจากรองเท้ารุ่นที่พลิกชีวิตเธอแล้วยังมีรุ่น "SOFASOFY" ที่คุณป้อชื่นชอบเพราะรองเท้าแฟลตหนังแกะคู่นี้รวบเอาดีเอ็นเอของ SOFASHOES มาไว้เช่นเดียวกันคือการนำเอาพื้นรองเท้าที่เป็นนวมนิ่มของรุ่นมาทำเป็นพื้นรองเท้าให้สวมใส่สบายมากขึ้นทำให้รองเท้ารุ่นนี้มีความพิเศษและแตกต่างกับรองเท้ารุ่นอื่นๆ     

แบรนด์แฟชั่นส่วนมากเมื่อเดินทางมาถึงจุดหนึ่งแน่นอนว่าย่อมตันไอเดียเพราะไม่รู้จะไปทางไหนต่อ หากแรงบันดาลใจจากลูกค้าของ SHU เป็นอีกสิ่งสำคัญที่ทำให้แบรนด์สดใหม่ตลอดเวลา “ป้อได้เห็นและได้คุยกับลูกค้าโดยตรงทำให้ป้อได้แรงบันดาลใจมาต่อยอดไปเรื่อยๆ พอป้อรู้ว่าคนต้องการอะไรก็สามารถทำมาเสิร์ฟได้” การรับรู้และเข้าใจเทรนด์ที่กำลังเป็นอยู่คือสิ่งที่คุณป้อนำมาผสมเข้ากับเอกลักษณ์ของ SHU แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณป้อออกปากก่อนเลยว่า “ป้อจะไม่ยัดเยียดความเป็นตัวเองให้คนอื่น เพราะป้อรู้ว่าว่าบุคลิกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เราจะช่วยทำอย่างไรเพื่อเสริมให้เขาสวยและมั่นใจในแบบเขาเองได้” ความเป็น SHU คือหญิงสาวที่มีเสน่ห์ สมาร์ท ทันสมัย ที่สำคัญคือเข้าถึงได้ โดยสาว SHU ในอุดมคติคือสาวรอบรู้สุดสมาร์ทในแบบ Natalie Portman ในขณะที่สาวโว้กแบบเราๆ คือสาวสายแฟที่ติดเก๋และคลาสสิก ซึ่งรองเท้ารุ่น SHU CELEB HEELS 4 ก็เรียกได้ว่าเหมาะมากๆ สำหรับสาวโว้ก ด้วยส้นรองเท้าเป็นแบบเข็มเล็ก ดีไซน์หัวแหลมทำให้มิกซ์แอนด์แมตช์ให้ไปได้ทั้งกับความเป็นแฟชั่นและความคลาสสิก

 

เก๋าไม่เก๋านอกจากจะดูได้ถึงความยั่งยืนของแบรนด์ที่ยังคงรักษาและไม่ทิ้งตัวตนตั้งแต่แรกเริ่มจนถึงปัจจุบัน แต่ยังก้าวทันยุคสมัยและพัฒนาให้ดีขึ้นกว่าเดิม ยิ่งในช่วงวิกฤตที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้โว้กเชื่อว่าแบรนด์ SHU ต้องมีแผนรับมือและทิศทางการพัฒนาในอนาคตอย่างแน่นอน “ตอนนี้ป้อต้องพึ่งออนไลน์เยอะมากขึ้น เน้นวางแผนและปรับปรุงเรื่องระบบเพื่อจะ Go Online แบบเต็มที่” อีกหนึ่งกลยุทธ์ที่แบรนด์เริ่มกลับมาทำอีกครั้งหลังประสบเข้ากับไวรัสโควิด-19 คือ “ป้อต้องออกมา Live บนออนไลน์ซึ่งมันดีมาก เพราะมันทำให้เราได้สัมผัสกับลูกค้า ได้รับฟังคำคอมเม้นต์ ป้อได้แก้ปัญหากับลูกค้าไปด้วยกันในแบบทันที” ความสัมพันธ์ที่แบรนด์มีให้กับลูกค้านับว่าเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เขาเหล่านั้นยังคงสนับสนุนและเชื่อมั่นมาโดยตลอด



WATCH




หากหลังจากนี้แล้วก้าวต่อไปของแบรนด์ SHU คือโปรเจกต์ที่จะมีการคอแลบอเรชั่นกับคนไทยซึ่งจะเกิดขึ้นในช่วงปลายปี 2020 นี้ และในปี 2021 แบรนด์เดินหน้าสูบกำลังอย่างเต็มที่พร้อมคอแลบอเรชั่นกับดีไซเนอร์ต่างประเทศที่กำลังเป็นที่พูดถึง ซึ่งเราต้องคอยติดตามข่าวสารและตั้งตารอคอยความตื่นเต้นครั้งใหม่ของแบรนด์ไว้ได้เลย ก่อนจบบทสัมภาษณ์โว้กให้คุณป้อได้กล่าวถึงเทคนิคที่ทำให้แบรนด์ได้ประสบความสำเร็จ ในขณะที่ตัวเธอเองก็ถือเป็นหนึ่งในนักธุรกิจหญิงที่มากความสามารถคนหนึ่งของวงการแฟชั่น “ธุรกิจแฟชั่นจริงๆ มีอายุสั้น เรียกว่าเป็นธุรกิจปราบเซียน เพราะคนขี้เบื่อ ชอบความแปลกใหม่ สิ่งที่แบรนด์ของป้อประสบความสำเร็จเลยคือการที่เราไม่ Self Esteem เกินไป เรามีการปรับปรุงพัฒนาอยู่เสมอ ไม่เน้นความเป็นตัวเองมากจนเกินไป ที่สำคัญคือความจริงใจและตั้งใจจริง”

 

และนี่คือบทสัมภาษณ์สุดพิเศษระหว่างโว้กประเทศไทยและเจ้าของแบรนด์ SHU ที่เธอทำให้เราได้เห็นอีกมุมมองหนึ่งของดีไซเนอร์ไทยที่คงความพิเศษในตัวเองได้ตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน ในอนาคตเชื่อว่าเราคงได้เห็นความพิเศษและแปลกใหม่ของการเดินทางที่มี ป้อ-กรกนก เป็นผู้เสกสรรค์ให้เกิดขึ้นภายใต้อาณาจักร SHU อีกแน่นอน  

 

ติดตามข่าวสารและช็อปปิ้งออนไลน์ได้ที่

IG: @shu.global 

Web: www.shu.global 

 

WATCH