ความฝันสุดแฟนตาซีของ Prada กับเรื่องราวของนักแสดงสาวเจ้าบทบาท ผู้กำกับหนุ่มมือทอง และกระเป๋ารุ่นไอคอน

ภาพลักษณ์ที่เยาว์วัย ความสดใหม่ สีสัน และการตีความในแง่มุมที่ต่างออกไปถือเป็นความเปลี่ยนแปลงที่เห็นได้ชัดในยุคใหม่ของปราด้า นับตั้งแต่ Raf Simons เข้ามารับตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ร่วมตั้งแต่ช่วงฤดูใบไม้ผลิปีกลาย งานออกแบบร่วมระหว่าง Miuccia Prada หญิงแกร่งหัวเรือใหญ่ของแบรนด์กับดีไซเนอร์หนุ่มชาวเบลเยียมซึ่งทยอยออกมาให้ได้ชมกันตั้งแต่คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อนที่ผ่านมาก็ได้เสียงตอบรับจากสาวกแฟชั่นไปแบบถล่มทลาย ไม่ใช่แค่ยอดผู้ติดตามในโลกโซเชียลที่ทะยานขึ้นไปแตะเกือบ 27 ล้านคน แต่ยังรวมถึงยอดขายที่คาดการณ์ว่าปีนี้จะเพิ่มขึ้นไปถึง 300 ล้านยูโรเลยทีเดียว แน่นอนว่าที่มาของรายได้หลักมาจากเครื่องประดับทำเงินที่เป็นกระเป๋าถือรุ่นต่างๆ โดยปีนี้ผลงานชิ้นไอคอนอย่าง Galleria ถูกนำมาตีความใหม่ในแคมเปญล่าสุด 

กระเป๋ารุ่นนี้เป็นผลงานออกแบบชิ้นเอกช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 21 ซึ่งผ่านการตีความและนำเสนอในหลากหลายรูปแบบมาก ทั้งเวอร์ชั่นคลาสสิกสีเอิร์ทโทนในภาพยนตร์สั้นของปราด้าที่กำกับโดย Wes Anderson ลายพิมพ์ดอกทิวลิปสไตล์โบฮีเมียนสีชมพูเขียวในปี 2015 แคมเปญ Prada Charm ปี 2016 ที่จับคู่กับสายกระเป๋าประดับดอกไม้และจี้ตกแต่งรูปกุญแจ รวมไปถึงเวอร์ชั่นหรูหราของหนังเอ็กซอติกหายากในเฉดสีแปลกตา ดีไซน์มินิมัลและเส้นสายเรียบง่ายของกระเป๋ารุ่นนี้ได้รับแรงบันดาลใจมาจากชิ้นงานคลาสสิกในอดีต รูปทรงเรขาคณิตชวนให้นึกถึงโครงสร้างของกระเป๋าใส่ยาซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในทศวรรษ 1950 โดยเฉพาะอย่างยิ่งชิ้นหนังที่ประกอบขึ้นเป็นเส้นตรงพร้อมด้วยหูหิ้วโค้งมน ด้านในมีช่องใส่ของ 3 ช่องขนานกัน รูดปิดได้ด้วยซิป 2 เส้น และช่องลับขนาดเล็กพิเศษที่ซ่อนเอาไว้ด้านในสุด

ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ที่โดดเด่นกับการสร้างสรรค์ไม่รู้จบเท่านั้น กระเป๋าแกลเลอ-เรียยังแฝงนัยสำคัญเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของแบรนด์ไว้อย่างลึกซึ้งอีกด้วย เริ่มตั้งแต่ชื่อที่ตั้งตามชื่อร้านแฟลกชิปปราด้าใน Galleria Vittorio Emanuele II ห้างสรรพสินค้าเก่าแก่ในคริสต์ศตวรรษที่ 19 หนึ่งในแลนด์มาร์กสำคัญของเมืองมิลาน แต่เดิมนั้นร้านดังกล่าวเป็นบูติกที่ Mario Prada ผู้ก่อตั้งแบรนด์ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของมิวเชีย ปราด้าเปิดขึ้นเมื่อปี 1913 มาริโอมีส่วนสำคัญในการคิดค้นแผ่นหนังชนิดพิเศษของปราด้าที่เรียกว่า “ซาฟฟิอาโน” ซึ่งเป็นหนังลูกวัวคุณภาพสูง มีคุณสมบัติในการกันน้ำและรอยขีดข่วน ผิวสัมผัสด้านบนเป็นลวดลายไขว้ Cross-hatching นอกจากนี้กระเป๋ารุ่นนี้ยังตอกย้ำถึงความเชี่ยวชาญและความยอดเยี่ยมในการผลิตเครื่องหนังของแบรนด์ได้เป็นอย่างดี เพราะต้องเป็นช่างทำเครื่องหนังที่ศึกษาและฝึกฝนเทคนิคชั้นสูงเท่านั้นจึงจะสามารถสร้างสรรค์กระเป๋าใบนี้ได้

แกลเลอเรียประกอบขึ้นจากชิ้นส่วนต่างๆ มากถึง 83 ชิ้น ช่างฝีมือต้องใช้ความแม่นยำและเที่ยงตรงอย่างมากในการตัดแผ่นหนังและขึ้นรูปกระเป๋า รวมไปถึงขั้นตอนอีกมากมายในการผลิตด้วยมืออย่างประณีตบรรจง หนังซาฟฟิอาโนยังต้องนำมาผ่านกระบวนการอัดขึ้นรูปด้วยความร้อนที่สลับซับซ้อนอีกด้วย บริเวณขอบต้องรีดให้เรียบแล้วลงสีด้วยมือ จากนั้นก็นำโลโก้ทรงสามเหลี่ยมมาติดไว้บนกระเป๋าแต่ละใบ เพื่อเป็นเครื่องหมายแห่งคุณภาพและตัวแทนแห่งความสมบูรณ์แบบ

สำหรับแคมเปญล่าสุดของปีนี้ มิวเชียและราฟหัวเรือใหญ่ทั้งสองคนได้เชิญ Ferdinando Verderi ครีเอทีฟหนุ่มสัญชาติอิตาลีซึ่งปัจจุบันดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของ Vogue Italia มาเป็นผู้วางแนวคิดเบื้องหลังการถ่ายทำ “กระเป๋าใบนี้คืองานขึ้นหิ้งชิ้นคลาสสิก ที่แตกต่างกันไปตามแนวคิดในแต่ละยุค รูปลักษณ์และการนำเสนอก็น่าตื่นตาราวกับตัวละครเอกในภาพยนตร์ซึ่งเต็มไปด้วยความแตกต่างในหลายแง่มุม ความเปลี่ยนแปลง ความแตกต่าง และการพัฒนาไปข้างหน้าอย่างไม่หยุดยั้งช่วยสร้างประวัติศาสตร์ที่ไม่เคยซ้ำเดิม กระเป๋าแกลเลอเรียจึงถูกแปลงโฉมไปในหลายบริบทหลากสถานที่รวมถึงวิสัยทัศน์เบื้องหลังที่ต่างกันไปด้วย เพื่อเชื่อมโยงจินตนาการเข้ากับฉากในแคมเปญซึ่งซ่อนเรื่องราวเล็กๆ เอาไว้”

แคมเปญซึ่งว่าด้วยแฟนตาซีที่ตัดสลับระหว่างความฝันกับโลกแห่งความเป็นจริงนี้มีนักแสดงสาว Hunter Schafer รับบทพรีเซ็นเตอร์คนใหม่ ดาราสาวชาวอเมริกันมากความสามารถเปิดตัวในวงการโทรทัศน์เมื่อปี 2019 ด้วยบทเด่นในเรื่อง Euphoria ซีรี่ส์ช่อง HBO ช่วงต้นปีที่ผ่านมาฮันเตอร์ยังได้รับเลือกให้เป็น 1 ใน 100 ผู้ทรงอิทธิพลที่มีส่วนในการเปลี่ยนแปลงอนาคตของโลกจัดโดยนิตยสาร Time อีกด้วย นักแสดงสาวปรากฏตัวในลุคใหม่สไตล์สาวปราด้า ผมสีบลอนด์อ่อนยาวสลวยที่เป็นซิกเนเจอร์ของเธอตัดเป็นทรงบ๊อบสั้นดูคล้ายเด็กสาว แคมเปญนี้ถ่ายทำโดยอีกหนึ่งบุคคลสำคัญของโลกภาพยนตร์คือ Xavier Dolan ผู้กำกับหนุ่มจากแคนาดาที่เคยกวาดรางวัลจากเวทีคานส์มาแล้ว