FASHION
การจากไปในวันเดียวกันของ Pelé และ Vivienne Westwood จะมาพร้อมโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างไร...ความยิ่งใหญ่ของ 2 ตำนานจาก 2 วงการสร้างเรื่อวราวอันน่าจดจำและหล่อหลอมความคิดให้คนในสังคมซึมซับแบบไม่รู้ตัว |
29 ธันวาคม 2022 ดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่ทำให้คนทั่วโลกต้องตกอยู่ในความเศร้าเมื่อ 2 ตำนานจาก 2 วงการจากโลกนี้ไปแบบไม่มีวันกลับ โดยคนแรกคือ Pelé โคตรตำนานนักฟุตบอลเจ้าของแชมป์โลก 3 สมัย และอีกหนึ่งคนคือ Vivienne Westwood ดีไซเนอร์ระดับตำนานที่สร้างสรรค์แฟชั่นพังก์อันมีเอกลักษณ์จนสร้างชื่ออยู่ค้างฟ้า ตลอดหลายทศวรรษทั้งคู่มีบทบาทในเส้นทางสายอาชีพตนเองอยู่เสมอ เปเล่ยังคงเป็นบุคคลที่ได้รับเกียรติจากโลกแห่งฟุตบอลเสมอ ในขณะเดียวกันวิเวียนเองก็มุ่งมั่นทำงานและสร้างผลงานอันน่าประทับใจจนถึงช่วงสุดท้ายของชีวิต
เมื่อคนเราจากไปย่อมมีอะไรเปลี่ยนแปลง ต้องบอกว่าทั้งคู่สามารถเนรมิตโลกแห่งนี้ให้จารึกชื่อพวกเขาเอาไว้ โลกฟุตบอลที่มีเปเล่เหมือนมีราชาลูกหนังประทับอยู่บนบัลลังก์ ทุกคนให้การยอมรับและสนใจความเคลื่อนไหวของเขาทุกครั้งแม้จะไม่ได้มีส่วนร่วมโดยตรงกับการแข่งขันแล้วก็ตาม ส่วนวิเวียนนั้นสร้างปรากฏการณ์ความขบถในโลกแฟชั่นตั้งแต่เริ่มต้นจนหยดสุดท้าย ความพังก์จากเกาะอังกฤษสรรสร้างมาตรฐานแฟชั่นอันไร้กฎเกณฑ์ เธอคือดีไซเนอร์ผู้ปฏิเสธคนสวย โดยให้เหตุผลว่าเธอไม่ได้ชื่นชอบคนสวย แต่เธอชื่นชอบคนที่สามารถนำเสนอตัวตนของตัวเองออกมาได้อย่างเต็มที่ที่สุด
การฉลองชัยฟุตบอลโลก 1958 ของ Pelé และทีมชาติบราซิล / ภาพ: Samoa Global News
หากโลกนี้ไม่มีทั้งเปเล่และวิเวียน ตัวละคร 2 คนนี้เป็นดั่งตำนานที่จารึกบทบันทึกทางประวัติศาสตร์ไว้มากมายเหมือนกัน ถ้าไม่มีพวกเขาแล้วโลกเราจะเป็นอย่างไรอีกต่อไป ปฏิเสธไม่ได้ว่านี่คือโลกยุคใหม่ของเกมกีฬา ยุคเปเล่เกมฟุตบอลยังไม่ได้รับการเผยแพร่มากมายเท่านี้ เขาเป็นทั้งความจริงและเรื่องราวแฟนตาซีในเรื่องเล่าของใครหลายคน โดยเฉพาะชาวบราซิล อีกทั้งยังได้ชื่อว่ายอดนักกีฬาที่ยังมีชีวิต เพราะ Diego Maradona อีกหนึ่งสุดยอดของโลกจากโลกนี้ไปก่อนด้วยอายุที่น้อยกว่าเขาอีกเสียอีก โลกฟุตบอลหลังจากเปเล่คงไม่มีใครได้รับการยกย่องและได้รับเกียรติมหาศาลเท่าเขาอีก อย่างน้อยก็ในเวลาอันใกล้ เปิดพื้นที่ของแสงสปอตไลต์ไม่กี่ดวงสุดท้ายให้กับ Lionel Messi และ Cristiano Ronaldo อย่างเต็มที่ก่อนที่ 2 คนนี้ก็จะสิ้นสุดอาชีพในไม่ช้า
กลิ่นอายความพังก์สุดขบถของ Vivienne Westwood ในช่วงยุค '70s / ภาพ: Collater.al
ในด้านโลกแฟชั่นของวิเวียนเอง ต้องบอกว่าเธอปรุงแต่งแฟชั่นของตัวเองอย่างเข้มข้น พร้อมทั้งนำเสนอความเป็นปฏิปักษ์ต่อบรรทัดฐานทางสังคม ความดิบเหนือกรอบของเธอกลายเป็นบทเรียนของคนยุคใหม่ ไม่ใช่เรื่องคนในแวดวงแฟชั่น แต่หมายถึงทุกคนที่ต้องการนำเสนอตัวตนของตัวเอง อย่างที่กล่าวไปว่าเธอสามารถหยิบจับเอาองค์ประกอบหลายอย่างที่นับว่าเป็นจุดสนใจรองของสังคมมาขยายใหญ่ให้กลายเป็นวัฒนธรรมหลัก ซึ่งมันก็ปรากฏอยู่ในสารบบแฟชั่นมาอย่างยาวนานหลายสิบปี นับต่อจากนี้ถึงแม้ไม่มีวิเวียนรับรองว่าแนวทางของเธอจะหล่อหลอมคนรุ่นใหม่ให้มีวิธีคิดและถ่ายทอดตัวตนของตัวเองได้อย่างเป็นอิสระมากขึ้น
WATCH
Vivienne Westwood นำกลุ่มประท้วงสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับภาวะสิ่งแวดล้อมของโลก / ภาพ: Dezeen
โลกแห่งแฟชั่นที่ไม่มีวิเวียนคือจุดเปลี่ยนผ่าน แต่ไม่ใช่ว่าแนวคิดของเธอจะหายไป เพราะวิเวียนไม่ได้นำเสนอแค่แฟชั่นแปลกตาน่าดูชม แต่ผลงานของเธอหล่อหลอมแนวคิดและมุมมองของชีวิต ดังนั้นการที่คนเสพผลงานของเธอจึงไม่ใช่เพียงชื่นชมความสวยงามบนรันเวย์หรือภาพแคมเปญ แต่ซึมซับความขบถที่มีต่อสังคมและเปิดโอกาสให้ตัวเองก้าวออกมาจากกรอบอันคับแคบ แน่นอนว่าผลงานชิ้นใหม่ๆ ของเธอจะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว แต่ในอนาคตวิถีของวิเวียนที่คนรุ่นนี้เสพมาอย่างยาวนานจะผลิดอกออกผลและมันจะเริ่มต้นต่อจากนี้ มากไปกว่านั้นการที่เธอลงมือลงแรงสร้างแรงกระเพื่อมทางสังคม ยกตัวอย่างเช่นเรื่องสิ่งแวดล้อม ทำให้คนตระหนักรู้และสืบทอดเจตนารมย์ของเธอต่อไป
ภาพความทรงจำกับลีลาท่าทางในการออกเดินรับเสียงปรบมือปิดท้ายโชว์ของ Vivienne Westwood ที่จะไม่เกิดขึ้นอีกแล้ว / ภาพ: Vivienne Westwood Blog
ห้วงเวลาแห่งความทรงจำและการคืนย้อนกลับของวัฏจักรแฟชั่น สำหรับวิเวียนแล้วการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นได้เสมอ แต่ละคอลเล็กชั่นในช่วงหลายสิบปีล้วนแตกต่างและมีเอกลักษณ์ เธออาจไม่ใช่คนกำหนดเทรนด์กระแสหลัก ทว่าเธอคือผู้กำหนดวิถีแห่งการกำจัดอุปสรรคที่ขัดขวางไม่ให้คนคิดนอกกรอบ เมื่อเธอไม่อยู่แล้วสิ่งที่เปลี่ยนไปคือการหวนย้อนคืนความทรงจำ ผู้คนมักย้อนนึกถึงช่วงเวลาอันงดงามในวันที่ใครสักคนหรืออะไรสักอย่างหายไปจากชีวิต นี่อาจถึงเวลาที่ทุกคนหันกลับไปมอง สนใจ และให้คุณค่าในรายละเอียดกับผลงานของเธอมากขึ้นกว่าเดิม คำพูดที่ว่า “ผลงานศิลปะจะดังได้ศิลปินมักต้องตายก่อน” ยังคงเป็นจริงเสมอ นั่นไม่ใช่คำพูดที่น่าน้อยใจ แต่กลับเป็นหลักความคิดของคนที่เมื่อมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่ไม่มีอยู่แล้วหรืออาจไม่เกิดขึ้นอีก จะเพิ่มคุณค่าภายในความคิดและสร้างเกราะป้องกันให้มั่นใจว่าสิ่งนั้นจะไม่สูญสลายหายไปไหนทั้งเชิงรูปธรรมและนามธรรม ด้วยเหตุผลนี้เช่นนี้งานศิลปินของศิลปินระดับตำนานทั้งหลายจึงถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์อันเป็นตัวแทนของเชิงรูปธรรม และเก็บไว้ในความทรงจำอันหมายถึงเชิงนามธรรมนั่นเอง
ขุนพลทีมชาติบราซิลกางแผ่นไวนิลให้กำลัง Pelé ในศึกฟุตบอลโลก ขณะที่นักเตะตำนานของชาติกำลังรักษาตัวในโรงพยาบาลเผชิญวาระสุดท้ายของชีวิต / ภาพ: Times Now
เปเล่เองก็เช่นเดียวกัน ตลอดหลายปีหลังปรากฏการณ์ในวงการฟุตบอลทำให้เขาได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับสถิติที่เกิดขึ้นตั้งแต่สมัยปีมะโว้ หลายคนแคลงใจเกี่ยวกับสถิติดังกล่าวและพยายามหาข้อถกเถียงโดยบางครั้งอาจจะละเลยความสวยงามและช่วงเวลาความมหัศจรรย์ที่เปเล่เคยรังสรรค์ไว้บนสังเวียนหญ้า ในวันที่เขาจากไปทุกคนพร้อมจะเก็บเกี่ยวความทรงจำที่นานวันอาจทำให้มันสูญสลายไปตามช่วงเวลาและรุ่นอายุคน เพราะฉะนั้นตอนนี้มีแต่การให้เกียรติ แม้ผลงานของเปเล่จะไม่ได้สร้างสรรค์มันมาเป็นรูปธรรมมากนัก คนประทับใจกับการเริงระบำในสนามผ่านวิดีโอ และกักเก็บความรู้สึกไว้อย่างหนักแน่น ตรงนี้เองที่ทำให้เห็นว่าโลกหลังพวกเขาจากไป คนจะจดจำทั้งคู่ไว้อย่างเหนียวแน่นที่สุด เพราะนี่คือความทรงจำที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าครั้งหนึ่งมันมีความสำคัญต่อโลกเราอย่างแท้จริง
WATCH