FASHION
จับเข่าคุยกับ 'โอปอล์' ในวัยเฉียด 40...นางแบบคนล่าสุดบนปกโว้ก!
|
ความยากอย่างหนึ่งในการเขียนบทสัมภาษณ์ โอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล คือ การถ่ายทอดออร่าพลังงานบวกของเธอออกมาให้ผู้อ่านเห็นภาพ แต่ด้วยผลงานมากมายของเธอทั้งออนไลน์และออฟไลน์ แถมด้วยอินตราแกรมที่มียอดผู้ติดตามหลักหลายล้าน คุณคงนึกภาพความสดใสและลีลาการพูดที่สนุกสนานเป็นเอกลักษณ์ของเธอได้ไม่ยาก ดังนั้นอย่าเพิ่งตื่นตากับความอะร้าอร่ามจากเซตแฟชั่นแล้วมองข้ามบทสัมภาษณ์ของเธอไป เพราะทัศนคติและวิธีการมองโลกของเธอเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง และสามารถสร้างแรงบันดาลใจดีๆ ให้คุณได้ ไม่แพ้ความสวยอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอเลย
รู้ตัวตอนไหนว่าจะได้ขึ้นปกโว้ก
ตอนพี่ฟอร์ด (กุลวิทย์ เลาสุขศรี บรรณาธิการโว้กประเทศไทย) กระซิบบอกในงานโว้กกาล่า ตอนนั้นคิดว่าตัวเองหูฝาด เพราะกำลังกินอยู่ไงคะ (หัวเราะ) ก็เลยถามกลับว่า “อะไรนะคะ พี่ฟอร์ด” แล้วก็เลยเลิกกินตั้งแต่นาทีนั้น โว้กเป็นแมกกาซีนที่คนรู้จักทั้งโลก ตอนมาเมืองไทย คนไทยก็ตื่นเต้น รวมถึงเราด้วย ดังนั้นเราก็มองว่ามันเป็นโอกาสที่ดี และเราเชื่อว่าพี่ฟอร์ดคงมีเหตุผล โว้กปกนี้คงมีเหตุผลที่ไม่ได้เลือกนางเอกมาขึ้นปก แต่เป็นเรา ซึ่งไม่ได้สวยกว่าคนที่เดินผ่านแผงเลยนะ ดังนั้นการที่ได้เห็นเราอยู่บนปกมันคงอินสไปร์อะไรให้คนอ่านได้บ้าง เราเชื่อว่าเขาคงเห็นอะไรในตัวเรา และเราก็เชื่อว่าตัวเองมีอะไรมาให้เหมือนกัน
แทบทุกครั้งในการสัมภาษณ์ คำถามหนึ่งที่ต้องมีเวลาสัมภาษณ์โอปอล์คือเรื่องเกี่ยวกับ Diversity หรือ ความสวยที่ไม่ได้เป็นไปตามมาตรฐานสากล เบื่อบ้างไหม
ไม่เบื่อค่ะ เพราะเรารู้สึกว่าเราก็มีแง่มุมบางอย่างที่คนอื่นนำเสนอไม่ได้ ด้วยความที่ปอล์มีไอจี แฟนเพจ หรือแม้แต่การไปเจอน้องๆ แฟนคลับในชีวิตจริง เราจะเป็นคนที่ทุกคนกล้าเข้ามาหา บางคนเขาดูเศร้าหมองมาก เวลาที่เขามาปรึกษาเราเรื่องแบบนี้ ซึ่งเป็นเรื่องที่ผู้ใหญ่มักจะมองข้าม หรือมองว่าเป็นเรื่องเล็ก เช่น เพื่อนหาว่าหนูแต่งตัวเชย หรือการที่เขาไม่ใช่ Type ที่คนนิยม หนูดำ หนูเป็นสิว ขั้นแรกปอล์ก็จะบอกว่า น้องต้องแคร์ตัวเองมากกว่าแคร์คำพูดคนอื่น พลังในการพัฒนาตัวเองควรมาจากตัวเราเอง ปอล์ศรัทธาในตัวเองมาก ตั้งแต่เด็กเวลาที่ใครว่าเราไม่สวย เราก็คิดในในใจว่า ใช่ สำหรับเขา เราไม่สวย แต่เราแฮปปี้ในความเป็นเรามากเลย ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเอง “สวย” นะ แต่ก็ไม่เคยรู้สึกว่าตัวเองไม่ดี เราว่าความงามเหมือนศิลปะ มันมีหลายแบบมาก อย่างพี่โอ๊คชอบ (Claude) Monet มาก แต่เราชอบ (Vincent) van Gogh มาก จ้องรูปได้เป็นวันๆ เพราะฉะนั้นเวลาใครว่าเราไม่สวยเราก็จะยิ้ม เพราะลึกๆ เรารู้ว่าเราโอเค
คิดว่าความแข็งแรงตรงนี้มาจากไหน
ครอบครัวค่ะ บ้านเราคุยกันทุกเรื่องตั้งแต่เด็ก ทีนี้เวลาใครว่าอะไรเราก็จะไปเล่าให้พ่อแม่ฟัง เช่น โดนว่าตัวดำ เขาจะหัวเราะ แล้วก็บอกว่า “ใช่ลูก เราดำ แต่โอปอล์เก่งอย่างอื่นนะ” มันก็ทำให้เรารู้จักตัวเอง ดังนั้นเวลาออกไปเจออะไรก็ตามข้างนอก ดีร้ายแค่ไหนพ่อแม่จะบอกว่า ไปเลย เหนื่อยแค่ไหนกลับมาก็จะมีบ้าน มีพ่อแม่ มีข้าวกิน เพราะฉะนั้นไม่ว่าชีวิตจะเจออะไรมา เจอคนร้ายกาจแค่ไหน เราจะแยกแยะได้ว่า ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเรา ไม่เอากลับบ้านด้วย แล้วเราก็สบายใจ
วันนี้องค์ประกอบความสวยของโอปอล์ในวัยเฉียด 40 มีส่วนผสมอะไรบ้าง
จากประสบการณ์ทั้งหมดขอแบ่งเป็น 2 แบบคือ จากความสวยที่ปอล์มองเห็นในคนอื่น กับความสวยที่เรามองเห็นในตัวเอง ความสวยที่เรามองเห็นในคนอื่น คือการที่เขาเป็นตัวของตัวเอง ยกตัวอย่าง บางคนที่ปอล์รู้จัก เลือกที่จะไม่เป็นตัวเองในไอจีเพื่อให้คนมาชม มันตลกและมันก็เศร้ามากด้วย เพราะในสังคมปัจจุบันพอมีโซเชียลมีเดีย มันทำให้เราต้องฟังความเห็นจากคนที่แบบ...ใครวะ หรือจะมีบางคนที่เสียใจเมื่อลงรูปตัวเองในอินสตาแกรม แล้วมีคนมาคอมเมนต์ว่าไม่สวย ซึ่งสำหรับเด็กๆ บางคนในยุคนี้เขารู้สึกกับมันมากนะคะ ดังนั้นถ้าให้พูดเรื่องความสวย ปอล์คงพูดเหมือนที่หลายคนพูดกันว่าความสวยมันเหมือนงานศิลปะ ใครจะอภิเชษฐ์ความสวยของเราหรือไม่ นั่นเรื่องของเขา แต่เราต้องเป็นที่คนส่องกระจกแล้วบอกตัวเองได้ว่าเราดีหรือยัง ถ้าไม่ดีพอ ให้ดูว่าเป้าหมายเราอยู่ตรงไหน แล้วไปให้ถึง โดยไม่ต้องให้ใครมาบอกว่าผอมอีกนิดสิ ทำไมไม่ลองขาวอีกหน่อย หรือแม้แต่ปอล์ที่โดนถามในไอจีว่า ทำไมไม่ไว้ผมยาว อยากจะถามกลับว่าเป็นใครเนี่ย เป็นใครรรรรรร (หัวเราะ) นี่คือสิ่งที่ปอล์อยากสื่อสารที่สุดว่า จงเป็นตัวเองเถอะ อภิเชษฐ์ในความเป็นเรา อย่าพยายามเป็นคนอื่น มันเหนื่อย แล้วที่แย่คือคนจับได้ ดังนั้นถ้าไม่ใช่คนแบ๊วก็ไม่ต้องแบ๊ว อะไรก็ตามที่ยังอยู่ในกรอบของกาละเทศะ ทำไปเหอะ เพราะเราเป็นใครไปไม่ได้เลยนอกจาก Best version ของตัวเราเอง
WATCH
อีกข้อคือความสวยของตัวเองในวัย 40 ปอล์ว่าทุกปีบริบทในชีวิตมันเปลี่ยนไปตามวัยที่มากขึ้น จากเข้าวงการตอนเป็นวัยรุ่น ตอนนี้เป็นแม่ ปอล์มีความสุขกับการเป็นแม่ มีความสุขที่ได้กลับมาดูแลตัวเอง มีความสุขเวลาส่องกระจก บอกตัวเองว่า เราน่าจะผอมกว่านี้นิดนะ โอเค เราจะลด แต่ก็ยังมีความสุขได้ เราอยู่ในช่วงวัยที่เก็บเกี่ยวผลจากการทำงานที่เหนื่อยยากมาโดยตลอด ตั้งแต่เด็กๆ ปอล์มีเป้าหมายว่าอีก 5 ปีอยากได้อะไร 10 ปีฉันอยากเป็นยังไง และชีวิตตอนนี้มันมาไกลกว่าที่ปอล์วางแผน เรามีครอบครัวที่ดี มีเพื่อนที่ดี และปอล์ก็ได้สติมาตั้งแต่อายุเข้า 30 แล้วว่า ปอล์จะไม่เสียเวลาไปกับอะไรที่ปอล์ไม่อยากทำ จะไม่จ่ายภาษีสังคมด้วยการออกไปเจอคนที่ไม่อยากเจอ เราเรียนรู้ว่าทุกนาทีที่ใช้กับลูก กับพ่อแม่ กับเพื่อน กับคนที่เรารักมันมีความสุข และความสุขในใจปอล์เต็มมาก เราเลยแคร์สิ่งอื่นน้อยลง แคร์คนอื่นน้อยลง แคร์ว่าต้องแต่งตัวยังไงน้อยลง ตั้งแต่แก่มาคือไม่แต่งหน้าเลย เพราะรู้สึกว่า เราไม่ต้องปกปิดอะไร ไม่ต้องเฉด ไม่ต้องคอนทัวร์ ไม่ต้องบล็อกตาดำเพื่ออะไรแล้ว ความสวยของปอล์จึงมาจากการการมีความสุขกับชีวิตตัวเองและได้เป็นตัวเอง100%
ในพาร์ตการเป็นภรรยาก็เป็นตัวเอง100% ด้วยไหม
มากกกกก คือจากบทเรียนชีวิตก่อนแต่งงาน เวลาเรารักใครมากๆ แล้วไม่อยากเสียเขาไป เราจะพยายามเป็นในสิ่งที่คิดว่าเขาอยากให้เราเป็น สุดท้ายเขาก็ไม่ได้ตัวจริงของเราไป แล้วเราก็ไม่ได้เป็นตัวเอง ความสัมพันธ์ก็จะจบลงทุกครั้ง ตอนนี้คือเราไม่ฝืนอะไรเลยนะ
ทุกวันนี้ในพาร์ตความเป็นภรรยา ปอล์ซัพพอร์ตพี่โอ๊คทุกอย่าง โดยไม่รู้สึกว่ามันเป็นหน้าที่ทั้งสิ้น เหมือนกับคน 2 คนที่ตัดสินใจจะใช้ชีวิตร่วมกันแล้ว เราอยู่กันเป็นทีมเลย ถ้าวันนี้ปอล์ออกมาทำงาน พี่โอ๊คดูลูก ปอล์ตื่นมาทำอาหารเช้าให้สามีทุกวัน วางแผนว่าใน 5 วันจากนี้ว่าพี่โอ๊คจะกินอะไรตอนเช้า คือเรารู้ว่าพี่โอ๊คเหนื่อยมากในการทำงานทั้งที่โรงพยาบาลและที่คลีนิค กลับมาเราก็จะเตรียมอะไรที่เป็นความบันเทิง เช่น แพลนว่าวันนี้จะไปไหนหรือเตรียมผลไม้แช่เย็นไว้ให้บ้าง ในพาร์ตอาชีพเราจะรู้ว่าสามีเราถนัดอะไร ไม่ถนัดอะไร ถ้าเป็นเรื่อง Medical การรักษา สมิธเก่งมาก แต่ถ้าเป็นเรื่องการบริหารคน การทำ Marketing โยนมา ปอล์ดูให้...
ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของบทสัมภาษณ์ฉบับเต็ม ของคัฟเวอร์เกิร์ลคนล่าสุดของโว้กประเทศไทย ประจำเดือนตุลาคม 2562 โอปอล์-ปาณิสรา อารยะสกุล หญิงสาวที่ครบเครื่องที่สุดในเวลานี้ สามารถติดตามอ่านบทสัมภาษณ์ฉบับเต็มต่อได้ที่ นิตยสารโว้กประเทศไทย ฉบับเดือนตุลาคม 2562 วางแผงแล้วทุกแผงหนังสือทั่วประเทศ
WATCH