เมื่อการผลัดเปลี่ยนเทรนด์แฟชั่นคือเรื่องใหญ่ที่ทุกคนคำนึงถึง เรื่องราวความสำเร็จของแบรนด์ล้วนขึ้นอยู่กับช่วงเวลาด้วยเช่นกัน โลกยุคใหม่เดินหน้าไปเร็วขึ้น ผู้คนเสพศิลปะอย่างหลากหลาย ดังนั้นกระแสความนิยมย่อมเปลี่ยนแปลงชนิดไม่มีอะไรหยุดอยู่ เทรนด์แฟชั่นหลังยุคโควิดแพร่ระบาดได้รับการจับตามองอย่างมากว่าเหตุการณ์ที่ทำให้วิถีชีวิตของมนุษย์ทั่วโลกเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันจะส่งผลถึงอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างไรบ้าง และแน่นอนว่าทุกคนคงเห็นมากับตาแล้วว่าการระบายพลังความสร้างสรรค์สไตล์แม็กซิมัลตอบโจทย์ความต้องการอันไร้ขีดจำกัดหลังถูกกักขังผ่านข้อจำกัดในการใช้ชีวิตมานานร่วมปี

ผลงานจัดเต็มสไตล์แม็กซิมัลของ Moschino ฉบับส่งท้าย Jeremy Scott กับคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 / ภาพ: Moschino

     แต่เมื่อการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้นอย่างฉับพลันสิ่งเหล่านั้นมักไม่จีรังยั่งยืน ยิ่งประกอบกับปัจจัยเรื่องโลกดิจิทัลที่หมุนเวียนเปลี่ยนผ่านทุกอย่างไปรวดเร็วเสียเหลือเกิน เทรนด์แม็กซิมัลกำลังจะถึงทางตัน ตอกย้ำคำนี้ด้วยการละบัลลังก์ของ Alessandro Michele และ Jeremy Scott แห่งห้องเสื้อ Gucci และ Moschino ตามลำดับ ในขณะเดียวกันมีการพูดถึงเทรนด์ความเรียบง่าย สวมใส่เน้นฟังก์ชั่น และความปกติธรรมดาที่จะเข้ามาทดแทนรูปแบบความจัดจ้านที่เมื่อ 1-2 ปีที่แล้วสาวกแฟชั่นถวิลหา มากไปกว่านั้นคำนิยามแฟชั่นว่า “Normcore” กำลังกลับมาได้รับความสนใจอีกครั้ง

Liu Wen ในลุคเสื้อกล้ามกางเกงยีนส์แสนเรียบง่ายปิดท้ายโชว์ Bottega Veneta คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 ฝีมือการออกแบบของ Matthieu Blazy / ภาพ: Filippo Fior - Gorunway.com

     คำนิยามดังกล่าวเป็นการผสมผสานคำว่า “Normal” กับ “Hardcore” ซึ่งหมายถึงความปกติธรรมดาแบบสุดโต่ง หรือภาษาบ้านๆ ว่า “โคตรธรรมดา” แต่ความธรรมดาดังกล่าวสะท้อนรูปแบบแฟชั่นที่ผันเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว กางเกงยีนส์ เสื้อยืด เสื้อกล้าม และการจัดเลเยอร์แบบชั้นเดียวกำลังเป็นเทรนด์ใหม่บนรันเวย์ ยกตัวอย่างเช่นผลงานลุคสุดท้ายในโชว์ Bottega Veneta คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 ที่ Matthieu Blazy จัดความธรรมด๊า ธรรมดามาปิดโชว์ ณ กรุงมิลานในแบบฉบับที่ผู้ชมต้องขยี้ตามองว่านี่คือลุคปิดท้ายโชว์จริงหรือ

ลุคแสนเรียบง่ายจากโชว์ Gucci คอลเล็กชั่นเสื้อผ้าบุรุษ ฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 ซึ่งเป็นช่วงเปลี่ยนถ่ายจากมือ Alessandro Michele ที่เพิ่งอำลาตำแหน่งหัวเรือใหญ่ / ภาพ: Filippo Fior - Gorunway.com

     วิถีความธรรมดาสอดประสานกับแนวคิดเชิงต่อต้านของคนยุคสมัยใหม่ เป็นธรรมดาที่การเปลี่ยนแปลงทางสังคมทั้งในภาคใหญ่และภาครองจำเป็นต้องเกิดการปะทะกันทางความคิด เมื่ออิงตามหลักทฤษฎีของ Karl Marx ในด้านการเปลี่ยนแปลงทางสังคมจะเห็นว่า Thesis (เทรนด์แม็กซิมัล) ปะทะกับ Anti-Thesis (เทรนด์มินิมัลหรือนอร์มคอร์) โดยมี Agenda เป็นผู้คนยุคใหม่ที่เริ่มหลงใหลในสิ่งเรียบง่ายและสอดคล้องกับการใช้ชีวิตมากกว่าศิลปะที่อัดแน่นไปด้วยรายละเอียด สิ่งเหล่านี้จึงพัฒนาเทรนด์แฟชั่นให้เดินหน้าไปในรูปแบบของเทรนด์ใหม่ที่แม้อาจเคยเกิดขึ้น แต่เมื่อพูดถึงนอร์มคอร์ในยุค 2023 เสื้อผ้ายังคงรายละเอียดความหรูหราเฉียบคมแต่ตัดทอนรายละเอียดที่อาจเรียกว่าตะโกนออกไปจนเสียเกือบหมดแล้ว

แพตเทิร์นสไตล์การเลเยอร์แบบง่ายๆ ที่ทำให้เห็นถึงความธรรมดาแต่ดูดีฉบับ Prada ส่งตรงจากคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 / ภาพ: Armando Grillo - Gorunway.com

     จุดเชื่อมโยงของคำว่านอร์มคอร์กับแฟชั่นที่เกิดขึ้นในยุคแม็กซิมัลคือเทรนด์ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมามีพูดถึงนิยามความงดงามของแฟชั่นวินเทจ และกลายเปลี่ยนลุคหนุ่มสาววัยรุ่นให้กลายเป็นลุงป้าที่มีสไตล์ ดังนั้นไอเท็มวินเทจหรือไอเท็มที่มีลักษณะย้อนยุคได้รับความนิยมมาก โดยเฉพาะรองเท้าสนีกเกอร์แบบเรียบง่ายทรงคุณลุง ซึ่งกลายเป็นไอเท็มฮิตติดลมบนที่ใครก็ต้องมี ไอเท็มเหล่านี้จะไม่สูญสลายไปพร้อมเทรนด์แม็กซิมัลที่กำลังค่อยๆ เสื่อมความนิยม ทว่าจะกลายมาเป็นไอเท็มฮิตชิ้นสำคัญในการมิกซ์แอนด์แมตช์ ลองนึกถึงภาพคนสวมเสื้อยืด กางเกงยีนส์ และรองเท้ากลิ่นอายเฉิ่มแต่เก๋สักคู่ มันเป็นสิ่งที่สะท้อนคำว่า “นอร์มคอร์” ได้อย่างยอดเยี่ยม เนื่องจากลุคแบบนี้ช่างดูแสนจะธรรมดา อีกทั้งยังไม่ได้มีรายละเอียดซับซ้อน ในเมื่อความธรรมดาได้รับความนิยม แบรนด์ดังทั้งหลายก็ต่างหาวิธีสอดแทรกเอกลักษณ์ลงไปในความเรียบง่าย แน่นอนว่าแฟชั่นบนรันเวย์กับคำว่าแสนธรรมดาอาจไม่ได้สอดคล้องกันขนาดนั้น แต่ถ้าพินิจพิจารณากันอย่างถี่ถ้วนจะเห็นว่าทุกอย่างถูกออกแบบบนรากฐานของการใช้งานจริงตามกาลเทศะ ชุดสำหรับใช้ชีวิตประจำวันก็เรียบง่าย หรือในอีกด้านหนึ่งชุดสำหรับออกงานกลางคืนก็สวยหรูในแบบที่ควรจะเป็น มีเพียงการลดทอนรายละเอียดหรือการปรับใช้รายละเอียดให้พอดิบพอดีมากขึ้น และนี่คือเทรนด์แฟชั่นที่จะกลับมาอีกครั้ง ความธรรมดาที่แสนจะมีเสน่ห์