เปิดจุดจบ Martin Margiela ที่วลี “จริงๆ แล้วฉันเป็นประธานบริษัท” ก็คงช่วยไว้ไม่ได้
บางครั้งการมีอำนาจตัดสินใจไม่ได้หมายถึงแค่การสอดส่องข้อบกพร่องของคนอื่น แต่หมายถึงการส่องกระจกย้อนดูตัวเองอย่างถี่ถ้วน
สาวกแฟชั่นส่วนใหญ่ต้องคุ้นหูแบรนด์ชื่อดังอย่าง Maison Margiela กันมาบ้าง ความโดดเด่นในเรื่องวิธีการออกแบบเรื่อยไปจนถึงวิถีชีวิตที่แทบไม่เปิดเผยตัวตนยิ่งทำให้ห้องเสื้อแห่งนี้ได้รับความสนใจอยู่เสมอ แต่ด้วยความเป็นศิลปินในตัว Martin Margiela ดีไซเนอร์และผู้ก่อตั้งแบรนด์มันก็พาเขามาถึงจุดจบเสียเอง ซึ่งนับตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้ทุกคนต่างหวนคิดถึงและเฝ้าติดตามว่าเขาจะก้าวกลับเข้ามาในอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างมากหรือไม่
Martin Margiela ดีไซเนอร์ที่ไม่ค่อยปรากฏตัวในที่สาธารณะ มาร่วมเป็นกรรมการในงาน ANDAM Fashion Awards / ภาพ: MING'S
ย้อนกลับไปราวๆ ปี 2008 มีเหตุการณ์ช็อควงการเกิดขึ้นเมื่อทีมผู้บริหารนำโดย Renzo Rosso ประธาน OTB ผู้ถือหุ้นใหญ่ออกมาประกาศเกี่ยวกับสถานะมาร์ตินอย่างงุนงงว่า “เขาไม่ได้อยู่ที่นี่มาสักพักแล้ว มาร์ตินเขา (ทำงาน) อยู่ที่นี่แต่ก็ไม่ได้ (ปรากฏตัว) อยู่ที่นี่ เรามีทีมดีไซน์ใหม่และมุ่งเน้นความสดใหม่กว่าเดิม” ซึ่งเรื่องนี้ในตอนนั้นถูกหยิบมาวิพากษ์วิจารณ์กันอย่างหนาหูว่ามาร์ตินจะออกจากแบรนด์ตัวเองจริงหรือไม่ หรือนี่เป็นแผนการตลาดรูปแบบใหม่ แต่สุดท้ายในช่วงเดือนธันวาคมปี 2009 ทางแบรนด์ก็ออกมาประกาศอย่างชัดเจนว่ามาร์ตินออกจากแบรนด์ไปแล้ว ไขข้อสงสัยเกือบทั้งหมดได้ แต่ติดอยู่ข้อเดียวคือ “ทำไมมาร์ตินถึงออกจากแบรนด์ที่ตัวเองสร้างมากับมือ”
วันที่ 11 ตุลาคม 2018 ข้อสงสัยสุดท้ายก็มีคำตอบที่เหมาะสมแล้ว มาร์ตินขึ้นรับรางวัล Jury Prize จากเวที Belgian Designer Awards เขาเลือกที่จะเปิดเผยความในใจที่ทุกคนสงสัยมาตลอดว่าทำไมชายมากความสามารถถึงต้องออกจากแบรนด์ไป เขากล่าวว่า “หลังจากทำงานอย่างหนักหลายสิบปีจนถึงปี 2008 ฉันเริ่มรับมือกับความรวดเร็วของโลกออนไลน์ไม่ไหว ความกดดันที่เร่งเร้า ความต้องการที่สูงทะลุเพดาน คุณค่าการรอคอยที่หายไปและที่สำคัญความเซอร์ไพรส์ต่าง ๆ มันถูกกลืนหายไป” เรื่องนี้แสดงให้เห็นว่าแม้จะครองตำแหน่งใหญ่และสามารถควบคุมทิศทางของแบรนด์ได้มากเพียงใด แต่ถ้าไม่สามารถปรับตัวให้สอดประสานไปกับกระแสโลกยุคใหม่ได้ สุดท้ายองค์ประกอบรอบตัวก็จะบีบรัดจนไม่สามารถอยู่ได้อีกต่อไป
ภาพพอร์เทรตอันโด่งดังของ Martin Margiela ที่กลายเป็นตำนาน เพราะน้อยครั้งจะเห็นดีไซเนอร์คนนี้ถ่ายภาพ / ภาพ: MUBI
แม้จะเป็นประธานด้านงานสร้างสรรค์ก็ไม่ช่วย ในวันที่โลกแฟชั่นมีเส้นแบ่งจากโลกธุรกิจเบาบางเสียเหลือเกิน มาร์ตินไม่สามารถสร้างสรรค์ผลงานได้เช่นเดิมอีกต่อไป เขาไร้ซึ่งเวลาคิดงานรูปแบบใหม่ อีกทั้งยังต้องพยายามตอบสนองความต้องการของตลาดที่กลายเป็นบรรทัดฐานของแฟชั่นยุคปัจจุบัน และมันทำให้อุตสาหกรรมแฟชั่นเป็นแบบ Customer-based แทนที่ Creative-based เหมือนสมัยก่อนที่ผู้คนเสพแฟชั่นด้วยมิติทางศิลปะก่อนจะจับจ่ายด้วยรสนิยมส่วนตัว ทว่าวันนี้หลายแบรนด์ให้ความสำคัญกับความต้องการของตลาดอย่างมาก เราจึงมีโอกาสได้เห็นไอเท็มบางชิ้นที่เห็นบนรันเวย์ก็รู้ทันทีว่าไอเท็มชิ้นนี้ออกแบบมาเพื่อรองรับความต้องการของตลาดในช่วงนั้นๆ แน่นอน
โลกของการเปิดกว้างและมีพื้นที่น้อยลงสำหรับ Introvert ความโหดร้ายของโลกแฟชั่นยุคใหม่คือไม่มีพื้นที่สำหรับ Anonymous เท่าที่ควร ผู้เกี่ยวข้องต้องออกหน้าออกตา ต้องนำตัวเองไปผูกโยงกับฉากหน้าไม่มากก็น้อย การขลุกตัวอยู่เบื้องหลังและสรรสร้างเสื้อผ้าสุดประณีตอาจไม่เพียงพออีกต่อไป มาร์ตินยืนอยู่ในตำแหน่งหัวเรือใหญ่ที่มีคนคอยสนับสนุนก็จริง แต่เมื่อโลกมันปรับเปลี่ยนรูปแบบเสียจนเขาไม่สามารถยืนบนจุดยืนของตัวเองได้อย่างมั่นคง เขาก็เลือกที่จะถอนตัวไป มันอาจจะฟังดูโหดร้ายที่มาร์ตินต้องออกจากแบรนด์ตัวเองไปแบบเงียบๆ แต่แท้จริงแล้วการเป็นประธานบริษัทหรือหัวหน้าส่วนงานไหนก็แล้วแต่ไม่ใช่เพียงสืบเสาะหาปัญหาเท่านั้น แต่ต้องพิจารณาถึงปัญหาที่เกิดขึ้นกับตัวเองด้วย เขามองว่าเขาไม่ใช่คนที่ใช่ของเมซง มาร์จีล่าอีกต่อไปแล้ว ถึงเวลาเขาก็เดินออกจากไป สุดท้ายผู้คนจะจดจำเขาจากตัวตนของเขาจริงๆ ไม่ใช่ประธานบริษัทผู้เปลี่ยนแปลงตัวเองเพื่อแนวทางที่เขาไม่มีแพชชั่นกับมัน
ข้อมูล:
WATCH
WATCH