นี่คือนิทรรศการที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ Louis Vuitton เคยจัดแสดงในประเทศไทย

การที่แบรนด์ใดจะยืนยงมา 160 ปีแล้วยังคงสร้างกระแสแห่งการรอคอย สร้างปรากฏการณ์แห่งแรงปรารถนาได้อย่างต่อเนื่อง คงไม่ใช่สิ่งที่ใครๆ ก็ทำได้ สำหรับคนที่ติดตามหรือคลั่งไคล้หลุยส์ วิตตองมาเสมออาจไม่มีความกังขาใดๆ ว่าทำไมลายโมโนแกรมถึงมีความงดงามเลอค่าเสมือนดวงตราศักดิ์สิทธิ์แห่งสไตล์ แต่สำหรับใครที่ยังกังขาหรือต้องการคำตอบ หลุยส์ วิตตองร่วมกับสยามพารากอนจัดงานนิทรรศการ Time Capsule ซึ่งเป็นนิทรรศการหมุนเวียนที่จัดแสดงในเมืองสำคัญๆ ต่างๆ นำเสนอเรื่องราวของหลุยส์ วิตตอง และวิวัฒนาการของการเดินทางและหีบเดินทางตั้งแต่ศตวรรษที่ 19 จนถึงปัจจุบัน โดยมีหีบเดินทางและเครื่องหนังใบประวัติศาสตร์อายุถึง 160 ปีของหลุยส์ วิตตองถูกส่งตรงมาจากกรุงปารีสเพื่อการนี้โดยเฉพาะ ไปชมกันเลยว่ามีกี่ห้องและแต่ละห้องมีอะไรบ้าง!

ห้องที่ 1 - The Keys to The Codes

บรรยากาศเวิร์กช็อป Asnières ในประเทศฝรั่งเศสในอดีต ซึ่งยังคงรักษากระบวนการทำงานต่างๆ มาจนถึงทุกวันนี้

ห้องแรกแสดงนวัตกรรมของ หลุยส์ วิตตองตั้งแต่แรกเริ่ม เป็นเหมือนหัวใจสำคัญที่ห่อหุ้มไว้ด้วยดีไซน์ที่สวยงาม ไม่ว่าจะกี่ยุคสมัยจวบจนปัจจุบัน สิ่งที่ทำให้แบรนด์นี้ดำรงอยู่อย่างสง่างามก็คือนวัตกรรม ซึ่งทำให้หลุยส์ วิตตองคือความพิเศษสุด

ภาพถ่ายบุคคลโบราณของเมอซีเยอ Louis Vuitton

ย้อนไปเมื่อ ค.ศ. 1835 เมอซีเยอหลุยส์ วิตตอง ขณะนั้นมีอายุได้ 14 ปี เขาเดินทางด้วยเท้าออกจากบ้านเกิดในเมืองอังเชย์ ใกล้กับชายแดนของประเทศสวิตเซอร์แลนด์ หลุยส์มีโอกาสเข้าไปสั่งสมประสบการณ์การทำงานกับเมอซีเยอมาเครชาล ซึ่งเป็นผู้มีชื่อเสียงด้านการผลิตหีบและบรรจุจัดเรียงสัมภาระสำหรับใช้ในการเดินทางในสมัยนั้น หลุยส์ได้รับเกียรติสูงสุดให้เป็นผู้ถวายงานจักรพรรดินี อูเฌนี พระมเหสีในจักรพรรดินโปเลียนที่ 3 แห่งฝรั่งเศส

จักรพรรดินี Eugénie

เมื่อระบบขนส่งเริ่มก้าวหน้าส่งผลให้หีบเดินทางเป็นที่ต้องการอย่างมาก การตัดสินใจของเมอซีเยอหลุยส์ วิตตองที่เลือกใช้ผ้าใบเคลือบน้ำยาซึ่งมีคุณสมบัติทนทานและกันน้ำมาห่อหุ้มหีบเดินทางดูจะเป็นการตัดสินใจครั้งสำคัญที่ทำให้เขามีชื่อเสียง ภายในหีบประกอบด้วยช่องเก็บสัมภาระเป็นสัดเป็นส่วน จัดเก็บได้ทั้งเสื้อผ้าและเครื่องประดับที่หรูหรา สะดวกและปลอดภัยในการขนส่ง ไม่เพียงผลิตหีบที่ใช้สอยสะดวก เขายังคิดค้นทำหีบเดินทางที่เปิดออกมาเป็นเตียงพับสำหรับยุคสำรวจในแอฟริกาที่สุดแสนจะกันดารด้วย

ห้องที่ 2 - The Great Journey Around the World

ภาพประวัติศาสตร์ของ Louis Vuitton เมื่อศตวรรษที่แล้ว เตียงนอนที่กางออกมาจากหีบนับเป็นชิ้นระดับตำนานของแบรนด์

จำลองภายในของห้องโดยสารรถไฟและพาหนะในอนาคตที่จะพาท่านเดินทางไปสู่ห้วงอวกาศ ภูมิประเทศแบบทรานส์ไซบีเรีย หรือแม้แต่ภูมิทัศน์ชนบทของฝรั่งเศส โดยจัดแสดงนวัตกรรมของหีบเดินทางตั้งแต่มีรถไฟ การออกแบบ Steamer Bag ที่พับเก็บได้ในหีบสำหรับการเดินทางโดยเรือ แม้เดิมทีจะออกแบบเป็นกระเป๋าสำหรับใส่เสื้อผ้าใช้แล้ว แต่ด้วยดีไซน์ที่เก๋ตลอดกาลทำให้กลายเป็นกระเป๋าที่สุภาพบุรุษผู้ชอบความเท่หลงใหล นอกจากนี้ยังคิดเผื่อไปถึงกระเป๋าสำหรับใส่เสื้อผ้าคนขับรถที่เป็นรูปกลม ใส่ลงในวงในของล้ออะไหล่ได้ หรือหากฉุกเฉินก็เปลี่ยนมาเป็นอ่างใส่น้ำได้ หรือจะนั่งอาบน้ำในอ่างกระเป๋ากลมนี้โดยตักน้ำรดตัวก็ได้

ห้องที่ 3 - Louis Vuitton And The Arts

คลังสำคัญ ณ เวิร์กช็อป Asnières ในฝรั่งเศสที่รวบรวมชิ้นงานเก่าแก่ไว้มากมาย

ตลอดระยะเวลา 160 ปี ของหลุยส์ วิตตองมักมีดีไซน์ระดับไอคอนที่น่าจดจำและตรึงตาผู้คนเสมอมาทุกยุคสมัย ไม่ว่าจะเป็นหีบเดินทางลายโมโนแกรม กระเป๋า Keepall ที่อมตะตลอดกาล โดยเฉพาะลาย Monogram Graffiti ซึ่งเป็นที่ต้องการของนักสะสม กระเป๋า Bucket ทรงถังกลม กระเป๋า Noé ที่ถูกเรียกว่าทรงขนมจีบ กระเป๋า Alma ลายโมโนแกรม กระเป๋า Papillon Mirror สีเงินมันวาวลายโมโนแกรมนูน นอกจากนี้ยังมีภาพจากสิ่งพิมพ์ต่างๆ รวมทั้งภาพโฆษณาของดีไซน์ที่เป็นไอคอนเหล่านี้ในแต่ละยุคสมัยด้วย

ห้องที่ 4 และ 5 - Elegance in Motion

ห้องที่ชวนตื่นตาด้วยการออกแบบพิเศษเฉพาะบุคคล เพราะดีไซน์พิเศษเฉพาะบุคคลที่มีความประสงค์แตกต่างกันเป็นสิ่งที่หลุยส์ วิตตองเชี่ยวชาญเป็นพิเศษ อย่างการออกแบบกระเป๋าสำหรับใส่อุปกรณ์ประทินโฉมต่างๆ สำหรับสุภาพบุรุษในยุคต้นศตวรรษที่ 20 กระเป๋าทรงหีบใบเล็กสำหรับเครื่องสำอาง กระเป๋าสำหรับบรรจุซิการ์ การเล่นเกมหมากรุก กระเป๋าเก็บอุปกรณ์สำหรับไพ่นกกระจอก หรือแม้แต่การออกแบบไปป์และกล่องบรรจุลายโมโนแกรม

ห้องที่ 6 - Local TH Pieces

กระเป๋าเดินทางใบประวัติศาสตร์ซึ่งแบรนด์ Louis Vuitton ออกแบบเป็นพิเศษด้วยงานคาดสีธงชาติไทยและตราสัญลักษณ์ประจำพระองค์เพื่อถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9

ห้องนี้เป็นห้องที่เราชาวไทยไม่ควรพลาดชม เป็นห้องที่รวบรวมผลงานของหลุยส์ วิตตองที่เกี่ยวกับราชวงศ์ไทย อย่าง Boîte Falcons กระเป๋าทรงหีบใบย่อมที่ทำขึ้นเพื่อฉลองปีกาญจนาภิเษกพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช อีก 2 ปีต่อมาพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ ทรงออกแบบกระเป๋าทรงหีบสำหรับบรรจุเครื่องประดับอัญมณี และอีกใบสำหรับบรรจุนาฬิกา เพื่อการประมูลนำรายได้สมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา

 กระเป๋าทรงหีบซึ่งออกแบบโดยพระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ เพื่อการประมูลนำรายได้สมทบทุนมูลนิธิชัยพัฒนา

ไฮไลต์คือมุมจัดแสดงหีบฉลองพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ในการเสด็จต่างประเทศทางราชการในพ.ศ. 2503 ทั้งสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรป โดยมีหีบเดินทางหลุยส์ วิตตองที่ปิแอร์ บัลแมงออกแบบเป็นพิเศษ การเสด็จฯ คราวนั้นใช้เวลากว่า 5 เดือน เป็นการเดินทางเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีและบ่งบอกจุดยืนว่าเราเป็นประเทศประชาธิปไตย ในขณะที่รอบๆ ประเทศของเราถูกคุกคามโดยลัทธิการเมืองอื่น ถือเป็นการเสด็จต่างประเทศครั้งสำคัญยิ่งในรัชสมัยของพระองค์

ห้องที่ 7 - Magic Malle

ห้องสุดท้ายเป็นการนำเสนอที่ทันสมัยในรูปแบบมัลติมีเดียที่ออกแบบมาอย่างสวยงาม เป็นอีกห้องที่พลาดไม่ได้จริงๆ ไล่ตั้งแต่ Video Trunk นำคุณท่องจักรวาลแห่งหลุยส์ วิตตองผ่าน ช่วงเวลาต่างๆ ทั้งอวกาศ ดาวเคราะห์ที่ชื่อว่าโลก และมาโฟกัสที่เวิร์กช็อปที่อาส์นิแยร์ เน้นเรื่องราวการสืบสายศิลป์ของช่างฝีมือจากรุ่นถึงรุ่น

นิทรรศการ TIME CAPSULE BANGKOK จะมีขึ้นในระหว่างวันที่ 7-25 กันยายน 2560 ณ ลานพาร์ค พารากอน สยามพารากอน เปิดให้เข้าชมตั้งแต่ 10.00-20.00  (ไม่เสียค่าเข้าชม) สามารถเข้าชมได้จนถึงก่อนเวลาปิด 20 นาที และห้องจัดแสดงจะปิดก่อนเวลา 10 นาที นิทรรศการนี้จึงไม่เพียงทำให้เราได้รู้จักกับ ความเป็นหลุยส์ วิตตองอย่างใกล้ชิด หากยังเป็นภาพสะท้อนถึงการดำรงอยู่เหนือกาลเวลาของสิ่งใดๆ ที่ไม่หยุดอยู่กับความสำเร็จเดิมๆ แต่จะต้องสร้างความสำเร็จใหม่ๆ ขึ้นมาเรื่อยๆ โดยใช้ทักษะที่สั่งสมกันมาจากรุ่นสู่รุ่นนั่นเอง คลิกชมบรรยากาศทุกมุมในนิทรรศการแห่งที่โว้กเก็บภาพมาฝากได้ที่วิดีโอด้านบน เอ็กซ์คลูซีฟที่โว้กที่เดียวเท่านั้น!

เรื่องโดย: เศรษฐพงศ์ เผ่าวัฒนา