FASHION
Louis Vuitton เปิดบ้าน Asnières อายุ 160 ปีที่เต็มไปด้วยความทรงจำและประวัติศาสตร์ของเมซงการเดินทางของ ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ กับ Louis Vuitton ครั้งนี้พิเศษ เพราะเมซงเปิดสถานที่อยู่เคียงคู่เมซงมาตั้งแต่ช่วงแรกให้ญาญ่าสัมผัสกับความอบอุ่นและเรื่องราวอันแสนยาวนาน |
“ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์” Friend of Louis Vuitton จากประเทศไทยเดินทางไปร่วมชมโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 หลังจากนั้นจุดหมายต่อมาคือ Asnières บ้านหลังเก่าแก่ที่อยู่คู่ Louis Vuitton มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง อีกทั้งยังเป็นแลนด์มาร์กที่อบอวลไปด้วยความทรงจำและประวัติศาสตร์อันยาวนาน ประกอบกับงานสถาปัตยกรรมอันทรงคุณค่า จึงไม่น่าแปลกใจที่บ้านหลังนี้เป็นเหมือนดั่งหัวใจของเมซง การที่แบรนด์เชิญญาญ่ามาเยี่ยมชมสถานที่สุดพิเศษแบบนี้ จึงเหมือนการเปิดประวัติศาสตร์ของเมซงแห่งนี้ให้ญาญ่าสัมผัสลึกซึ้งมากกว่าเดิม
บรรยากาศบริเวณภายนอกตัวบ้านของบ้าน Asnières ที่เต็มไปด้วยความร่มรื่นน่านั่งใช้เวลาปล่อยกายพักผ่อน
ภายในบริเวณบ้านถูกตกแต่งอย่างประณีตสวยงามด้วยสวนกุหลาบและแมกไม้ ที่ยังคงให้ความสวยงามตามประสาแม้ยังไม่ผลิดอกในช่วงเวลาดังกล่าว มาพร้อมโต๊ะและเก้าอี้สำหรับจิบชายามบ่าย ด้านหน้ามีบรรยากาศชวนสะดุดตาด้วยอาคารตกแต่งอิฐลวดลายสวยงาม ตัดกับสีเขียวบนเค้าโครงของหน้าต่างกระจกที่สามารถใช้สายตาทอดมองห้องรับรองขนาดใหญ่ภายใน ซึ่งส่งเสน่ห์เย้ายวนชวนให้เยี่ยมชม และก่อนจะได้รับประสบการณ์นั้นจะต้องผ่านเส้นทางหน้าประตูที่เพียบพร้อมด้วยแมกไม้ร่มรื่นประดับซุ้ม มาพร้อมเก้าอี้ไม้สานรองเบาะนั่ง ตอบโจทย์ความสบายในแบบฉบับเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยความใส่ใจจนไม่พลาดต้องเก็บภาพเป็นที่ระลึก
ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ภายในห้องรับรองตกแต่งในสไตล์อาร์ตนูโวที่ได้รับอิทธิพลมาจากพืชพรรณ แมกไม้ และดอกไม้ ก่อเกิดเป็นลวดลายอันวิจิตรงดงาม
ความโดดเด่นของงานอาร์ตนูโวคือคาแร็กเตอร์เด่นที่บ้านหลังนี้คงความสวยงามอย่างเป็นอมตะ ห้องรับรองโอ่โถงและหรูหรา สอดรับกับการประดับกระจกทรงโค้งบานสูงจรดเพดานช่วยให้ห้องรับแสงสว่างได้เต็มที่จนสามารถเห็นรายละเอียดของงานสถาปัตยกรรมสไตล์อาร์ตนูโวที่ได้รับอิทธิพลจากพืชพรรณและต้นไม้ปรากฏอยู่ทั่วห้อง ผนังและเสาแต่ละต้นถูกตกแต่งด้วยงานปูนปั้นนูนต่ำอันเกิดจากการผสมผสานเส้นตรง เส้นโค้ง รวมถึงลวดลายใบไม้และดอกไม้เข้าด้วยกัน งานปูนปั้นนี้ยังทอดยาวไปถึงคานและเพดานประดับโคมระย้าราวกับเถาวัลย์ ในขณะที่ตัวโคมเองก็ถูกเนรมิตขึ้นให้เป็นรูปร่างดอกไม้ที่งดงามอ่อนช้อย นอกจากนี้รายละเอียดทั้งหมดยังสอดรับกับบานกระจกสี (Stained Glass) จนเกิดเป็นงานศิลปะองค์รวมที่คลุ้งไปด้วยเสน่ห์ของงานสถาปัตยกรรมขั้นสูง มากไปกว่านั้นยังมีเตาผิงลวดลายเถาวัลย์ขนาดใหญ่ โซฟาตัวยาว และเก้าอี้นุ่มสบาย รวมถึงเปียโนหลังงามและโต๊ะบิลเลียดที่ขับความสมบูรณ์แบบของบรรยากาศอันผ่อนคลายได้อย่างหมดจด
WATCH
ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ภายในห้องรับรองของบ้านอาส์นิแยร์ และหีบเดินทางหนังขนาดจิ๋ว สัญลักษณ์ที่สร้างชื่อให้เมซงหลุยส์ วิตตอง
มนต์เสน่ห์ของสถานที่ที่อบอวลไปด้วยความอบอุ่นของครอบครัว บ้านหลังนี้ไม่เพียงมอบความสวยงามประทับในความทรงจำผ่านสายตาเท่านั้น แต่ยังเป็นดั่งสัญลักษณ์ของครอบครัวอันแน่นแฟ้น นั้น เพราะบ้านชานเมืองแสนอบอุ่นและน่ารักหลังนี้คือศูนย์รวมของสมาชิกในครอบครัวจากรุ่นสู่รุ่น ตั้งแต่ผู้ก่อตั้งอย่างเมอซิเออร์หลุยส์ วิตตองไปจนถึงเมอซิเออร์ Benoit-Louis Vuitton ผู้เป็นหัวเรือใหญ่รุ่นที่หกของเมซง ทั้งยังเป็น สถานที่จัดแสดงหีบเตียงนอน (Bed Trunk) ที่สมาชิกทุกคนต้องหัดสร้างอย่างน้อยคนละหนึ่งชุดตามธรรมเนียมปฏิบัติของครอบครัว อันเป็นสัญลักษณ์ของการพกพาความสุขจากบ้านใส่กระเป๋าเดินทางไปเที่ยวกับเรา ซึ่งเป็นแนวคิดสำคัญที่ส่งต่อมายังหีบเดินทางจนสร้างชื่อเสียงให้กับเมซงหลุยส์ วิตตอง ดังนั้นเราจึงจะเห็นหีบเดินทางหลากหลายขนาดที่วางอยู่ในจุดต่างๆ ทั่วบ้านเคียงคู่ไปกับรูปภาพของสมาชิกในครอบครัวหลากหลายรุ่น
บรรยากาศภายในห้องรับรองของบ้านอาส์นิแยร์ ที่จะเห็นหีบอันเป็นสัญลักษณ์ของเมซงตั้งตกแต่งอยู่ (มุมขวา)
บรรยากาศแสนอบอุ่นมาพร้อมเรื่องราวเบื้องหลังของเมซงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพ ย้อนกลับไปเมื่อ 5 ปีหลังก่อตั้งแบรนด์ ผลงานคุณภาพของหลุยส์ วิตตองได้รับความนิยมอย่างมาก เมอซิเออร์หลุยส์ วิตตองจึงย้ายฐานการผลิตมาที่เมือง อาส์นิแยร์ งานทุกชิ้นในยุคเริ่มแรกจึงถูกผลิต ณ เวิร์กช็อปแห่งนี้ ก่อนจะขยับขยายไปในภายหลัง ด้วยตำแหน่งที่เข้าถึงการขนส่งได้อย่างง่ายดาย ไม่ว่าจะเป็นการขนส่งไม้ซึ่งเป็นวัตถุดิบจากทางเรือ หรือการขนส่งผลงานทุกชิ้นเข้าสู่กรุงปารีสทางรถไฟ ทำให้ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างสมบูรณ์แบบ ดังนั้นหากจะกล่าวว่าบ้านหลังนี้คือจุดยุทธศาสตร์ทางการผลิตของเมซงหลุยส์ วิตตองก็คงไม่ใช่เรื่องเกินจริงนัก
ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ภายในบริเวณห้องรับรองที่โดดเด่นด้วยบานกระจกสีสอดรับการบรรยากาศที่แสงแดดสาดส่องมาในห้องนี้พอดิบพอดี
ในปัจจุบันบ้านอาส์นิแยร์ไม่ใช่แหล่งผลิตผลงานหลักของเมซงอีกแล้ว แต่บ้านแห่งนี้ก็ยังคงมีความสำคัญต่อครอบครัววิตตองอย่างประเมินค่าไม่ได้ เพราะบ้านหลังนี้คือสถานที่ที่เมอซิเออร์เบอนัวต์-หลุยส์ วิตตองเติบโตขึ้นมา ไม่ว่าจะเป็นการวิ่งเล่นในสวน การนั่งเล่นในห้องรับรอง หรือการใช้เวลาในช่วงเทศกาลต่างๆ ร่วมกับพนักงาน และยังเป็นสถานที่ที่ส่งอิทธิพลต่อการหล่อหลอมแนวคิดและความเป็นตัวตน ทำให้เขาเข้าใจถึงคุณค่าของงานฝีมือและนวัตกรรมสร้างสรรค์อย่างถ่องแท้ ซึ่งแน่นอนว่าสิ่งเหล่านี้จะถูกถ่ายทอดให้เราเห็นผ่านการบริหารงานต่อไป
ญาญ่า-อุรัสยา เสปอร์บันด์ ยืนถ่ายภาพบริเวณซุ้มประตูหน้าทางเข้าของบ้านอาส์นิแยร์
ด้วยเหตุผลทั้งหมดบ้านอาส์นิแยร์จึงไม่ใช่เพียงสถานที่ประวัติศาสตร์ของเมซงที่เต็มไปด้วยเรื่องราวการผลิตชิ้นงานระดับสูงเท่านั้น แต่การเยี่ยมชมสถานที่แห่งนี้เหมือนการนั่งไทม์แมชชีนย้อนเวลากลับไปสู่เส้นทางความยิ่งใหญ่ตลอด 160 ปีของเมซงหลุยส์ วิตตอง ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวด้านธุรกิจ ความคิดสร้างสรรค์ และรสนิยมด้านการออกแบบอันเป็นเลิศที่ตกทอดมาจากรุ่นสู่รุ่น มาพร้อมกับบรรยากาศแสนอบอุ่นที่คละคลุ้งอยู่ทั่วบริเวณ การสานต่อความยิ่งใหญ่ของอาณาจักรที่ชื่อ ‘หลุยส์ วิตตอง’ คือการดำเนินรอยตามความประณีตและใส่ใจตามแบบฉบับที่ได้สัมผัสผ่านช่วงเวลายาวนานจากบ้านแห่งนี้ บ้านอาส์นิแยร์คือหมุดหมายที่ยืนยันว่าเมซงพร้อมนำมนต์เสน่ห์เฉพาะตัวที่ถ่ายทอดมาอย่างต่อเนื่องมาสร้างความประทับใจในอนาคต พร้อมประทับลงในความทรงจำอย่างไม่รู้ลืม
เรื่อง: วรณิสร์ สุยะสาม
เรียบเรียง: นาทนาม ไวยหงษ์
WATCH