FASHION
เปิดเรื่องความรักแห่งชีวิตของเจ้าชายผู้เป็นเกย์ ที่อดีตภรรยาสนับสนุนจนลมหายใจสุดท้ายเจ้าชาย Egon von Furstenberg ผู้เป็นเกย์แต่ยังคงรักอดีตภรรยาสุดหัวใจ |
เพศ ความรัก รสนิยม วิถีชีวิตมันแยกกันไม่ได้จริงหรือ...เรื่องเพศเป็นเรื่องซับซ้อนและมักถูกนำมาผูกโยงกับประเด็นต่างๆ อยู่เสมอ โดยเฉพาะความรักและรสนิยม ชอบมีประโยคว่า “เป็น...ก็ต้องชอบ...” จะให้เห็นอย่างชัดเจนก็เช่น “กะเทยชอบกินยำ” มันเป็นเหมือนการตีความรวมให้เพศมีผลอย่างมากต่อตัวเลือกการตัดสินใจ แต่แท้จริงแล้วเพศมีความลื่นไหลกว่านั้น วันนี้เราจะพาทุกคนย้อนชมเรื่องราวของเจ้าชาย Egon von Furstenberg หรือเจ้าชายเอกอน อดีตสามีของดีไซเนอร์ดัง Diane von Furstenberg ที่ชีวิตเขาสะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนว่าตัวตนของเขาไม่ได้ผูกติดกับการเหมารวมเรื่องเพศเสมอไป
คู่รักที่ได้รับเสียงฮือฮาที่สุดหลังจากคบกัน / ภาพ: Susan Wood
ย้อนเรื่องราวไปถึงช่วงเวลาแห่งความกุ๊กกิ๊กกับไดแอน ต้องบอกว่าคู่นี้เป็นคู่รักที่คนจับตามองมาที่สุดในแวดวงสังคมชั้นสูง เพราะด้วยความเป็นหญิงเก่งของไดแอนประกอบกับฐานะเจ้าชายผู้โอบอ้อมอารี คู่นี้จึงกลายเป็นคู่รักดั่งนิยายอย่างไรอย่างนั้น พวกเขาพบรักกัน เดินหน้าคุยกันโดยมีเหตุการณ์ประทับใจหลายต่อหลายครั้ง การฝ่าฟันอุปสรรคเรื่องครอบครัว ทั้งหมดถูกเล่าขานต่อกันมาจนกลายเป็นตำนานคู่รักที่ผลักดันชีวิตดีไซเนอร์สาวให้พุ่งทะยานได้โชติช่วงจนถึงวันนี้ (คลิกอ่านบทความเรื่องเจ้าชายเอกอนและไดแอนได้ ที่นี่)
ภาพความน่ารักในวันแต่งงานของทั้งคู่ / ภาพ: Over The Moon
“เขาเป็นไบเซ็กชวล” เรื่องนี้กลับตาลปัตรพลิกทุกเรื่องราว เพราะถ้าใครได้อ่านเส้นทางชีวิตคู่ดูเหมือนกับว่าทั้งเขาและไดแอนคู่ครองนิรันดร์แทบไม่มีทางแยกจากกัน ความประทับใจในแบบที่ใครอ่านก็จินตนาการถึงความเอ่อล้นภายในจิตใจได้อย่างชัดแจ้ง ความเป็นสุภาพบุรุษที่ทำให้บ่อน้ำแห่งรักเกิดขึ้นกลายเป็นภาพจำของคู่นี้ไปเรียบร้อยแล้ว แต่ทว่าโลกแห่งความจริงไม่ได้เรียบง่ายดั่งนิยายขนาดนั้น ถึงแม้เขาจะสนับสนุนและมอบความรักให้กับฝ่ายหญิงทุกย่างก้าวของชีวิต แต่เขาก็ปฏิเสธความรู้สึก “ชอบผู้ชาย” ในตัวเองไม่ได้เหมือนกัน นั่นไม่ได้แปลว่าไม่รักแต่อาจจะอยู่กันไม่ได้...
WATCH
บันทึกความทรงจำรูปแบบต่างๆ มักมาพร้อมกับบรรยากาศความรักเสมอ / ภาพ: The WOW
เชื่อไหมว่าระดับเจ้าชายสนับสนุนไดแอนถึงขนาดลงเรียนแฟชั่นภาคค่ำเพื่อเข้าอกเข้าใจภรรยา (แต่งงานแล้วในขณะนั้น) และพัฒนาทักษะการทำงานด้านแฟชั่นเพื่อช่องทางแห่งโอกาสให้ตัวเองอีกทางหนึ่ง ทั้งคู่ยืนเคียงคู่สนับสนุนกันมาตลอด ร่วมทุกข์ร่วมสุขฝ่าฟันโลกแฟชั่นที่การแข่งขันสูงมาได้อย่างเต็มภาคภูมิ แต่แล้วความรู้สึกของเจ้าชายก็เปลี่ยนไป เขารู้สึกว่าเขาชอบผู้ชายจริงๆ เขาเรียกตัวเองว่าเกย์เลยด้วยซ้ำถึงแม้ว่าจะแต่งงานแล้วก็ตาม เขาไม่ได้รักภรรยาเขาน้อยลง แต่เขาไม่ได้รู้สึกมีความสัมพันธ์อันลึกซึ้งเรื่องเพศอีกต่อไป ทั้งคู่เริ่มค่อยๆ ห่างกันมากขึ้นจนแยกกันอยู่ในที่สุด
Tatiana และ Alexander ทายาทผู้น่ารักของตระกูล / ภาพ: Shutterstock
ถึงเขาจะเป็นไบเซ็กชวลแต่เชื่อไหมว่าตลอดระยะเวลาที่คบกับไดแอนเขาไม่มีข่าวฉาวใดๆ เลย เขาให้เกียรติไดแอนเสมอ เจ้าชายผู้โอบอ้อมยังคงเป็นสามีคนดีคนเก่งของเธอไม่เสื่อมคลาย เขาผลักดันจนไดแอนได้ดี และต่อยอดธุรกิจตัวเองให้ดีด้วยตามไปเช่นกัน มากไปกว่านั้นทั้งคู่ยังมีทายาทร่วมกันซึ่งต่อมาทายาททั้ง 2 คนนี้กลายเป็นกำลังสำคัญพัฒนาและสร้างความมั่นคงให้กับแบรนด์ของคุณแม่ทั้งในตำแหน่งบริหารและหน้าที่เชิงศิลป์ หากเจ้าชายเอกอนไม่รัก ไม่ประสงค์จะครองคู่กับไดแอนคงไม่เดินกันมาไกลเท่านี้ เพียงแต่เขาไม่ต้องการปิดกั้นความรู้สึกตัวเองอีกต่อไป เขามอบทุกอย่างให้กับภรรยาสุดที่รักไปหมดแล้วทั้งในเชิงรูปธรรมและนามธรรม ถึงเวลาเขาเดินจากไปก็ย่อมต้องบอกว่าเขายังรักเธออย่างสุดหัวใจเสมอ
ภาพประวัติศาสตร์ที่เจ้าชายอยู่ร่วมเฟรมกับทั้งภรรยาเก่า Diane von Furstenberg และภรรยาใหม่ Lynn Marshall / ภาพ: Pinterest
ทำไมถึงบอกว่าเขารักเธอสุดหัวใจถึงแม้จะเดินต่อไปด้วยกันไม่ได้ เจ้าชายเอกอนไม่เคยนอกใจหรือนอกลู่นอกทางแม้แต่ครั้งเดียว เมื่อเทียบกับการครองชีวิตครั้งหลัง (กับ Lynn Marshall) มีข้อมูลว่าเขามีคู่ขาเพศชายหลายคนระหว่างคบหากัน และเขาก็เปิดเผยต่อสาธารณชนว่าเขาเป็นไบเซ็กชวลเต็มตัวรวมถึงใช้สารเสพติดด้วย ซึ่งการใช้ชีวิตที่นิวยอร์กค่อนข้างสุดเหวี่ยงเพราะคนทั่วไปสามารถเจอเจ้าชายเอกอนได้ตามบาร์เกย์ในมหานครนิวยอร์ก เจ้าชายมาดเท่กลายเป็นเพลย์บอยรักสนุกอยู่ท่ามกลางแสงสีของเมืองใหญ่
Nikki Haskell อีกหนึ่งตำนานความจัดจ้านที่ปลุกกระแสคลับใต้ดินในยุคนั้น / ภาพ: News Break
แต่ช่วงเวลาแห่งชีวิตฉวัดเฉวียนของเจ้าชายกอนนั้นก็สร้างพลังให้กับแวดวงเหล่าเพศทางเลือกที่สมัยนั้นยังไม่เปิดกว้างเท่าที่ควร เพราะก่อนหน้านี้ต้องบอกว่าสถานที่เที่ยวในเมืองใหญ่ทั่วไปมักเป็นที่ของเหล่าชายหญิงมาพบปะนัดเจอกัน ส่วนของเหล่าเกย์จะต้องเป็นคลับใต้ดินเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ทำให้สังคมเกิดการแบ่งส่วนกันชัดเจนโดยใช้เพศเป็นกำหนด ถึงไม่ใช่กฎแต่สังคมก็กรอบให้เป็นเช่นนี้เสมอ แต่เจ้าชายเอกอนคือผู้มีส่วนสำคัญพัฒนาให้เส้นกั้นเหล่านี้ถูกทำลายลง และเขาไม่ได้พาเหล่าเพศทางเลือกเข้าคลับทั่วไป แต่เขาสามารถดึงความสนใจให้เหล่าชายจริงหญิงแท้แบบที่เขาๆ เรียกกันลงมาสนุกกับคลับใต้ดินอย่างเต็มใจ ไม่มีกำแพงเรื่องเพศมากั้นขวาง ทุกคนสนุกกับดนตรี อาหาร เครื่องดื่มครบครัน และรายการ “Nikki Haskell Show” ที่เจ้าชายเอกอนเป็นผู้จัด มีคนเคยพูดเขาว่า “ผับใต้ดินพวกนั้นมีแต่เกย์ ฉันไม่ไปหรอก เพื่อนฉันก็คงไม่ไปเหมือนกัน คุณไม่สามารถดึงคนไปที่นั่นได้หรอก” แต่แล้วมันกลับกันอย่างมากชื่อของเจ้าชายเอกอนและนิกกี้ดึงดูดคนมาคลับใต้ดินอย่างล้นหลามจนต้องบอกว่าไม่มีใครคิดหรือรังเกียจเรื่องเพศอีกต่อไป
หนังสือ The Power Look ที่เจ้าชายรังสรรค์ขึ้นด้วยฝีมือของตนเอง / ภาพ: Amazon
กลับเข้าสู่โหมดชีวิตการทำงานปกติของเจ้าชายกันบ้าง หลังจากใช้ชีวิตอยู่นิวยอร์กเป็นเวลานาน อดีตภรรยาพัฒนาแบรนด์จนดังเปรี้ยงปร้างชื่อวอนเฟิร์สเทนเบิร์กติดเป็นของไดแอนไปโดยปริยาย คนไม่ได้จดจำนามสกุลของเจ้าชายเพราะตัวเขาเองอีกต่อไป แต่กระนั้นเขายังไม่หยุดพัฒนาแบรนด์ของตัวเองและเขียนหนังสือเกี่ยวกับแฟชั่นและงานดีไซน์ถึง 2 เล่มด้วยกัน (The Power Look ปี 1978 และ The Power Look at Home: Decorating for Men ปี 1980) ทั้งหมดดูเป็นความแมสคิวลีนมากๆ ไม่ใช่แค่เนื้อหาแต่ตัวของเจ้าชายเอกอนเองก็ยังมีรสนิยมแบบผู้ช้ายผู้ชายซึ่งแสดงให้เห็นความชอบ รสนิยม รวมถึงแฟชั่นไม่ได้ผูกติดกับเพศเสมอไป ถึงเขาจะเป็นเกย์ก็ไม่จำเป็นต้องชอบแบบที่ใครเหมารวมกัน เรื่องแบบนี้เป็นเรื่องปัจเจกบุคคลจริงๆ
แม้พวกเขาจะไม่ได้อยู่ด้วยกันตราบสิ้นลมหายใจ แต่ความห่วงใยนั้นส่งถึงกันให้สุดใจเสมอ / ภาพ: Berry Berenson - DVF Archives
ถึงแบรนด์ของไดแอนจะดังเป็นพลุแตกและแบรนด์ของอดีตสามีจะเดินหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไป ไดแอนกลับไม่เคยทอดทิ้งเจ้าชายเอกอน“รักแห่งชีวิต” คำนี้คงไม่เกินไปนัก เพราะในวันที่เจ้าชายเอกอนกำลังผลักดันแบรนด์ ดีไซเนอร์สาวก็ยื่นมือเข้ามาช่วยเหลืออย่างจริงจัง ทำให้แบรนด์ของเจ้าชายเอกอนที่ลงท้ายด้วยชื่อนามสกุลเหมือนของไดแอนเติบโตในเส้นทางของตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ พวกเขาผันเปลี่ยนสถานะจากคนรักสู่เพื่อนรักตลอดกาล ทั้งคู่ยังส่งความรักให้กันอยู่เสมอเพียงแต่เปลี่ยนบริบทด้านสถานะ ใช่เขาเป็นเกย์และใช้ชีวิตสุดเหวี่ยง ไดแอนเองก็เป็นหญิงหม้ายใช้ชีวิตถึงขีดสุดเช่นกัน แต่ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าใดทั้งเจ้าชายเอกอนและไดแอนยังคงถ่ายทอดพลังให้กันตลอด นานวันเข้ามันก็สะท้อนให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า “รักไม่มีกำหนดเพศและสถานะ” เราไม่อาจเรียกทั้ง 2 คนว่า “สามีภรรยา” อีกแล้ว แต่เรื่องราวนี้สร้างแรงบันดาลใจให้กับทุกคนมองข้อจำกัดเรื่องเพศให้เป็นเรื่องเล็กน้อยไม่มีผลต่อการเลือกหรือตัดสินใจใดๆ มากไปกว่านั้นไม่มีผลต่อสิ่งที่เรียกว่า “ความรัก” เพราะเจ้าชายมีรักแห่งชีวิตที่เขาทุ่มเทให้อย่างสุดใจเพียงคนเดียวคือไดแอน รักนิรันดร์อยู่จวบจนวันสุดท้ายของลมหายใจ โว้กขอไว้อาลัยในวาระครบรอบ 16 ปีกับการจากไปแบบไม่มีวันกลับของเจ้าชายเอกอนผู้นี้
ข้อมูล: People, New York What Price Sunlight? Designing a Livable Midtown - By William H. Whyte, Gay Influence, The WOW Report, และ New York Times
WATCH