ความหลากหลายคือประเด็นทางสังคมอันละเอียดอ่อน บ่อยครั้งที่เราเห็นว่ามีการเรียกร้องเรื่องความหลากหลายเชิงชาติพันธุ์บนรันเวย์ เนื่องด้วยแบรนด์ยักษ์ใหญ่ส่วนมากเป็นแบรนด์จากยุโรปตะวันตก เหล่านางแบบและผู้อยู่เบื้องหลังเป็นชาวยุโรปเสียส่วนใหญ่ แม้โลกปัจจุบันจะกลายเป็นโลกไร้พรมแดนที่ชาติพันธุ์ต่างๆ หลอมรวมกันมากขึ้น ในมุมหนึ่งมันก็สะท้อนความงดงามของแฟชั่นที่ยอดเยี่ยม แต่ในอีกมุมก็ปิดกั้นมิติความเฉพาะเจาะจงบางอย่างในมุมมองของใครหลายคนเช่นกัน สิ่งเหล่านี้จึงยังเป็นข้อถกเถียงว่าหากแบรนด์คัดเลือกนางแบบจากคาแร็กเตอร์ให้กับผลงานจริงๆ ความหลากหลายทางชาติพันธุ์จะต้องเป็นองค์ประกอบในการตัดสินใจจริงหรือ

     ความสลับซับซ้อนในเรื่องนี้กลายเป็นประเด็นใหญ่โตระดับโลก นางแบบผิวสีได้รับโอกาสบนรันเวย์มากขึ้น นางแบบเอเชียเองก็กลายเป็นดาวรุ่งพุ่งแรงในวงการจำนวนไม่น้อย เพราะพลังการเรียกร้องทำให้แบรนด์เลือกใช้นางแบบหลากหลาย ทว่าในอีกมุมหนึ่งก็มีคำถามเกิดขึ้นว่าแบรนด์เลือกเพราะต้องการนำเสนอความงามเหล่านั้นจริงๆ หรือต้องการเพียงเกราะกำบังมิงให้ถูกวิพากษ์วิจารณ์เชิงลบ หรือการคัดเลือกนางแบบเองก็มีผลเชิงธุรกิจที่หาประโยชน์ได้จากการสนับสนุนคำว่า “ความหลากหลาย” ที่มนุษย์หัวสมัยใหม่ถวิลหา

     Louis Vuitton คือแบรนด์ระดับโลกที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำด้านแฟชั่น การสรรสร้างคอลเล็กชั่นก็เต็มไปด้วยมิติชั้นเชิงที่โดดเด่น จึงไม่น่าแปลกใจว่าแฟชั่นโชว์ประจำฤดูกาลจะกลายเป็นโชว์ใหญ่ของปารีสแฟชั่นวีกเสมอมา และแล้วในคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 มีความจริงที่หลายคนอาจจะละเลยไม่ได้ใส่ใจคือ Nicolas Ghesquière คัดเลือกนางแบบเอเชียขึ้นมาเดินบนรันเวย์จำนวนมาก เรียกว่าสัดส่วนมันมากกว่าที่เราคุ้นเคยกันอย่างแน่นอน และนั่นคือสิ่งที่อาจไม่ได้พูดถึงความหลากหลาย แต่กำลังพูดถึงทิศทางเชิงธุรกิจที่ใช้ปัจจัยด้านนี้มาประกอบสร้างโครงสร้างระบบเพื่อกระตุ้นกลุ่มลูกค้า

     แม้สไตล์การออกแบบรวมถึงองค์ประกอบในโชว์แทบทั้งหมดจะพูดถึง “French Style” แต่การคัดเลือกนางแบบกลับไม่ได้ใช้นางแบบฝรั่งเศสหรือสะท้อนภาพลักษณ์แบบฝรั่งเศสเต็มตัวขนาดนั้น แบรนด์เลือกนางแบบเอเชียมากถึง 8 จาก 44 ลุค ซึ่งที่เหลือก็สอดแทรกไปด้วยชาติพันธุ์อันหลากหลายไม่ได้มีเพียงชาติพันธุ์คอเคซอยด์เสมอไปด้วย แสดงให้เห็นว่าแบรนด์กำลังมุ่งเน้นการเพิ่มสัดส่วนนางแบบเอเชียให้มากขึ้นอย่างเห็นได้ชัด อีกทั้งหลุยส์ วิตตองที่ขึ้นชื่อเรื่องการทำตลาดในเอเชียอาจได้ผลประโยชน์อันใหญ่หลวงจากการคัดเลือกเช่นนี้

     การที่คนไม่ทันสังเกตคือสัญญาณอันยอดเยี่ยม ตลอดระยะเวลาระหว่างโชว์ไปจนถึงหลังโชว์ไม่มีใครขัดหูขัดตากับการนำเสนอเสื้อผ้าบนเรือนร่างชาวเอเชีย นั่นเองก็เพราะเรื่องเหล่านี้กลายเป็นเรื่องปกติในสังคม คนเอเชียมีบทบาทในอุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างเห็นได้ชัด แขกคนสำคัญของแบรนด์ที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดก็เป็นเซเลบริตี้จากฝั่งเอเชียนี้เอง และแน่นอนว่าการคัดเลือกนางแบบเอเชียขึ้นเดินบนรันเวย์ก็สอดคล้องกับทิศทางของแบรนด์ที่มุ่งเป้าสู่ตลาดเอเชียเต็มตัวมากขึ้น อีกทั้งยังยืนบนเมฆกำบังเกี่ยวกับความหลากหลายโดยไม่ถูกวิจารณ์ใดๆ ทั้งสิ้น

     ทำไมตัวเลขแค่ 8 ลุคถึงสำคัญนัก ปฏิเสธไม่ได้ว่ายิ่งพูดถึงแรงบันดาลใจเบื้องหลังอันสะท้อนถึงวิถีความดั้งเดิมของศิลปะฝรั่งเศสหรือศิลปะยุโรปตะวันตกอื่นๆ คงไม่มีใครจินตนาการภาพได้ทันทีว่าคนเอเชียต้องใส่ลุคนี้นั้น แต่เมื่อผลงานออกมาเป็นผลสำเร็จ การคัดสรรนางแบบให้เดินนำเสนอผลงานบนรันเวย์อย่างสวยงามไปพร้อมกับสอดแทรกความตั้งใจอื่นเข้าไปย่อมต้องคิดรอบคอบทุกด้าน ซึ่งการคำนึงถึงเหล่าหญิงสาวชาวเอเชียก็เป็นสิ่งสำคัญ เพราะอย่างที่กล่าวไปว่าตอนนี้พลังเกาหลี จีน และไทย รวมถึงชาวเอเชียอื่นๆ มีพลังอันยิ่งใหญ่ต่ออุตสาหกรรมแฟชั่นโลกจริงๆ เมื่อมีผลขนาดนี้มีเหรอแบรนด์แถวหน้าระดับหลุยส์ วิตตองจะพลาด…