FASHION
VOGUE SERIES EP.4 | เจาะลึก Lognon เบื้องหลังการจับจีบพลีตด้วยมือ หัตถศิลป์ชั้นครูของ CHANEL#VogueSeries โว้กพามาทำความรู้จักกับ Lognon เมซงแห่งศิลปะการจับพลีตบนผืนผ้าด้วยมือ หัตถศิลป์ชั้นครูที่คงไว้ในงานออกแบบของ Chanel #CHANEL #CHANELMetiersdArt |
หากมองเพียงผิวเผินผ้าอัดพลีตหนึ่งผืนนั้นคงไม่ได้มีความพิเศษอะไร แต่หากได้รู้ลึกถึงเบื้องหลังในการทำผ้าอัดพลีตขึ้นมาความคิดของเราคงต้องเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะผืนผ้าอัดพลีตหลากหลายสไตล์ที่นำมาสร้างสรรค์เป็นคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าของ Chanel ที่ผ่านขั้นตอนการผลิตอันแยบยลด้วยทักษะเชิงช่างที่ถ่ายทอดต่อกันมาจากรุ่นสู่รุ่นภายใต้เมซง Lognon
โรงอัดพลีตแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นในปี 1853โดย Émilie Lognon ช่างทอผ้าลินินของนโปเลียนที่ 3 เธอมีไอเดียในการทำให้ผ้าเกิดเป็นจีบพับด้วยการใช้ความร้อนจากเตารีด จากนั้นมาเธอได้ถ่ายทอดเทคนิคการอัดพลีตให้กับทายาทรุ่นหลัง เพื่อสืบสานกิจการการอัดพลีตเรื่อยมานานร่วมร้อยปี ในปี 1945 Gérard Lognon ทายาทรุ่นที่ 4 ของลุนญงได้มารับช่วงต่อในการสืบทอดกิจการ นอกจากทักษะการสร้างพลีตด้วยมือแล้วที่นี่ยังมีความรู้ความเข้าใจในพื้นผิวของวัสดุแต่ละประเภทเป็นอย่างดี ตั้งแต่ผืนหนังเรื่อยไปจนผืนผ้าโพลีเอสเตอร์ ด้วยภูมิความรู้นี้ทำให้ลุนญงเป็นเมซงที่ผลิตผ้าอัดพลีตด้วยความละเอียดลออและแม่นยำ ที่นี่ได้สร้างสรรค์พลีตหลากหลายรูปแบบตามที่ลูกค้าต้องการทำให้มีแม่แบบพลีตแตกต่างกันไปกว่า 3,000 ดีไซน์ในคลังมรดกของเมซง แม่แบบเหล่านี้วางเรียงรายกันราวกับผลงานศิลป์ในพิพิธภัณฑ์ซึ่งลุนญงตั้งใจจะเก็บรักษาเอาไว้ให้เป็นมรดกต่อคนรุ่นหลังที่อาจได้ใช้ประโยชน์จากมันในสักวันหนึ่ง
WATCH
แม้ทุกวันนี้จะมีการนำเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยเข้ามาช่วยในการออกแบบและผลิตผ้าอัดพลีต แต่ลุนญงยังคงรูปแบบการอัดพลีตด้วยมือเอาไว้เช่นเดิม ช่างฝีมือที่นี่ยังคงบรรจงวาดแบบพลีตลงบนกระดาษแม่แบบก่อนที่จะพับตามเส้นเหลี่ยมมุมที่ร่างเอาไว้ให้แม่แบบมีรูปทรงเป็นสามมิติตามที่ต้องการ จากนั้นช่างฝีมือสองคนต้องช่วยกันนำผ้าที่ต้องการอัดพลีตมาวางตรงกลางกระดาษแม่พิมพ์สองชั้นและใช้น้ำหนักกดลงบนแม่พิมพ์ซึ่งต้องใช้น้ำหนักมือและความพร้อมเพรียงกันเพื่อให้เกิดพลีตที่เรียงกันสวยงาม ก่อนที่จะนำผ้าและแม่แบบเข้าเครื่องอบความร้อนที่มีอุณหภูมิสูง 85-100 องศาเซลเซียสราว 4-5 ชั่วโมง จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะได้ผืนผ้าอัดพลีตที่มีดีไซน์สวยงามตามแบบที่จินตนาการไว้ การอัดพลีตด้วยมือนั้นไม่มีชั้นเรียนสอนโดยทั่วไป แต่เป็นการส่งต่อความรู้จากช่างฝีมือรุ่นก่อนสู่ช่างฝีมือรุ่นหลัง และหากช่างฝีมือเหล่านี้หันหลังให้กับการอัดพลีตด้วยมือแล้ว เทคนิคเชิงช่างอันละเอียดลออนี้จะเลือนหายไปตามกาลเวลา เวิร์กช็อปของลุนญงซึ่งปัจจุบันตั้งอยู่ที่ le19M ในกรุงปารีสจึงเปิดโอกาสให้คนภายนอกได้เข้ามาเรียนรู้การอัดพลีตด้วยเทคนิคดั้งเดิม ควบคู่ไปกับการสร้างสรรค์ผ้าอัดพลีตให้กับแบรนด์ชั้นนำทั้งคอลเล็กชั่นเรดี้ทูแวร์ และโอตกูตูร์ เมซงแห่งนี้ได้เข้าร่วมเป็นครอบครัวเดียวกับชาเนลในปี 2013 ภายใต้การเป็นส่วนหนึ่งของ Lemariè ซึ่งเป็นกองกำลังสำคัญในการสร้างสรรค์ผลงานในคอลเล็กชั่น Métier d'art และผลงานออกแบบอื่นๆ ให้กับชาเนล
เรื่องราวอาณาจักรเมซงช่างฝีมือของ CHANEL ยังไม่จบลงเท่านี้ สามารถติดตาม #VogueSeries เปิดอาณาจักรช่างฝีมือในโลกของ CHANEL ได้ทั้งหมดตามลิ้งก์ด้านล่างนี้
VOGUE SERIES EP.1 | เปิดอาณาจักร Lemarié และ Lognon เบื้องหลังงานฝีมือในโลกของ CHANEL
VOGUE SERIES EP.2 | เปิดอาณาจักร Maison Michel และ Lesage เบื้องหลังงานฝีมือในโลกของ CHANEL
VOGUE SERIES EP.3 | เจาะลึก Lemarié เบื้องหลังงานขนนกพลิ้วไหวและดอกไม้งามตาของ CHANEL
VOGUE SERIES EP.5 | เจาะลึก Massaro เมซงเบื้องหลังรองเท้าคลาสสิกที่รู้สรีระเท้าดีที่สุดของ CHANEL
ข้อมูล : Courtesy of CHANEL
WATCH