FASHION
โว้กประเทศไทยอยากพาคุณไปรู้จักกับ Lisa Kingอดีตนักเต้นสาย ฮิปฮอป ผู้ดูแลเสื้อผ้าหน้าผมของ Kylie Minogue ออกแบบลายผ้าให้ Topshop, Armani และผู้สร้างแบรนด์ด้วยการใช้โมทีฟรูปสกรู |
Lisa King กับลายพิมพ์สกรู ที่เปรียบเสมือนโลโก้ของแบรนด์
“คนไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก” วลีแห่งความภาคภูมิใจที่มัก ได้ยินเมื่อมีข่าวว่าคนไทยไปสร้างผลงานสร้างชื่อให้กับประเทศ เป็นที่พูดถึงในต่างแดน และถ้าพูดถึงแวดวงแฟชั่น ลิซ่า คิง ก็จัดเป็นหนึ่งในนั้น เธอมีผลงานเข้าตาเซเลบริตี้รวมถึงสื่อแฟชั่น ระดับโลก ไลฟ์สไตล์แบรนด์อย่าง Siwilai จึงชวนเธอมาร่วมรังสรรค์ผลงานสุดเท่และร่วมสมัย การพบปะกันระหว่างโว้กกับลิซ่า ณ Siwilai Café ในวันนี้นอกจากเรื่องเส้นทางความสำเร็จแล้ว เราจะคุยเรื่อง “บ้านและข้าวเหนียวสังขยา” ที่เธอคิดถึงด้วย
ผลงานชิ้นเด่นในคอลเล็กชั่น ที่จัดแสดงในร้าน Siwilai
Vogue: ช่วยแนะนำตัวเองกับผู้อ่านโว้ก ประเทศไทยหน่อย
Lisa: ชื่อลิซ่า คิงค่ะ (อมยิ้ม) เป็นนักออกแบบลายผ้าในลอนดอน เกิดและใช้ชีวิตวัยเด็กที่กรุงเทพฯ ที่บ้านส่งไป โรงเรียนประจำที่ประเทศอังกฤษตั้งแต่อายุ 12 แต่ฉันกลับบ้าน ทุกๆ 3 เดือนนะ พอจบชั้นมัธยมเลยเลือกเรียนต่อที่ Central Saint Martins สาขาการออกแบบลายผ้า ระหว่างนั้นมีโอกาสได้ทำงานเป็นมือขวาของ William Baker (สไตลิสต์ของไคลี่ มิโนก) อยู่ 6 ปี เรียกได้ว่าเขาคือครูผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ ผลงานในยุคแรกๆ ของฉันเลย
V: ได้ยินมาว่าคุณเคยออกแบบลายผ้าให้แบรนด์ดังๆ หลายแบรนด์
L: ฉันเคยรับงานฟรีแลนซ์ผ่านเอเจนซี่ เลยมีโอกาสออกแบบ ลายผ้าให้ Diane von Furstenberg, Armani, Calvin Klein และ Topshop รวมไปถึงช่วยทำคอลเล็กชั่นชุดว่ายน้ำ แล้วอยู่ๆ ก็จับพลัดจับผลูได้มาทำแบรนด์ของตัวเองโดยไม่ได้ตั้งใจ เมื่อสัก 4 ปีที่แล้ว (หัวเราะ)
V: ตอนเริ่มต้นต้องเจอกับอุปสรรคอะไรบ้าง
L: ถ้านับตั้งแต่ตอนเป็นฟรีแลนซ์มันยากตรงที่เราต้องเรียนรู้ เพื่อปรับสไตล์ของตัวเองให้เข้ากับแต่ละแบรนด์ ต้องแบ่งไอเดียออกเป็น 2 ภาค เพราะวิธีคิดของตลาดแฟชั่นชั้นสูงกับไฮสตรีต แบรนด์นั้นไม่เหมือนกัน ความจริงแล้วฉันสนุกกับการสร้างไอเดีย ที่เป็นเอกลักษณ์มากกว่า ไฮสตรีตแบรนด์น่ะข้อจำกัดเยอะจะตาย ทั้งเรื่องการใช้เงินและต้องตามแกะเทรนด์จากรันเวย์แบบเป๊ะๆ มันเลยมาถึงจุดที่ฉันรู้สึกว่าไม่อยากลอกไอเดียคนอื่นอีกต่อไป สำหรับฉัน...ลายผ้าคืองานศิลปะ
V: เล่าถึงลายประจำแบรนด์ให้ฟังหน่อย...ทำไมถึงเป็นสกรู
L: นั่นคือลายแรกที่ฉันออกแบบเลยนะ! แรงบันดาลใจได้ มาจากผลงานประติมากรรมของ Fiona Banner ที่ตั้งอยู่ใน พิพิธภัณฑ์ Tate Modern มันคือเครื่องบินเจ็ตเงาวับขนาดยักษ์ ที่ต่อกันไว้ด้วยสกรูเหมือนกับแผนที่ลายทาง ฉันจึงเริ่มหยิบสกรู มาลองออกแบบเล่นดู รู้สึกว่าองค์ประกอบมันเหมือนกับลาย Polka dot ดูกลางๆ ไร้เพศสภาพ แม้จะอยู่เดี่ยวๆ บนเสื้อเชิ้ต หรือทำให้เป็นเวอร์ชั่นลายทั้งตัวก็ดูน่าสนใจ ในฐานะนักออกแบบ ลายผ้าฉันมองว่ามันสามารถนำไปใช้งานได้อย่างอเนกประสงค์
V: ถ้างั้นสกรูก็คือลายจุดในเวอร์ชั่นของคุณ
L: ใช่เลย...ฉันต้องการลายพิมพ์ที่เป็นไอคอนิก เหมือนกับที่ Eley Kishimoto มีลายสายฟ้าเป็นของตัวเอง แม้ว่าพวกเขาจะทำ คอลเล็กชั่นใหม่ๆ ออกมาตลอด แต่ก็จะมีเจ้าลายสายฟ้านี่แหละ ที่ย้ายไปย้ายมาอยู่บนทุกสิ่ง ตั้งแต่เสื้อผ้าไปจนถึงมอเตอร์ไซค์
V: คอลเล็กชั่นของคุณดูจะเน้นความเป็นรีสอร์ตแวร์ หรือส่วนหนึ่งมาจากวัฒนธรรมไทย
L: ฉันใช้ชีวิตอยู่ระหว่าง 2 ประเทศ นอกจากบ้านที่ถนนสีลมแล้ว ครอบครัวฉันยังมีบ้านที่จังหวัดกระบี่ วันหยุดเราจะไป ที่นั่นกัน นี่คือเหตุผลที่ฉันเริ่มต้นด้วยการทำคอลเล็กชั่นชุดว่ายน้ำ ส่วนหนึ่งมาจากไลฟ์สไตล์ส่วนตัวบนชายหาด มันคือประสบการณ์ แบบไทยล้วนๆ ขอเรียกมันว่า “Lazy elegant” แล้วกัน ต้องสง่าแต่ดูสบายๆ ไม่จำเป็นต้องใส่ผ้าไหมเพราะคุณไม่ได้นั่งอยู่บนเรือยอช์ตสีขาวใน Saint-Tropez แต่คุณอยู่ในเรือหางยาว พอจะนึกภาพออกไหม (แต่ก็ต้องดูสง่านะ)
V: แพลนในใจที่วางไว้สำหรับอนาคต
L: อยากทำนิทรรศการที่รวบรวมลายพิมพ์ตลอด 4 ปีที่ ผ่านมา อาจจะจัดขึ้นทั้งที่กรุงเทพฯและลอนดอน รวมไปถึงการทำหนังสั้นที่นำเสนอการเต้นและลายพิมพ์ไว้ด้วยกัน V: 5 คำที่บ่งบอกถึงแบรนด์ Lisa King L: Bold ทั้งในแง่ของสีสันและลายพิมพ์ที่ชัดเจน Movement ฉันรักการเต้นฮิปฮอป จังหวะของมันจึงสะท้อนอยู่บนลายพิมพ์ด้วยความรัก Creative ความคิดสร้างสรรค์ไหลเวียนตลอดในทุกขั้นตอนการดีไซน์ บางลายจะวาดด้วยมือก่อน แล้วถึงนำไป ผสมผสานกับเทคนิคศิลปะอื่นๆ Adventurous สาวนักผจญภัย สุดแอ็กทีฟที่ชอบกีฬาและการเดินทางคือมิวส์ของแบรนด์ Independent แน่นอน...พวกเธอต้องมั่นพอที่จะใส่ลายพิมพ์พวกนี้!
V: แล้ว 5 สิ่งที่ทำให้คุณคิดถึง “บ้าน” สุดหัวใจล่ะ
L: People ครอบครัวของฉันเอง พ่อแม่พี่น้องและเพื่อนๆ Food โดยเฉพาะข้าวเหนียวสังขยา ขนมไทยประเภทข้าวต้มมัด กลับบ้านทีกินจนอ้วนเลย Beach ชายหาดเมืองไทยคือที่สุดแล้ว Contrast เสน่ห์ของสิ่งที่แตกต่างกันอย่างสุดขั้ว เช่น คุณสามารถช็อปปิ้งที่ ห้างหรูแล้วแวะไปกินร้านอร่อยริมถนนซอยถัดไป Pamper การทำสวย ตั้งแต่ ทำเล็บ ตัดผม นวดสปา ฉันมักกลับมาบ้านในสภาพ ที่เยินสุดๆ เพื่อวินาทีแห่ง ความฝันแบบนี้แหละ! (ลิซ่า จบบทสนทนาด้วยการฉีก ยิ้มกว้าง)
1 / 4
2 / 4
3 / 4
4 / 4
WATCH
ช่างภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช, Courtesy of the Brand / บรรณาธิการแฟชั่น: จงกล พลาฤทธิ์
WATCH