Chanel Lemarié
FASHION

VOGUE SERIES EP.3 | เจาะลึก Lemarié เบื้องหลังงานขนนกพลิ้วไหวและดอกไม้งามตาของ CHANEL

#VogueSeries งานปักประดับขนนกอ่อนบางพลิ้วไหวและดอกไม้ผ้าที่งดงามละมุนตาจาก CHANEL ภายใต้การสร้างสรรค์ของ Lemarié เมซงช่างศิลป์ที่สืบสานงานหัตถศิลป์นานร่วมร้อยปี #CHANEL #CHANELMetiersdArt

     หนึ่งองค์ประกอบที่ช่วยให้งานดีไซน์ในคอลเล็กชั่น Métiers d'art และ Haute Couture ของ Chanel นั้นดูชวนฝันและเป็นที่ปรารถนาของผู้หญิงทุกคนคืองานประดับขนนกอันบอบบาง และดอกไม้ผ้าที่ถ่ายทอดความเฟมินีนออกมาได้อย่างลงตัว Lemarié คือเมซงที่ผู้อยู่เบื้องหลังความสำเร็จและความงามราวต้องมนต์ขลังนี้ด้วยงานศิลป์ที่รังสรรค์ขึ้นด้วยความทุ่มเทและความชำนาญการ

 

CHANEL LEMARIÉ

     เมซงผู้สร้างสรรค์งานศิลป์บนอาภรณ์แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 1880 โดย Palmyre Coyette แรกเริ่มนั้นเมซงผลิตขนนกสำหรับตกแต่งหมวก แอ็กเซสเซอรี่ประดับผม และขนนกที่ใช้เป็นคอสตูมและอุปกรณ์ประกอบการแสดงสำหรับคณะคาบาเรต์ เลอมาริเยร์เป็นหนึ่งในช่างศิลป์ทั้งหมดกว่า 300 แห่งของปารีสในช่วงเวลานั้น ช่างฝีมือต่างก็มีความเชี่ยวชาญในการตัด ม้วน และจัดเรียงขนนกที่สวยงามรวมถึงการย้อมสีขนนกให้มีสีสันหลากหลายอย่างไร้ขีดจำกัด  ในปี 1946  André Lemarié หลานชายของผู้ก่อตั้งได้เข้ามาสืบทอดกิจการของครอบครัว ภารกิจหลักของเขานั้นคือการนำพาให้โรงประกอบงานศิลป์จากขนนกแห่งนี้เป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น รวมถึงการขยายกิจการด้วยการเพิ่มไลน์ผลิตไปสู่การสร้างสรรค์ดอกไม้จากผ้าและขนนกด้วยเทคนิคการเย็บมือ ไม่เพียงแค่ศาสตร์การทำขนนกและดอกไม้ผ้าเท่านั้นที่เมซงแห่งนี้มีความชำนาญการ ช่างฝีมือที่นี่ยังมีความรู้ในเทคนิคการเย็บปักถักร้อยเพื่อสร้างสรรค์อาภรณ์ชั้นสูงไม่ว่าจะเป็นการเย็บหุ้ม การเย็บเก็บริม และการจับสม็อกที่ซับซ้อน ชาเนลนั้นได้ร่วมสร้างสรรค์ผลงานกับเลอมาริเยร์เป็นครั้งแรกในช่วงปี 1960s เมื่อ Gabrielle Chanel มีไอเดียที่จะนำดอกคามิลเลียดอกไม้ที่เธอโปรดปรานมาสร้างสรรค์เป็นดอกไม้ผ้า จากนั้นมาดอกคามิลเลียของชาเนลที่มีกลีบดอกบอบบางละมุนตาผลิตขึ้นจากผ้าไหม, ผ้าตาข่าย และผ้าทวีดได้รังสรรค์ขึ้นที่นี่กว่า 25,000 ดอกต่อปี



WATCH




     เมซงแห่งนี้ได้ร่วมเป็นพาร์ตเนอร์สำคัญกับชาเนลอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 1996 เมื่อ Karl Lagerfeld ดำรงตำแหน่งเป็นผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ และได้ขยายกิจการจนครอบคลุมโรงงานอัดพลีต Lognon ในปี 2003 และโรงงานดอกไม้ประดิษฐ์ Legeron ในปี 2021 นอกจากจะอยู่เบื้องหลังงานออกแบบเสื้อผ้าและแอ็กเซสเซอรี่ทั้งคอลเล็กชั่นเรดี้ทูแวร์ และโอตกูตูร์ให้เหล่าแบรนด์ดังแล้ว เลอมาริเยร์ยังท้าทายขีดความสามารถของตัวเองไปสู่การตกแต่งสถานที่ การจัดวินโดว์ดิสเพลย์ รวมถึงตกแต่งงานอีเวนต์อีกด้วย Virginie Viard นั้นได้ร่วมงานกับช่างศิลป์ของเลอมาริเยร์มาอย่างยาวนาน เมื่อเธอดำรงตำแหน่งครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ในปี 2019 เลอมาริเยร์จึงได้มีส่วนสำคัญในการถ่ายทอดจินตนาการของเธอให้ออกมาเป็นงานดีไซน์ที่มีผลลัพธ์เกินความคาดหมายอยู่เสมอ ปัจจุบันเมซงแห่งนี้มีส่วนร่วมในการสร้างสรรค์ผลงานอันเป็นเอกลักษณ์ให้ชาเนลราวสิบคอลเล็กชั่นต่อปี เลอมาริเยร์ได้ย้ายเวิร์กช็อปไปยังอาคาร le19M ภายใต้การดูแลของชาเนล นอกจากจะเป็นเวิร์กช็อปที่ใช้ในการปฏิบัติงานแล้วยังเป็นโรงเรียนสอนช่างฝีมือเพื่อสานต่องานหัตถศิลป์ให้ดำรงอยู่และเพื่อยกระดับให้วงการแฟชั่นดีไซน์ของฝรั่งเศสยังคงอยู่ในแนวหน้าของโลกต่อไป

     เรื่องราวอาณาจักรเมซงช่างฝีมือของ CHANEL ยังไม่จบลงเท่านี้ สามารถติดตาม #VogueSeries เปิดอาณาจักรช่างฝีมือในโลกของ CHANEL ได้ทั้งหมดตามลิ้งก์ด้านล่างนี้ 

     VOGUE SERIES EP.1 | เปิดอาณาจักร Lemarié และ Lognon เบื้องหลังงานฝีมือในโลกของ CHANEL

     VOGUE SERIES EP.2 | เปิดอาณาจักร Maison Michel และ Lesage เบื้องหลังงานฝีมือในโลกของ CHANEL

     VOGUE SERIES EP.4 | เจาะลึก Lognon เบื้องหลังการจับจีบพลีตด้วยมือ หัตถศิลป์ชั้นครูของ CHANEL

     VOGUE SERIES EP.5 | เจาะลึก Massaro เมซงเบื้องหลังรองเท้าคลาสสิกที่รู้สรีระเท้าดีที่สุดของ CHANEL

ข้อมูล : Courtesy of CHANEL

WATCH