FASHION
ชีวิตรักของ Jane Birkin และ Serge Gainsbourg กับความโรแมนติกเฉพาะตัวที่ไม่มีใครเหมือนความโลดโผนในชีวิตคู่คือความทรงจำเฉพาะที่ไม่มีทางลืมได้ และตอนนี้ก็กลายเป็นตำนานเรื่องเล่าของชีวิตคู่คนดังที่น่าสนใจที่สุดเรื่องหนึ่ง |
ข่าวการเสียชีวิตของ Jane Birkin เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม 2023 ด้วยวัย 76 ปี สร้างความโศกเศร้าให้กับผู้คนที่ติดตามชีวิตแฟชั่นไอคอนคนนี้อย่างมาก เรื่องราวชีวิตของเจนได้รับการพูดถึงอย่างหนาหูอีกครั้ง ตั้งแต่ชีวิตการทำงาน แฟชั่น ศิลปะ และที่ขาดไม่ได้คือความรัก รักครั้งสำคัญของเธออย่าง Serge Gainsbourg คือชีวิตรักที่เปี่ยมไปด้วยสีสัน แม้จะลงเอยบนเส้นทางชีวิตคู่ได้ไม่สวยงามนัก แต่ความอมตะเหนือกาลเวลาด้านความสัมพันธ์ทำให้ชื่อของทั้งคู่เข้าทำเนียบคู่รักในตำนานที่สาวกแฟชั่นและแฟนคลับของเจนจดจำอยู่เสมอ
Slogan ภาพยนตร์ที่ทำให้ Jane Birkin พบรักกับ Serge Gainsbourg / ภาพ: TV Guide
“ค่ำคืนแรกแห่งความโรแมนติก” บ่อเกิดความรักจากภาพยนตร์เรื่อง “Slogan” ทำให้ทั้งคู่พบกันในปี 1968 ช่วงเวลาอันหมองหม่นของเจนกับความรักที่แตกสลายพร้อมกับความขัดข้องในการสื่อสารภาษาฝรั่งเศส ความตั้งใจเดียวของเจนคือการหลีกหนีห้วงความทรงจำอันผูกติด ณ เกาะอังกฤษ สู่สักดินแดนเพื่อคล้ายปมความเศร้าตรงนั้นอย่างจริงจัง ความประทับใจแรกกับแซจไม่ได้สวยหรูงดงาม แซจไม่ได้มีทีท่าให้ความสนใจเจนชัดเจนเท่าไหร่นัก ทว่างานดินเนอร์เปิดโอกาสให้ทั้งคู่มีโอกาสทำความรู้จักกันมากขึ้นผ่านดนตรีและท่วงท่าการร่ายร่ำ มันกลายเป็นค่ำคืนแห่งชีวิตรัก เพราะเจนและแซจใช้เวลาด้วยกันตลอดทั้งคืนแม้งานดินเนอร์จะจบลง เธอกลับห้องของแซจและมองดูเขาหลับไปทันที เหตุการณ์นี้นำมาสู่ประโยคสุดเรียบง่ายแต่เป็นอมตะนิรันดร์ของเจนว่า “มันเป็นค่ำคืนที่โรแมนติกที่สุด”
ผลงานเพลง “Je t'aime...Moi non plus” ที่ Jane Birkin ตัดสินใจร้องเนื้อเพลงของ Serge Gainsbourg จนกลายเป็นเพลงสุดเร่าร้อนอันเป็นอมตะ / ภาพ: Spotify
บทเพลงแห่งความหวงแหน...ย้อนกลับไปปี 1968 ต่อปี 1969 ช่วงเวลานั้นความสัมพันธ์ของเจนและแซจกำลังเริ่มพัฒนาไปในทิศทางที่ยอดเยี่ยม เพลง “Je t'aime...Moi non plus” ที่แซจเคยแต่งสำหรับ Brigitte Bardot ตั้งแต่ปี 1967 แต่บริจิตต์ไม่ต้องการเผยแพร่เพลงนี้ออกไปเพราะเนื้อหาและท่วงทำนองมีความเร่าร้อนจนอาจสร้างปัญหาได้ เมื่อชีวิตรักร้าวแซจพบกับเจนพอดี ซึ่งเจนก็รับร้องเพลงนี้ด้วยเหตุผลเพียงเพราะไม่อยากให้ใครคนอื่นร้องเพลงนี้ ด้วยเนื้อหาที่เร่าร้อนสะท้อนความสัมพันธ์ชีวิตรัก อนุมานได้ว่าเจนหลงใหลและหวงแหนห้วงอารมณ์ร่วมกับแซจจนพาตัวเองเข้าไปสู่เพลงที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์มากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติศาสตร์อุตสาหกรรมดนตรีฝรั่งเศส
WATCH
บรรยากาศความโรแมนติกของ Jane Birkin และ Serge Gainsbourg / ภาพ: The Telegraph
เสียงครางร้องและโทนแห่งความแนบชิด การขับร้องเหมือนการกระซิบกระซาบสร้างบรรยากาศความรักอันแนบแน่นของเพลง ประกอบกับไลน์ประสานที่เจนสรรสร้างขึ้นอย่างลึกซึ้ง เพลงดังกล่าวถูกจำกัดผู้ฟังที่อายุ 21 ปีขึ้นไป อีกทั้งยังโดนแบนจากสถานีวิทยุมากมาย ถูกประณามจากรัฐวาติกัน มากไปกว่านั้นเวลาขายยังต้องพันหีบห่อเรียบง่ายราวกับขายนิตยสารวาบหวิว ค่ายเพลง Philips ถึงขั้นปล่อยเพลงนี้ภายใต้ค่ายลูกชื่อ Fontana แทน และแน่นอนว่าเพลงนี้ยังถูกเปิดในร้านอาหารหลังเวลา 5 ทุ่ม ซึ่งเป็นเวลาสำหรับผู้ใหญ่อีกด้วย นับว่าเป็นเพลงประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกถึงความอื้อฉาว แต่มันก็ซ่อนความลึกซึ้งในความสัมพันธ์และเจตนาอันแรงกล้าของเจนที่ต้องการขับร้องเพลงที่ผูกรัดความรักของเธอและแซจเอาไว้อย่างถึงที่สุด
ผลงานการแสดงเรื่อง “Je t'aime...Moi non plus” ที่กำกับโดย Serge Gainsbourg ของ Jane Birkin / ภาพ: The New York Times
ความสัมพันธ์ที่ผูกติดกับ “Je t'aime...Moi non plus” คือสัญญะอันบ่งบอกถึงความเหนียวแน่นและเป็นอมตะของทั้งคู่อย่างแท้จริง ในปี 1976 มีภาพยนตร์ชื่อเดียวกับเพลงถูกสรรสร้างขึ้นด้วยฝีมือการกำกับของแซจ เจนรับบทเป็นหญิงสาว “Boyish” ที่สร้างความประทับใจให้กับเกย์หนุ่มด้วยเสน่ห์ของความไร้เดียงสา เธอยอมรับทุกเงื่อนไขแม้แต่การมีเพศสัมพันธ์ตามแบบฉบับของเกย์ และเรื่องราวก็บอกเล่าถึงการมีเพศสัมพันธ์อย่างเข้มข้น มากไปกว่านั้นยังนำเสนอเกี่ยวกับความดำมืดภายในจิตใจของมนุษย์ ยุคสมัยนั้นภาพยนตร์เรื่องนี้ค่อนข้างสุดโต่งจนได้รับเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย และอาชีพนักแสดงของเจนก็เสื่อมสลายไปในอากาศหลายปีเช่นกัน ทว่าคอภาพยนตร์พันธุ์แท้และนักวิจารณ์บางส่วนก็ยังออกมาปกป้องและมองว่าเป็นผลงานชิ้นคุณภาพในอีกมุมหนึ่ง
ภาพถ่ายแฟชั่นของ Serge Gainsbourg และ Jane Birkin ในปี 1969 ลั่นชัตเตอร์โดย Terry O’Neill / ภาพ: Artsy
การทะเลาะกันครั้งดุเดือดและการเลิกรา...เคยมีรายงานว่าเจนเคยปาทาร์ตคัสตาร์ดใส่หน้าแซจกลางที่สาธารณะ ก่อนจะวิ่งไล่ตามกันไปตามถนน บูเลอวาร์ด แซงต์-แฌร์แมง และปิดท้ายด้วยการที่เจนกระโดดลงแม่น้ำแซนอย่างหน้าตาเฉยและปีนขึ้นมาพร้อมกับควงแขนกันกลับบ้านอย่างร่าเริง คงไม่มีความสัมพันธ์ไหนอารมณ์เหวี่ยงสุดขั้วแบบเจนกับแซจเท่าไหร่นัก ความบ้าเหนือขีดจำกัดของทั้งคู่ก็เป็นอีกบทพิสูจน์ว่าเคมีที่เข้ากันนั้นสามารถทำเรื่องเหนือจินตนาการจนกลายเป็นเรื่องเล่าเซเลบริตี้สุดไอคอนิก ทว่าความสัมพันธ์นี้ก็ต้องจบลงในปี 1980 แซจมีปัญหาการติดสุราเรื้อรังและเริ่มใช้ความรุนแรง จุดสิ้นสุดของความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็มาถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่เรื่องราวความรักอันลึกซึ้งได้ฝังเข้าไปในจิตใจทั้งเจนและแซจชนิดถอนตัวไม่ขึ้นอีกต่อไป
Jane Birkin และ Serge Gainsbourg เฉลิมฉลองความสำเร็จของอัลบั้ม Baby alone in Babylone ในปี 1985 / ภาพ: DROUOT
การพบรักครั้งใหม่ผสมผสานกับความทรงจำในอดีตอันต่อยอดสู่ความสัมพันธ์จากเนื้อแท้ในจิตใจ แม้เจนจะคบรักกับหนุ่มคนใหม่ถึงขั้นมีโซ่ทองคล้องใจ แต่แซจยังคงรักษาความทรงจำอันดีงามและเปลี่ยนเป็นความหวังดีอันน่าปลื้มใจ เมื่อเจนมีลูกสาวคนใหม่ เขายังส่งกล่องเสื้อผ้าและการ์ดให้เจนและลูก ต่อมาเขาก็เป็นพ่อทูนหัวของเด็กน้อยคนนั้น ชีวิตหลังจากเลิกรากันแซจไม่ได้ค้นหาสิ่งใหม่ให้กับชีวิต ช่วงเวลาส่วนใหญ่ยังคงวนเวียนอยู่กับความทรงจำในอดีตเกี่ยวกับเจน เธอเป็นมากกว่าแค่คู่รัก เพราะสำหรับแซจ เจนอาจผสานจิตวิญญาณของเขาไปเรียบร้อย สังเกตว่าตลอดระยะเวลาตั้งแต่ปี 1968 เป็นต้นมาทุกสิ่งทุกอย่างของแซจแทบจะผูกโยงกับเจนทั้งหมด
บรรยากาศการอาลัยงานศพของ Serge Gainsbourg ณ กรุงปารีส วันที่ 7 มีนาคม 1991 / ภาพ: Flickr
ความตายที่พรากร่างกายแต่ไม่เคยพรากความทรงจำ หากจะพูดเช่นนี้ก็ไม่ผิดนัก ตลอดระยะเวลาหลังเลิกรากันไปแล้วแซจยังคงเขียนเพลงให้เจนอยู่เสมอ ดั่งเช่นที่เขาทำตลอดที่ใช้ชีวิตอยู่ร่วมกัน เจนเปรียบเสมือนมิวส์ที่เข้าถึงเบื้องลึกในจิตใจ จนมีคำกล่าวว่า “เจนไม่ได้เป็นเพียงมิวส์ แต่เป็นดั่งผู้ร่วมสร้างสรรค์ของแซจ” ซึ่งนิยามนี้สามารถอธิบายได้อย่างชัดเจนว่าชีวิตของนักแต่งเพลงและผู้กำกับคนนี้เชื่อมโยงกับเจนลึกซึ้งมากเพียงใด วันที่ 2 มีนาคม 1991 เหตุการณ์สลดก็เกิดขึ้นเมื่อแซจเสียชีวิตจากอาการหัวใจวายในบ้านพักด้วยวัย 62 ปี ครอบครัวเบอร์กิ้น โดยเฉพาะเจนและแอนดรูว์(น้องชายของเจน) รู้สึกดำดิ่งเกี่ยวกับเหตุการณ์นี้อย่างรุนแรง พวกเขาใช้เวลาอยู่กับร่างของแซจนานถึง 3 วัน เหนี่ยวรั้งปฏิเสธไม่อยากให้เขาจากไป Jacques Doillon คู่รักใหม่ของเจนถึงกับเลิกรากับเธอเพราะเธอไม่สามารถก้าวข้ามความรู้สึกที่มีต่อแซจได้แม้เขาจะปราศจากลมหายใจ
Serge Gainsbourg และ Jane Birkin กับโมเมนต์ ณ Le Palace เมื่อปี 1980 ซึ่งเป็นช่วงสุดท้ายของชีวิตคู่ / ภาพ: MutualArt - Patick Sicolli
แม้จุดสิ้นสุดของชีวิตจะเกิดกับแซจ ทว่าเจนยังคงให้เครดิตและแสดงให้เห็นว่าเธอมอบทุกความตั้งใจของตัวเองให้กับแซจเสมอ เธอแทบไม่เคยอัดเพลงอีกเลยหลังจากแซจเสียชีวิต อีกทั้งตลอดระยะเวลาที่สร้างผลงานร่วมกันเจนก็มีแนวโน้มจะให้เครดิตความอัจฉริยะในการแต่งบทเพลงของแซจมากกว่าการขับร้องของตัวเอง เธอไม่คิดว่าตัวเองมีพรสวรรค์มากนัก ความวิจิตรงดงามจากน้ำเสียงที่ไม่เคยผ่านการเรียนร้องเพลงอย่างจริงจัง เนื้อเพลงที่เขียนขึ้นอย่างบรรจง ทั้งหมดประกอบกันเป็นผลงานอมตะสไตล์ “Birkin/Gainsbourg” ที่ไม่มีใครเหมือน และนี่คือเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ที่เต็มไปด้วยความแตกต่าง จนกลายเป็นหนึ่งในคู่รักไอคอนิกตลอดกาล วันนี้เจน เบอร์กิ้นเสียชีวิตไปแล้วเช่นกัน เรื่องราวความทรงจำเหล่านี้จะกลายเป็นเรื่องเล่าขานเมื่อเอ่ยถึงชื่อทั้งคู่จวบจนนิรันดร์
ข้อมูล:
WATCH