Jacquemus ความสำเร็จของแฟชั่นยุคใหม่ที่ทำให้ทุกคนอยากแชร์ความเก๋มีสไตล์บนโซเชียลของตัวเอง
ทุกครั้งที่ Jacquemus เคลื่อนไหวคือพลังอันมหาศาลบนโลกดิจิทัลที่ไม่ได้เกิดจากแบรนด์โดยตรง แต่เกิดจากทุกคนเห็นว่าแบรนด์ดูมีสไตล์มากแค่ไหน
แบรนด์แฟชั่นยุคใหม่ไม่เพียงต้องเก่งเรื่องเทคนิคเบื้องหลังหรือการนำเสนอเชิงการตลาดแบบเมื่อก่อน เพราะรูปแบบการสร้างเทรนด์ของตัวเองโดยใช้กระแสโซเชียลถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก Earned Media Value หรือ EMV นั้นกลายเป็นปัจจัยสำคัญที่ต่อยอดแบรนด์ให้มุ่งหน้าสู่ความสำเร็จ แบรนด์อย่าง Jacquemus เป็นตัวอย่างสำคัญที่สร้างโมเมนต์ให้คนทั่วโลกพูดถึง ไม่ใช่แค่วงการแฟชั่น แต่หมายถึงทุกวงการที่สนใจเรื่องรายละเอียดจากทุกการเคลื่อนไหวของแบรนด์ เพราะสไตล์ความเก๋ในแบบฉบับฌักมุสมีมิติสำคัญที่ดึงดูดให้คนพร้อมจะแชร์ลงบนโซเชียลมีเดียทุกแพลตฟอร์ม
แคมเปญแฟชั่นของ Jacquemus ที่ใช้ Bad Bunny ศิลปินผู้ได้รับความนิยมในโลกออนไลน์มาเป็นตัวละครเอก / ภาพ: Jacquemus
ตอนนี้คำว่า “สื่อ” ไม่ได้หมายถึงองค์กรใหญ่เสมอไปแล้ว เนื่องจากทุกคนล้วนมีช่องทางการเป็นสื่อของตัวเอง แค่เพียงปลายนิ้วเราสามารถกดแชร์ โพสต์ หรือแม้แต่แสดงความรู้สึกต่อสิ่งต่างๆ ได้แบบเรียลไทม์ ดังนั้นแบรนด์แฟชั่นจึงไม่ได้พุ่งเป้าแค่เพียงทำโปรเจกต์ระดับยักษ์ใหญ่เพื่อดึงปลายักษ์เข้ามาในสารบบ แต่กำลังนำเสนอตัวตนและสร้างนิยามความมีสไตล์ให้โดดเด่น อีกทั้งยังสามารถเข้าถึงคนอย่างหลากหลาย ฌักมุสมักมีแคมเปญโปรโมตหรือแนวทางศิลปะที่ถูกจริตคนรุ่นใหม่ ทั้งจากวงการแฟชั่นเองและจากแวดวงศิลปะ หรือแม้แต่คนทั่วไปเองก็ประทับใจกับแบรนด์ แน่นอนว่าพวกเขาย่อมแบ่งปันสไตล์อันโดดเด่นของแบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสผ่านช่องทางของตัวเอง
โชว์ Jacquemus คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2020 ที่นำเสนอท่ามกลางบรรยากาศทุ่งลาเวนเดอร์ในเมืองโพรวองซ์ / ภาพ: France.fr
ทุกโชว์คือปรากฏการณ์! หากพูดเช่นนี้คงไม่ผิดนัก เพราะแต่ละครั้งที่ฌักมุสนำเสนอคอลเล็กชั่น มักจะทำให้โลกโซเชียลให้ความสนใจ ด้วยรูปแบบของเสื้อผ้าที่มีเอกลักษณ์ สวมใส่ง่าย สีสัน และรายละเอียดก็อยู่ในจุดที่พอเหมาะพอดี นอกจากนี้สถานที่จัดโชว์ยังเป็นไฮไลต์สำคัญ ไม่ว่าจะเป็นทุ่งลาเวนเดอร์ ณ เมืองโพรวองซ์ หรือจะเป็นริมหายชาด ณ เกาะฮาวาย และอีกหลายเซ็ตติ้งที่ไม่ว่าจะจัดโชว์เมื่อไหร่ คนก็รอเฝ้าชมเสมอ มากไปกว่านั้นยังแบ่งปันหลายองค์ประกอบจากแต่ละโชว์ลงในช่องทางของตัวเองโดยที่ฌักมุสไม่ต้องทุ่มเงินในส่วนนี้ขนาดนั้น
WATCH
บรรยากาศความโรแมนติกของ Simon Porte Jacquemus และ Marco Maestri ในงานแต่งงาน / ภาพ: Théo de Gueltzl - Vogue US
ชีวิตส่วนตัวและมุมมองของ Simon Porte Jacquemus กลายเป็นจุดสนใจ ทุกวันนี้แฟชั่นไม่ได้มีแค่เสื้อผ้าบนรันเวย์ เพราะฉากหลังของชีวิตผู้กุมบังเหียนก็สำคัญไม่แพ้กัน ซิมงคือดีไซเนอร์สายเลือดใหม่ที่เข้าอกเข้าใจเรื่องนี้ เขานำเสนอความเป็นธรรมชาติของตัวเอง หลายคนรู้สึกเชื่อมโยงกับเขาในหลายมิติ นั่นทำให้การสนับสนุนตัวเขาในช่องทางต่างๆ ก็เป็นการเพิ่มฐานของแบรนด์ไปแบบอ้อมๆ เพราะยิ่งรู้จักซิมง ก็ยิ่งเข้าใจแนวทางการทำงานและแง่มุมเชิงศิลป์ของฌักมุสมากขึ้น มากไปกว่านั้นเมื่อเรารู้สึกชื่นชอบใครคนใดคนหนึ่งเราก็พร้อมสนับสนุนผลงานเขาต่อไปด้วยเช่นกัน เพราะฉะนั้นไม่น่าแปลกใจนักที่ข่าวการแต่งงานของเขาจะได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม ซึ่งทุกย่างก้าวของเขามีผลต่อฌักมุสอย่างมากจริงๆ
Simon Porte Jacquemus และ Jennie ถ่ายภาพร่วมกันช่วงหลังโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2022 ณ เกาะฮาวาย / ภาพ: Popsugar
สุดท้ายถ้าเราจะพูดถึงอิทธิพลบนสื่อของแบรนด์ยุคนี้ต้องไม่พลาดพูดเรื่องอินฟลูเอนเซอร์ที่เป็นกุญแจสำคัญในการพัฒนาบนแพลตฟอร์มดิจิทัล แบรนด์เชิญอินฟลูเอนเซอร์จากทั่วโลกมาร่วมชมโชว์และมีส่วนร่วมกับกิจกรรมต่างๆ อยู่เสมอ แคมเปญเองก็มุ่งเน้นในการนำเสนอมิติใหม่ของคนที่โดดเด่นในปัจจุบัน มากไปกว่านั้นการไม่ตีกรอบบีบบังคับเรื่องภาพลักษณ์ ปล่อยให้ทุกคนเป็นตัวของตัวเองและเป็นธรรมชาติที่สุดกับฌักมุสยิ่งทำให้คนหลงรักแบรนด์มากจริงๆ เราอาจจะเห็น เจนนี่ แห่งวง BLACKPINK ในบทบาทหลายรูปแบบ แต่กับฌักมุสเธอคือสาวเกาหลีที่นำเสนอตัวตนได้ลื่นไหลเป็นธรรมชาติที่สุด อีกทั้งเธอยังเต็มใจที่จะแชร์ภาพความสนุกกับฌักมุสแบบนั้นลงโซเชียลมีเดีย ด้วยอิทธิพลของเธอก็ยิ่งผลักดันให้แบรนด์โตขึ้นอีกระดับ นี่พูดถึงแค่เจนนี่ ยังมีอีกหลายคนที่มีพลังอำนาจบนโลกดิจิทัล พวกเขาและเธอก็พร้อมใจกันนำเสนอมิติความเก๋แบบฌักมุสให้ทุกคนได้รับชม สรุปได้เลยว่าแบรนด์กำลังได้รับความสนใจในทุกองค์ประกอบ มาพร้อมกับฐานแฟนที่เพิ่มขึ้นอย่างมั่นคง เพราะมูลค่าสื่อจากทุกคนที่ได้รับการเก็บสถิติจากนิตยสารฟอร์บส์ว่ามีมูลค่าสูงถึง 2,4xx,xxx เหรียญสหรัฐฯ คือแรงสนับสนุนที่ทำให้แบรนด์สัญชาติฝรั่งเศสนี้แบรนด์นี้เติบโตอย่างยอดเยี่ยมที่สุด
WATCH
