ย้อนรอยมีมการเดรปผ้าที่สะท้อนกลับสู่จุดเริ่มต้นด้านเทคนิคอันเป็นตำนานของ Issey Miyake

     หลังจากข่าวการเสียชีวิตของ Issey Miyake ในวัย 84 ปี แพร่กระจายออกไป หลายคนต่างแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้ง พร้อมทั้งไว้อาลัยกันอย่างถ้วนหน้า ซึ่งหลังมีประกาศออกมาอย่างเป็นทางการ เหล่าสาวกแฟชั่นก็ย้อนความทรงจำเกี่ยวกับผลงานอันโดดเด่นของเขากันทั่วแพลตฟอร์มออนไลน์ และมีอยู่คอลเล็กชั่นหนึ่งที่สะดุดตาอย่างยิ่งคือคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1986 ที่นำเสนอเทคนิคการเดรปผ้าอันเป็นเอกลักษณ์ 

  ผลงานการออกแบบของคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1986 / ภาพ: Issey Miyake

     ย้อนกลับไปราวๆ 3 ทศวรรษก่อน หรือช่วงปลายยุค ‘80s นี่คือช่วงเวลาที่อิสเซ มิยาเกะกำลังเปิดเส้นทางใหม่ในอุตสาหกรรมแฟชั่น ช่วงเวลาดังกล่าวเป็นช่วงเวลาในการทดลองเทคนิคการเดรปผ้าขั้นสูงเพื่อสร้างสรรค์ไอเท็มแฟชั่นที่แตกต่างจากเดิม ซึ่งชุดต่างๆ ที่เขาออกแบบจะมุ่งเน้นไปที่ความอิสระในการขยับเขยื้อนร่างกายขณะสวมใส่ พร้อมทั้งใส่ใจเรื่องการดูแลรักษาเป็นสำคัญด้วย เทคนิคการตัดเย็บและเดรปผ้าเฉพาะสร้างลักษณะของระบายและจีบที่เป็นธรรมชาติในแบบที่ไม่มีใครเหมือน เบื้องหลังของชุดที่ถูกนำมาเผยแพร่นั้นเต็มไปด้วยความซับซ้อนและวิธีการสร้างรายละเอียดบนเสื้อผ้าระดับปรมาจารย์

รูปแบบการรังสรรค์ซิลูเอตจากการเดรปผ้าและจับระบายของ Issey Miyake ในคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1986 / ภาพ: Issey Miyake

     ความพลิ้วไหว สีสัน และเทคนิคของคนกล้า อิสเซคือผู้บุกเบิกนิยามการทำเสื้อผ้าด้วยเทคนิคแปลกใหม่ เขารังสรรค์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1986 ด้วยความตั้งใจนำเสนอความเป็นธรรมชาติของรอยพับต่างๆ ที่เกิดจากเทคนิคการซ้อนผ้าและสร้างเซ็ตความทรงจำของการม้วนเกลียวจนเสื้อผ้าสามารถรักษารูปทรงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ซึ่งแนวคิดแบบนี้ถูกใช้กับการลองเสื้อผ้าบนเรือนร่างนักเต้น เพื่อพิสูจน์ความพลิ้วไหวคล่องตัว ซึ่งต่อมาเขาก็ใช้เหล่านักเต้นมาเป็นตัวแทนในการนำเสนอความโดดเด่นของแบรนด์อีกด้วย

เจาะลึกความซับซ้อนในเสื้อผ้าแฟชั่นของ Issey Miyake ในคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 1986 / ภาพ: Issey Miyake - 1stDibs

     ดังนั้นแม้ชุดที่เราเห็นกันจะคลับคล้ายคลับคลาไปบ้าง แต่เบื้องหลังการสร้างมิติใหม่ในวงการแฟชั่นไม่ใช่ว่าใครก็ทำได้ เมื่ออิสเซสามารถพิสูจน์ว่าเขาทำได้ ก็ต้องย้อนกลับมาถึงคอลเล็กชั่นนี้ที่มีคนสนใจมากมาย เพราะรูปแบบการตัดเย็บล้ำหน้าไปไกล อีกทั้งยังสอดแทรกกลิ่นอายความมีเสน่ห์แบบอัจฉริยะไว้อีกด้วย นี่เป็นอีกหนึ่งจุดเซฟสำคัญที่ทำให้อิสเซยืนหยัดวิธีการสร้างผลงานมาจนถึงปัจจุบัน จะมีอะไรน่าสนใจในวงการแฟชั่นไปกว่าการเห็นเทคนิคใหม่เพื่อขยายกรอบความอึดอัดไม่กล้าสร้างสรรค์ให้มีผลงานติดไม้ติดมือกัน