ปี 2023 คือปีที่โลกแฟชั่นเติบโตด้วยความหลากหลายอย่างแท้จริง ความหลากหลายที่ว่าหมายถึงสไตล์และรูปแบบการนำเสนอที่แตกต่างและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รูปแบบแฟชั่นที่ไม่ได้มุ่งเน้นแค่เรื่องความสวยงามของเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับเพียงเท่านั้น แต่ยังสร้างประสบการณ์ร่วมให้กับผู้ชมทั้งแบบติดขอบรันเวย์และผู้ชมผ่านสื่อออนไลน์ทุกรูปแบบ ในขณะที่การพัฒนาโชว์ให้น่าตื่นเต้นมากขึ้นมันก็หนีไม่พ้นคำวิจารณ์ว่าปีนี้คือปีแห่งการนำเสนอกิมมิกมากกว่าเสื้อผ้า ซึ่งมันอาจเลยขีดความสมดุลจนทำให้สาวกแฟชั่นบางกลุ่มรู้สึกว่ามัน “อาจจะมากเกินไป”

     ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าวิธีการนำเสนอโชว์ในปัจจุบันไม่เพียงต้องทำให้สวยงาม แต่ยังต้องทำให้โชว์เป็นที่พูดถึงจึงจะประสบความสำเร็จอย่างเต็มที่ ซึ่งแบรนด์ระดับยักษ์ใหญ่มีทั้งวิธีการจัดโชว์ ลุคที่น่าสนใจ รวมถึงเหล่าเซเลบริตี้ สำหรับแบรนด์ขนาดย่อมลงมาอาจจะไม่ได้ทางเลือกมากขนาดนั้น วิถีความจัดจ้านและการนำเสนอโชว์จึงเป็นทางเลือกที่ทำให้คนสนใจแบรนด์มากขึ้น แน่นอนว่าตลอดปี 2023 เราเห็นการนำเสนอลุคแฟชั่น รันเวย์ และการสร้างประสบการณ์ร่วมที่ทำให้ทุกคนต้องเหลียวมองและพูดถึงเมื่อโชว์จบลงอย่างงดงาม

บรรยากาศความเร่งรีบบนรันเวย์ AVAVAV คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2024 / ภาพ: AVAVAV

     แบรนด์แรกที่เราจะพูดถึงคือ AVAVAV โดย Beate Karlsson คือแบรนด์ที่ได้รับการพูดถึงมากที่สุดว่าจัดโชว์ได้เข้าข่าย “Gimmicky” สุดๆ เพราะแต่ละโชว์นอกจากจะนำเสนอเสื้อผ้าแปลกตาให้กลิ่นอายความขบถแล้ว วิธีการนำเสนอยังเป็นเรื่องโดดเด่นจนเป็นไวรัลอยู่เสมอ ช่วงต้นปีแบรนด์เคยสรรสร้างโชว์ที่ทำให้นางแบบ-นายแบบเดินออกมาพร้อมเสื้อผ้าที่หลุดร่วงเหมือนความล้มเหลว(ที่ตั้งใจ) ซึ่งสร้างชื่อให้แบรนด์เป็นที่จดจำอย่างรวดเร็วต่อยอดจากโชว์นางแบบสะดุดล้มกันระนาวเมื่อปีก่อน ก้าวข้ามมาถึงเดือนกันยายน 2023 แบรนด์ก็นำเสนอโชว์เรดี้ทูแวร์อีกครั้ง โดยครั้งนี้ใช้กิมมิกความเร่งรีบจนไม่สามารถจัดการลุคทั้งหมดให้เรียบร้อย โชว์จึงออกมาในฉบับไม่สมบูรณ์แบบที่ถูกวางแผนไว้เรียบร้อยแล้ว ด้วยกิมมิกสุดไวรัลทำให้แบรนด์กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงและวิพากษ์วิจารณ์มาที่สุดในช่วงมิลานแฟชั่นวีก 2 รอบในปีนี้

การเปลี่ยนสีชุดด้วยแสง UV ไฮไลต์อันโดดเด่นบนรันเวย์โชว์ ANREALAGE คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 / ภาพ: ANREALAGE

     แบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง ANREALAGE ก็เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ถูกพูดถึงอย่างหนาหูตลอดปีนี้ แม้จะไม่ใช่แบรนด์ระดับยักษ์ใหญ่ แต่คนก็จับตามองว่าแบรนด์นี้จะสรรสร้างชุดภายใต้ธีมการเปลี่ยนแปลงของชุดบนรันเวย์ได้อย่างน่าประหลาดใจหรือไม่ หลังจากโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 แบรนด์เนรมิตชุดที่เปลี่ยนสีด้วยแสง UV ซึ่งจำลองการเปลี่ยนแปลงของชุดท่ามกลางแสงแดดธรรมชาติ ความน่าตื่นเต้นนี้กลายเป็นโชว์ขโมยซีนประจำปารีสแฟชั่นวีกเลยก็ว่าได้ นอกจากนี้ในโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2024 แบรนด์ก็สร้างความน่าตื่นเต้นอีกครั้งด้วยวิธีการเปลี่ยนสีชุดด้วยแนวคิดการเริ่มต้นแบบไร้สีและจบลงด้วยสีสีนอันงดงาม ด้วยโชว์ของปี 2023 ทั้ง 2 โชว์ทำให้ชื่อของแบรนด์และ Kunihiko Moringa หัวเรือใหญ่ผู้ริเริ่มไอเดียนี้ได้รับความสนใจอย่างล้นหลาม

โชว์ Sunnei คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2024 ที่เปิดโอกาสให้ผู้ชมให้คะแนนลุคต่างๆ / ภาพ: Sunnei

     หากจะพูดถึงเรื่องกิมมิกอีกหนึ่งแบรนด์ที่สรรสร้างโชว์อันน่าตื่นเต้นจนไม่พูดถึงไม่ได้คือ Sunnei เมื่อต้นปีกับโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ร่วง/ฤดูหนาว 2023 แบรนด์เนรมิตรันเวย์ให้เหมือนเวทีคอนเสิร์ต ปลายรันเวย์ถูกออกแบบให้เหล่านางแบบทิ้งตัวไปกับฝูงคลื่นมนุษย์เรียกเสียงฮือฮาจากผู้ชมได้เป็นอย่างดี และถือเป็นกิมมิกที่แปลกใหม่ไม่เคยมีใครเคยทำบนรันเวย์มาก่อน ก่อนที่โชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2024 แบรนด์จะสร้างเรื่องไวรัลอีกครั้งเมื่อมอบประสบการณ์นักตัดสินให้กับเหล่าผู้ชมกับแผ่นป้ายคะแนนที่มีให้ยกชูสำหรับให้คะแนนลุคต่างๆ เชื้อเชิญให้ทุกคนมีส่วนร่วมกับโชว์อย่างเต็มที่ เรียกว่าเป็นแบรนด์ที่ทำให้ปี 2023 คึกครื้นด้วยกิมมิกอย่างแท้จริง

การตะลุมบอนในโชว์ Elena Velez คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2024 / ภาพ: Washington Post

     โชว์ของแบรนด์น้อยใหญ่จำนวนไม่น้อยในปีนี้เลือกใช้กิมมิกเพื่อนำเสนอความโดดเด่นจนหลายครั้งก็ถูกตั้งคำถามว่ามันเลยเถิดความพอดีและเบี่ยงเบนให้คนสนใจเสื้อผ้าซึ่งควรเป็นเรื่องสำคัญที่สุดไปหรือไม่ แต่ตราบใดที่โชว์งานศิลปะยังมอบความสุขในรูปแบบเฉพาะตัวของมันก็อาจเป็นเรื่องสนุกที่เราจะได้เห็นศิลปะการแสดงท่ามกลางบรรยากาศรันเวย์เป็นประจำทุกฤดูกาล ถึงกระนั้นมันก็มีเหตุการณ์เลยเถิดช่วงนิวยอร์กแฟชั่นวีกที่แบรนด์ Elena Velez ให้นางแบบตะลุมบอนกันบนรันเวย์โคลน (อ่านเรื่องราวเพิ่มเติมได้ ที่นี่) ถึงตรงนี้ก็ต้องพินิจพิจารณากันให้ดีว่าขอบเขตความเหมาะสมอยู่ตรงไหน บางครั้งชื่อ “แฟชั่นโชว์” ก็สะท้อนความหมายออกมาอย่างชัดเจน การทำอะไรมากหรือน้อยเกินจนขาดสมดุลอาจไม่ใช่คำตอบที่จะมอบประสบการณ์สมกับคำนี้