FENDI สร้างมิติใหม่บนรันเวย์ด้วยนายแบบ-นางแบบสูงวัย พร้อมนัยยะด้านความหลากหลายอีกเพียบ!

     แฟชั่นมักถูกพูดถึงว่าเป็นเรื่องของหนุ่มสาวผู้วิ่งตามเทรนด์อยู่เสมอ นั่นเป็นเหตุผลที่ไม่น่าแปลกใจถ้าบนรันเวย์ทุกคอลเล็กชั่นจากทุกแบรนด์ทั่วโลกจะใช้นายแบบ-นางแบบวัยรุ่นกันเสียส่วนใหญ่ ไม่ค่อยมีใครเลือกเหล่าแบบรุ่นเก๋า นอกเสียจากจะเป็นระดับเซเลบริตี้ เช่น Naomi Campbell, Heidi Klum และตำนานอีกหลายต่อหลายคน ทว่าสำหรับนิยามความงามที่นอกเหนือจากชื่อกลุ่มที่กล่าวมาแล้ว ความหลากหลายด้านอายุก็ยังถือเป็นกรอบความหลากหลายที่ค่อนข้างแคบที่สุดกรอบหนึ่งในแวดวงแฟชั่น เมื่อเทียบกับกรอบด้านเพศหรือชาติพันธุ์ที่ช่วงหลังมานี้มีการขยายให้เปิดกว้างมากขึ้น

นายแบบ 2 คนแรกที่ปรากฏตัวบนรันเวย์ของ Fendi กับการสะท้อนความหลากหลายด้านอายุ

     โชว์ Fendi คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2021 ที่จัดขึ้น ณ มิลานแฟชั่นวีกถือเป็นอีกหนึ่งปรากฏการณ์ที่แบรนด์ยักษ์ใหญ่เลือกใช้นายแบบ-นางแบบสูงวัย มีผมขาว ผมเทา รอยเหี่ยวย่นที่บ่งบอกถึงการผ่านประสบการณ์ชีวิตมานานกว่าหนุ่มสาวบนรันเวย์ทั่วไป ถือเป็นความกล้าของแบรนด์เลยที่เลือกตัวเลือกนี้ มันเป็นเหมือนกระบอกเสียงที่กล่าวว่าแฟชั่นเป็นเรื่องของทุกคน ไม่ใช่ความจัดจ้านหรือความจำเพาะเจาะจงที่ถูกออกมาแบบมาเพื่อคนช่วงอายุใดช่วงอายุหนึ่งเพียงอย่างเดียวเท่านั้น การสรรสร้างโชว์นี้จึงเต็มไปด้วยความหลากหลายในหลายเรื่องบนรันเวย์ผืนเดียวกัน

2 นางแบบสาวที่ทำให้เราเห็นอย่างชัดเจนว่าพวกเธอไม่ใช่นางแบบสาววัยกระเตาะ

     ความหลากหลายของการใช้นายแบบ-นางแบบรุ่นเก๋านั้นซ่อนนัยยะสำคัญให้แบรนด์สะท้อนคุณค่าในตัวออกมาได้ชัดเจนอย่างหนึ่งคือ “แฟชั่นสำหรับทุกคน” เราจะเห็นว่าถึงแม้บางชุดเราจะพูดว่าคนมีอายุสวมใส่ได้ แต่เวลาดูในโชว์เรากลับเห็นเสื้อผ้าถูกสวมโดยนางแบบวัยกระเตาะแทบทั้งนั้น วันนี้เฟนดิประกาศอย่างชัดเจนผ่านการกระทำว่า “เราใส่ใจและสร้างความเชื่อมั่นว่ามีเสื้อผ้าของเฟนดิมีช่วงอายุที่สามารถใส่ได้ค่อนข้างกว้าง” จุดนี้จึงกลายเป็นจุดเด่นสำคัญโดยเฉพาะในคอลเล็กชั่นนี้ที่นำเสนอออกมาได้อย่างตรงไปตรงมา

ไม่ว่าจะเป็นลุคที่ดูจัดจ้านบนตัวผู้ใหญ่ ลุคที่ดูตัวบนตัวหญิงสาว หรือจะเป็นลุคที่มีลูกเล่นแต่เติมแต่งด้วยลูกเล่น ก็เห็นได้จากคอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน 2021 จาก Fendi

     ความแคชชวลสบายแต่ไม่คลายความเฉียบคม ผู้เขียนขอนิยามให้คอลเล็กชั่นนี้ของ Silvia Venturini Fendi ไว้แบบนี้ เพราะความโดดเด่นเรื่องซิลูเอตและการเลือกสีที่ดูเรียบโก้มีสไตล์ แต่ไม่ได้แข็งกระด้างจนเป็นเสื้อผ้าแบบเนี้ยบสุดตัวเกินแนวอารมณ์ของฤดูร้อน การวางเลเยอร์เบลเซอร์ ชุดเดรส หรือแม้กระทั่งเสื้อเชิ้ตเริ่มด้วยความเบสิก ก่อนจะค่อยๆ เสริมลูกเล่นให้มีมิติมากขึ้นในแต่ละลุค ด้วยความเบสิกและค่อยๆ เติมลูกเล่นนี่ล่ะทำให้สามารถลื่นไหลให้เหมาะได้กับทุกช่วงอายุ เสื้อผ้าที่ดูผู้ใหญ่ก็โก้ได้บนร่างของหนุ่มสาว ส่วนเสื้อผ้าที่มีการแต่งเติมให้สนุกสนานก็น่าสนใจบนร่างกายของผู้มีอายุได้เหมือนกัน

ไม่ว่าจะเรื่องเพศ ชาติพันธุ์ อายุ หรือแม้แต่รูปร่าง ก็ไม่ใช่อุปสรรคสำหรับการนำเสนอความงามในคอลเล็กชั่นนี้

     ความหลากหลายไม่ได้หยุดแค่เรื่องอายุเท่านั้น เพราะเฟนดิคอลเล็กชั่นไม่ได้ป่าวประกาศออกมาโต้งๆ เรื่องคอนเซปต์การทำโชว์ ทว่าเมื่อดูโชว์จริงจะเห็นว่าลุคบนรันเวย์รวมกว่า 67 ลุคนั้น ถูกจัดกลุ่มไว้อย่างมีจังหวะจะโคน และเสื้อผ้าในแต่ละเซตจะมีความหลากหลายเหมาะสมสำหรับทุกกรอบความหลากหลาย โดยเฉพาะช่วงหลังที่เราจะเห็นว่าเสื้อผ้าในแนวเดียวกัน กลุ่มสีใกล้เคียงกัน ซิลูเอตคล้ายกัน ถูกจัดแจงให้อยู่บนตัวแบบที่ต่างกันทั้งเรื่อง เพศ ช่วงวัย รูปร่าง สีผิว และชาติพันธุ์ เพราะฉะนั้นนี่คือข้อความลับของเฟนดิค่อยๆ สร้างความตระหนักเรื่องความงามให้มีความชัดเจนโดยไม่ยัดเยียด มันไม่ใช่ว่าอยากทำให้ดูหลากหลายก็สร้างชุดให้เหมาะกับคนพลัสไซส์แต่ไม่ได้เลียนล้อไปกับคอลเล็กชั่น แต่แบรนด์ดังจากเมืองหลวงประเทศอิตาลี ทำให้เห็นว่าทุกคนสามารถชื่นชมความงามประเภทเดียวกันได้แม้จะเป็นมนุษย์ผู้แตกต่างกัน

คอลเล็กชั่นสตรีคอลเล็กชั่นสุดท้ายของ Silvia Venturini Fendi ฝากข้อความอันน่าสนใจไว้ไม่น้อยเลยทีเดียว

     สุดท้าย....นี่น่าจะเป็นคอลเล็กชั่นสุดท้ายของซิลเวียก่อนจะมีดีไซเนอร์หนุ่มไฟแรงอย่าง Kim Jones มารับช่วงต่อในการรังสรรค์เสื้อผ้าฝั่งสุภาพสตรี การส่งข้อความครั้งนี้จึงเป็นข้อความสำคัญที่ถูกนำเสนอจากความรู้สึกของดีไซเนอร์มากประสบการณ์แห่งบ้านเฟนดิ โลกยุคปัจจุบันกับแฟชั่นแห่งความหลากหลายไม่ใช่แวดวงแห่ง “ผักชีโรยหน้า” อีกต่อไป แต่ความงามทุกรูปแบบควรถูกสรรเสริญอย่างจริงใจในทุกด้าน เสื้อผ้าเฟนดิจึงกลายเป็นกระบอกเสียงให้ทุกคน “หน้าร้อนหน้าใครก็สวยได้ด้วยเฟนดิ” ข้อความที่ดูขายหนักแบบนี้กลับสร้างความเข้าใจเรื่องความหลากหลายได้เรียบง่ายที่สุด....

 

ภาพ: Alessandro Lucioni / Vogue Runway