บ.ก.โว้กอังกฤษตั้งคำถาม...ทำไมไอจีถึงจัดการข่าวปลอมโควิด-19 ได้ แต่จัดการคอมเมนต์เหยียดสีผิวไม่ได้!
“ทำไมบัญชีอินสตาแกรมจึงสามารถขึ้นแถบข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 ได้โดยอัตโนมัติ หรือคว่ำบาตรภาพถ่ายเปลือยได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่สามารถจัดการกับคอมเมนต์แนวเหยียดเชื้อชาติที่มีอย่างท่วมท้นบนแพลตฟอร์มของพวกเขาได้”...
ถือเป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ได้รับการถกเถียงอย่างกว้างขวาง และเข้มข้นมาเป็นเวลานานบนโลกโซเชียลมีเดีย กับแสดงความคิดเห็นเชิงเกลียดชังหยาบคายอย่าง “การเหยียดสีผิว”, “การเหยียดเชื้อชาติ” ไปจนถึง “การเหยียดเพศ” ที่หลายคนก็ยังคงถามหามาตรการอันแน่ชัดจากองค์กรผู้ผลิต และรับผิดชอบต่อแพลตฟอร์มเฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ในการจำกัดความคิดเห็นเหล่านี้ ที่ดูเหมือนจะไหลหลากราวน้ำท่วม และยิ่งทวีคูณสร้างความเกลียดชังให้เกิดขึ้นในสังคมโลกตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน กระนั้นล่าสุด Edward Enninful บรรณาธิการบริหารของโว้กประเทศอังกฤษ ก็ยังได้ออกมาตั้งคำถามน่าสนใจผ่านบัญชีอินสตาแกรมส่วนตัวของเขาอีกว่า “ทำไมบัญชีอินสตาแกรม และทวิตเตอร์ จึงสามารถขึ้นแถบข้อมูลเกี่ยวกับโรคระบาดโควิด-19 ได้โดยอัตโนมัติ หรือแม้แต่อินสตาแกรมที่สามารถตรวจจับ และคว่ำบาตรภาพถ่ายเปลือยได้อย่างรวดเร็ว แต่กลับไม่สามารถจัดการกับคอมเมนต์แนวเหยียดเชื้อชาติที่มีอย่างท่วมท้นบนแพลตฟอร์มของพวกเขาได้”...
หลังจากที่เอ็ดเวิร์ดได้โพสต์ข้อความดังกล่าวลงบนอินสตาแกรม ก็ทำให้เกิดกระแสการเข้ามาแสดงความคิดเห็นของทั้งเหล่าแฟนคลับทั่วไป จนถึงเหล่าเซเลบริตี้ชื่อดังอย่าง Gigi Hadid และ Naomi Campbell ซึ่งซูเปอร์โมเดลรายหลังนี้ได้แสดงความคิดเห็นไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า อยากจะให้ทุกคนร่วมหาทางออกไปพร้อมๆ กัน จุดประกายให้โพสต์ดังกล่าวได้รับการพูดถึงอย่างไม่มีที่สิ้นสุด... อย่างไรก็ตามแท้จริงแล้วคำถามนี้ไม่ได้เพิ่งถูกตั้ง ทว่าการนำมาเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในยุคโรคระบาดตอนนี้ กลับยิ่งทำให้เห็นถึงวิธีการจัดการปัญหาของแพลตฟอร์มต่างๆ อย่างชัดเจน ที่ดูจะไม่ยุติธรรม และไม่ทั่วถึงเท่าที่ควร ทั้งที่เรื่องการสร้างความเกลียดชังด้วยการเหยียดเชื้อชาติก็นับเป็นประเด็นอ่อนไหวไม่แพ้กันกับประเด็นอื่นๆ
ย้อนกลับไปเมื่อช่วงเดือนเมษายน 2021 ที่ผ่านมา อินสตาแกรมได้เริ่มเผยแพร่เครื่องมือที่จะช่วยกรองข้อคำพูดหยาบคาย และไม่เหมาะสม ที่ถูกส่งเข้ามาหาผู้ใช้ผ่าน Direct Message และเมื่อช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา ทางแพลตฟอร์มของเฟซบุ๊ก, ทวิตเตอร์ และอินสตาแกรม ยังได้ออกมาสัญญาอย่างแข็งขันกับกลุ่มผู้ใช้ว่า จะทำงานอย่างหนักเพื่อจำกัด และกำจัดความคิดเห็น หรือบัญชีผู้ใช้ที่เนื้อหาเหยียดหยาม หยาบคาย และสร้างความเกลียดชัง หลังจากที่มีเนื้อหาประเภทนี้เพิ่มมากขึ้นอย่างน่าตกใจในช่วงการแข่งขันฟุตบอลยูโร ประจำปี 2020 รอบตัดเชือกที่ผ่านมา ซึ่งเหยื่อในครั้งนี้ก็คือนักฟุตบอลผิวดำชาวอังกฤษนามว่า Bukayo Saka ที่เขาได้ออกมาพูดถึงความรู้สึกต่อสิ่งที่เขาต้องเจอในภายหลังว่า “เขาไม่ต้องการให้เยาวชน หรือผู้ใหญ่คนไหนก็ตาม สร้างความเกลียดชัง หรือความโกรธผ่านเนื้อหาความคิดเห็นเหยียดความเป็นมนุษย์บนโลกโซเชียลมีเดียอีกต่อไปแล้ว เพราะมันช่างโหดร้ายต่อจิตใจของผู้ที่โดนโจมตีอย่างหาอะไรมาเปรียบไม่ได้” ทั้งนี้ยังไม่รวมข้อมูลสถิติอื่นๆ ที่บ่งชี้ได้ว่าเนื้อหาการเหยียดเชื้อชาติ, สีผิว และเพศสภาพ ที่ปรากฏในโลกโซเชียลมีเดียนั้น มีผลทำให้สถิติการฆ่าตัวตายของวัยรุ่นเพิ่มขึ้นอย่างน่าอนาถใจ
จากการออกมาตั้งคำถามต่อแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียของเอ็ดเวิร์ดในครั้งนี้ ก็ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้เกิดคำถามต่อไปอีกว่า “เพราะทีมงานที่เกี่ยวข้องไม่ใส่ใจประเด็นการเหยียดเชื้อชาติเท่าที่ควร หรือได้ผลประโยชน์ใดจากสิ่งนี้หรือไม่” กระนั้นก็ยังมีอีกหลายคนที่วิพากษ์กลับมาในอีกแง่มุมโดยอ้างว่า ผู้ใช้สามารถตามลบคอมเมนต์เหล่านั้นได้ด้วยตัวเอง แต่ก็ยังเป็นที่น่าตั้งคำถามตามเอ็ดเวิร์ดต่อไป (แม้แต่ตัวผู้เขียนเองที่ก็สงสัยไม่ต่างกัน) ว่า “แล้วทำไมจึงไม่มีระบบอัตโนมัติในการแจ้งเตือนได้เท่าเทียม รวดเร็ว และมีประสิทธิภาพเท่ากับที่ใช้จัดการกับประเด็นร้อนแรงอื่นๆ” ...แล้วคุณล่ะคิดเห็นอย่างไรกับประเด็นนี้
WATCH
ข้อมูล : Instagram: @edward_enninful, BBC, The Independent
WATCH