เจาะลึกแรงบันดาลใจ เบื้องหลังคอลเล็กชั่น Spring/Summer 2020 จากแบรนด์ Dior

     ต้นไม้จำนวน 164 ต้นบนรันเวย์ในคอลเล็กชั่นล่าสุดจากห้องเสื้อ Dior ในช่วงปารีสแฟชั่นวีก ต้อนรับฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ประจำปี 2020 คือเครื่องยืนยันได้เป็นอย่างดีว่า โลกแฟชั่นได้โคจรมาพบกับกระแส Sustainability แล้วเป็นที่เรียบร้อย หากลึกลงไปกว่านั้น ยังมีเรื่องราวส่วนตัวเกี่ยวข้องกับดีไซเนอร์ผู้เป็นตำนาน ผู้ก่อตั้งแฟชั่นเฮาส์ดิออร์อย่าง คริสเตียน ดิออร์ แอบแฝง เป็นแรงบันดาลใจสำคัญให้ Maria Grazia Chiuri ได้หยิบยกขึ้นมาเป็นวัตถุดิบสร้างสรรค์คอลเล็กชั่นล่าสุด ซึ่งเริ่มต้นจากธีมของต้นไม้ไปจนถึงพลังสตรีนิยมของ Catherine Dior พี่สาวของคริสเตียน ดิออร์...

ภาพของ Catherine Dior / ภาพ : DailyMail UK

 

     คริสเตียน ดิออร์ คือหนึ่งในดีไซเนอร์ระดับตำนาน ที่หลงใหลในสวนธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมธรรมชาติอย่างมาก สิ่งเหล่านี้มีอิทธิพลต่อการสร้างสรรค์ผลงานของเขา ตั้งแต่ซิลูเอตของชุด Dior New Look ที่เปลี่ยนให้กรุงปารีสให้กลายเป็นเมืองหลวงแฟชั่นในปี 1947 (ที่มีรูปร่างเหมือนจับดอกไม้มาคว่ำ) ไปจนถึงแพทเทิร์นของพืช และสัตว์บนผ้าพิมพ์ลาย Toile de Jouy ที่เคยประดับประดาไว้บนผนังร้านค้าดั้งเดิมของเขา ณ  Parisian Avenue Montaigne เลขที่ 30 เรื่อยมาจนถึงคอลเล็กชั่นประจำฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2020 โดยฝีมือการสร้างสรรค์ของมาเรีย กราเซีย คิอูริ ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์แห่งดิออร์ ยังได้รับแรงบันดาลใจจากมรดกตกทอดของแฟชั่นเฮาส์สัญชาติฝรั่งเศสหลังนี้ และสวนธรรมชาติ หากไม่เหมือนที่ใครได้คาดคิดไว้ เพราะแทนที่จะคิดถึงเครื่องประดับ และการตกแต่งที่เป็นมรดกของแบรนด์ดิออร์ กราเซียกลับมองไปที่แคทเธอรีน ดิออร์ พี่สาวของคริสเตียน ดิออร์ ซึ่งเคยเป็นสมาชิกของกลุ่มต่อต้านฝรั่งเศส ซึ่งเคยมีประสบการณ์เข้าฝึกงานในค่ายกักกันเยอรมัน ในช่วงสงครามโลกครั้งที่สอง ก่อนที่ชีวิตจะพลิกผันกลายมาเป็น “คนทำสวน” อย่างเต็มตัวในภายหลัง

     และแน่นอนว่า คนทำสวนจำนวนไม่น้อย (เฉกเช่น แคทเธอรีน ดิออร์) เป็นกลุ่มคนรักหมวกตัวยง หมวกจึงกลายเป็นอีกหนึ่งไอเท็มชิ้นสำคัญ และมีบทบาทบนรันเวย์ในฤดูกาลนี้อย่างมากสำหรับดิออร์ “คนทำสวนทุกคนต้องการหมวก เพื่อปกป้องพวกเขาจากดวงอาทิตย์” สตีเฟ่น โจนส์ ช่างผลิตหมวกชาวอังกฤษผู้สร้างสรรค์หมวกให้กับห้องเสื้อดิออร์ในคอลเล็กชั่นล่าสุด ได้กล่าวไว้ ก่อนที่จะอธิบายต่อไปอีกว่า "สำหรับไอเท็มหมวกของดิออร์ในฤดูกาลนี้ คือการผสมผสานกันระหว่าง หญ้าจากสวิตเซอร์แลนด์ อิตาลี ฟิลิปปินส์ และฝรั่งเศส ที่ถูกนำมาใช้สร้างสรรค์ผสมผสานกันอย่างลงตัว จนกลายเป็นหมวกฟางทรงบักเก็ตอย่างที่ทุกคนได้เห็นกัน”

     ซึ่งไม่นานก่อนที่แฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่นฤดูใบไม้ผลิ / ฤดูร้อน ปี 2020 ของแบรนด์ดิออร์จะจัดแสดงที่กรุงปารีส ผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ยังมีโอกาสได้ให้สัมภาษณ์กับโว้กอเมริกา เพื่อหารือเกี่ยวกับทฤษฎีพฤกษศาสตร์ และการวิจัยทางธรรมชาติ รวมไปถึงความร่วมมือกับกลุ่มวางผังเมือง ซึ่งทั้งหมดนี้คือแรงบันดาลใจสำคัญในคอลเล็กชั่นล่าสุดที่คุณได้ชมกันไป...

1 / 3

2 / 3

3 / 3

     Vogue : ทำไมคุณถึงเลือกแคทเธอรีน ดิออร์ ให้เป็นแรงบันดาลใจสำคัญในฤดูกาลนี้?

     Maria Grazia Chiuri : หลังจากจบสงครามโลกครั้งที่สอง แคทเธอรีนได้เริ่มบทบาทใหม่ของชีวิต ด้วยการทำงานเป็นคนสวน และขายดอกไม้ อยู่ที่ตลาดแห่งหนึ่งใน Les Halles กรุงปารีส ก่อนที่จะย้ายไปอยู่ทางตอนใต้ของประเทศฝรั่งเศสกับพ่อของเธอ และเมื่อ คริสเตียน ดิออร์ ได้ซื้อคฤหาสน์ Château de la Colle Noire แคทเธอรีน ดิออร์ ก็ได้ย้ายที่พำนักมาอาศัยอยู่ที่แห่งนี้เพื่อปลูกดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมจำนวนมาก ทั้งกุหลาบ ดอกมะลิ และดอกลาเวนเดอร์ อีกทั้งฉันยังมองว่าการผันตัวเองจากการเป็นสมาชิกของกลุ่มต่อต้านฝรั่งเศส สู่การเป็นคนทำงานในสวนธรรมชาตินั้น ไม่ใช่เรื่องธรรมดาในเวลานั้น และแน่นอนว่าทุกคนรู้จักน้ำหอม "Miss Dior" แต่หลายคนไม่รู้จักผู้หญิงที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับน้ำหอมรุ่นนี้ ฉันจึงตัดสินใจอุทิศโชว์ในครั้งนี้เพื่อเฉลิมฉลองให้กับแคทเธอรีน อย่างเต็มที่ เพราะฉันเชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ทันสมัยมากจริงๆ คนหนึ่ง

1 / 4

2 / 4

3 / 4

4 / 4

     Vogue : ทำไมคุณถึงคิดว่าคริสเตียน และ แคทเธอรีน ดิออร์ มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับสวนธรรมชาติอย่างมาก

     Maria Grazia Chiuri : แม่ของคริสเตียน และแคทเธอรีน ดิออร์ เคยมีสวนสวยในบ้านของครอบครัวของพวกเขา ที่แกรนวิลล์ ที่แม้ว่าสภาพอากาศที่นั่น และทำเลที่ตั้งที่มองเห็นทะเล จะไม่เหมาะสำหรับการเพาะปลูกดอกไม้สักเท่าไหร่ [ซึ่งต่อมาคริสเตียน ดิออร์ ยังได้เขียนอธิบายไว้ในอัตชีวประวัติเรื่อง "Dior by Dior" ว่าชีวิต และสไตล์ของเขาทั้งหมดนั้น มาจากบ้านและสวนแห่งนี้] และหลังจากความน่ากลัวของสงครามโลกครั้งที่สองสิ้นสุดลง ฉันจึงคิดว่าพวกเขาทั้งคู่ก็คงค้นหาความงามอย่างขะมักเขม้น หนึ่งในนั้นคือเหล่าดอกไม้ และสวนสวยอย่างแน่นอน

     

     Vogue : แบรนด์ดิออร์กลายเป็นที่รู้จักด้วยการสร้างสรรค์ผลงานระดับตำนานประดับไว้ในโลกแฟชั่น แล้วสิ่งนี้สะท้อนให้เห็นในคอลเล็กชั่นใหม่อย่างไร

     Maria Grazia Chiuri : สิ่งที่เรานำเสนอนี้นับเป็นแนวคิดที่จะช่วยดูแลทุกคนบนโลกที่เราอาศัยอยู่ ไม่ต่างจากที่แคทเธอรีน ดิออร์ และผู้หญิงคนอื่น ๆ บนหน้าประวัติศาสตร์ ได้ดูแลสวนของพวกเธอด้วยความเอาใจใส่ อีกทั้งแนวคิดสตรีนิยมสมัยใหม่ทั้งหมดยังได้พูดถึงมนุษย์ กับธรรมชาติ ที่ดิออร์ก็พร้อมที่จะโคจรโลกทั้งสองใบให้เข้ามาใกล้กันอีกครั้งหนึ่งด้วยเช่นกัน

1 / 4

2 / 4

3 / 4

4 / 4

     Vogue : สำหรับโชว์บัลเล่ต์ "Nuit Blanche" ของ Sébastien Bertaud ที่ Teatro dell'Opera di Roma ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา (โชว์คอลเล็กชั่นประจำฤดูกาลใบไม้ผลิ/ฤดูร้อน ปี 2019) สิ่งนี้ยังมีอิทธิพลต่อคอลเล็กชั่นล่าสุดในทางใดทางหนึ่งหรือไม่

     Maria Grazia Chiuri : Sébastien และฉันยังใช้เวลาในช่วงฤดูร้อนนี้ไปกับบัลเล่ต์เรื่อง Utopia ซึ่งจัดแสดงขึ้นที่ Origen Festival Cultural ในประเทศสวิตเซอร์แลนด์ โดยงานชิ้นนี้มีพื้นฐานมาจาก Monte Verita ซึ่งเป็นสถานที่พิเศษมาก ที่สามารถมองเห็นทะเลสาบ Maggiore ซึ่งใกล้กับชายแดนอิตาลี ในตอนต้นของศตวรรษที่ 20 ที่นี่คือชุมชนของศิลปิน และเหล่านักคิด (ไม่ว่าจะเป็นนักจิตวิทยาคาร์ล จุง, นักเต้น Isadora Duncan, จิตรกร Paul Klee และนักเขียน Hermann Hesse) ที่เดินทางมาที่นี่เพื่อสร้างผลงานชิ้นใหม่ ราวกับพวกเขาได้กลับมาสู่ธรรมชาติอีกครั้ง

      ในอดีตแฟชั่นอาจจะเกี่ยวข้องกับการแสดงความเป็นตัวของตัวเองต่อคนอื่น แต่มาถึงตอนนี้ฉันกลับคิดว่า แฟชั่นเป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขาจะสามารถช่วยให้คุณรู้สึกดี และปลอดภัยมากขึ้นในความเป็นตัวเอง นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ฉันสนุกกับการทำงานกับนักเต้น เพราะพวกเขารู้วิธีแสดงออกผ่านร่างกายของพวกเขา และพวกเขาก็ยังรู้อีกว่าจะสามารถปรับปรุง และพัฒนาสิ่งเหล่านั้นต่อไปได้อย่างไร

     Vogue : แล้วแนวคิดเหล่านี้เกี่ยวข้องกับ "ธรรมชาติ" ในโชว์คอลเล็กชั่นนี้อย่างไร

     Maria Grazia Chiuri : ดิออร์เป็นอีกหนึ่งแบรนด์ที่ต้องการจะสร้างบทสนทนาอันสำคัญให้เกิดขึ้นในสังคมปัจจุบัน กระตุ้นให้เราทุกคนต่างตระหนักถึงความสำคัญของการพัฒนาที่ยั่งยืน และสถานการณ์ของโลกทุกวันนี้ เมื่อปีที่ผ่านมา ฉันได้มีโอกาสไปเยี่ยมชม Manifesta Art Biennial ในซิซิลี และพบเข้ากับ Coloco ซึ่งตั้งอยู่ในกรุงปารีส เป็นกลุ่มของนักทำสวนภูมิทัศน์ ที่รวมตัวของชาวสวน และศิลปินที่ตั้งใจนำธรรมชาติกลับคืนสู่ชุมชน นั่นจึงเป็นที่มาของฉากหลังในฤดูกาลนี้ ที่เราได้เนรมิตสวนรุกขชาติขึ้น โดยได้กลุ่ม Coloco ดังกล่าว มาช่วยร่วมวางแผนสร้างสรรค์สวนในเมือง ณ ใจกลางกรุงปารีส เพราะสวนธรรมชาติเป็นสิ่งที่ทำขึ้นเพื่ออนาคตอย่างแท้จริง เพราะมันคือสื่อกลางสำคัญในการนำออกซิเจนมาสู่ชีวิตของพวกเรา และสภาพแวดล้อมเป็นสิ่งที่ส่งผลกระทบต่อทุกคนโดยตรง ไม่เพียงเท่านั้น เพราะหลังการแสดงโชว์คอลเล็กชั่นดังกล่าวจบลง ต้นไม้ที่อยู่ในกระถางทั้งหมดที่ทุกคนได้เห็นบนรันเวย์ในครั้งนี้ จะถูกส่งไปที่ Coloco เพื่อให้ทางกลุ่มดังกล่าวได้ช่วยปลูกต้นไม้ในสวนใจกลางกรุงปารีส และกระจายไปสู่โครงการอื่นๆ อีกด้วย

 

     Vogue : แนวคิดแบบองค์รวมที่มีต่อสวนธรรมชาติที่มีมากขึ้นเรื่อยๆ ได้เข้าไปอยู่ในการออกแบบคอลเล็กชั่นดังกล่าวบ้างหรือไม่?

     Maria Grazia Chiuri : สำหรับภาพพิมพ์และการเย็บปักถักร้อย ที่ปรากฏอยู่ในคอลเล็กชั่นนี้ (เฉกเช่นเหล่าเครื่องประดับนั้น) ฉันตัดสินใจที่จะอ้างถึงพืชธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นผักโขม และดอกแดนดิไลอัน อีกทั้งเรื่องของสีในคอลเล็กชั่นดังกล่าว ยังได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักปรัชญา Charles Webster Leadbeater และภาพวาดของจิตรกรชื่อดังอย่าง Auras (ซึ่งเป็นสีที่แสดงถึงอารมณ์ที่แตกต่าง) ที่มักจะหมกมุ่นกับ Monte Verità สถานที่ประวัติศาสตร์ทางธรรมชาติ ซึ่งเป็นหนึ่งในแหล่งสมุนไพรที่ใหญ่ที่สุด และเก่าแก่ที่สุดในโลก ที่นับเป็นทรัพยากรที่สำคัญด้วยเช่นกัน

     และท้ายที่สุดแล้ว ในฐานะของนักออกแบบฉันมองว่า มันเป็นความรับผิดชอบของฉันที่จะต้องสร้างสรรค์เสื้อผ้าโดยคำนึงถึงทั้งความสวย และความสะดวกสบายในการสวมใส่ในเวลาเดียวกัน นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ทุกคนได้เห็นกระเป๋า และรองเท้าส่วนใหญ่ ที่ทำด้วยเทคนิคผ้าใบปักที่พัฒนาโดยทีมงานคนสำคัญ และรองเท้าแบบ Espadrille เพราะสำหรับฉันแล้วฟังก์ชั่นการใช้งานก็นับเป็นส่วนสำคัญไม่น้อยในการสร้างสรรค์ผลงาน...