Dior x Harrods
FASHION

Dior แปลงโฉมห้าง Harrods ให้เป็นบ้านขนมปังขิงหลังยักษ์ ต้อนรับเทศกาลคริสต์มาสปีล่าสุด

เตรียมตัวต้อนรับเทศกาลคริสมาสต์ปีนี้ ไปพร้อมกับต้นคริสต์มาสสวยตระการตา และบ้านขนมปังขิงหลังยักษ์

     ไม่อาจปฏิเสธได้ว่า เทศกาลคริสต์มาสของดิออร์คือธุรกิจ และสำหรับปีนี้แบรนด์แฟชั่นยักษ์ใหญ่แห่งวงการแฟชั่น และความงาม ก็จับมือร่วมกับห้างแฮร์ร็อดส์ พร้อมยึดพื้นที่ตกแต่งตัวอาคารครอบคลุมหน้าต่างจัดแสดงสินค้าไม่น้อยกว่า 44 จุดรวมถึงติดตั้งไฟประดับเป็นสัญลักษณ์ต่างๆ ประจำแบรนด์ ไม่ว่าจะเป็นดาว, ดอกกุหลาบ และอีกมากมาย มอบความสว่างไสวไปทั่วบรรยากาศแห่งการเฉลิมฉลองอย่างแท้จริงให้ปรากฏต่อสายตาของผู้ที่สัญจรผ่านไปมา ไม่เพียงแต่ภายนอก ซึ่งทีมงาน 200 ชีวิตใช้เวลากว่าหนึ่งปีไปกับการพัฒนางานออกแบบ และเทคนิคต่างๆ สำหรับการสร้างสรรค์ครั้งนี้ ภายในก็ไม่น้อยหน้า มีความพิเศษไว้รอท่าลูกค้าผู้มาเยือนอีกมากมาย

     “แค่ชื่อ The Fabulous World of Dior ที่แปลความตรงตัวว่า ‘โลกแห่งความเป็นเลิศของ Dior’ ซึ่งบอกได้ทุกอย่าง” เปียโตร เบ็กการี ประธานแผนก และประธานคณะกรรมการบริหารของ Christian Dior Couture กล่าวกับนิตยสารโว้กอังกฤษ ถึงกลยุทธ์การครองพื้นที่ทุกชั้นของห้างสรรพสินค้าแฮร์ร็อดส์ รวมถึงการตั้งบูติกป๊อปอัพถึงสองจุด โดยมีการติดตั้งสายพานเชื่อมต่อสำหรับใช้ลำเลียงของขวัญ One Dior อันหลากหลายครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทุกกลุ่ม ทุกประเภท ตั้งแต่สินค้าแฟชั่นไปจนถึงผลิตภัณฑ์ความงาม และคาเฟ่ที่เสิร์ฟบิสกิตสุดหรูไม่น้อยหน้างานออกแบบบ้านขนมปังขิงของด้านหน้าตัวอาคาร ซึ่งมอบความสว่างไสวไปทั่วถนนบรอมพ์ตัน

     ระหว่างที่เหล่าสาวกแฟชั่นพากันไล่ล่าหาเครื่องแต่งกายอันล้ำค่าดุจอัญมณีจากสูทสีเขียวแฮร์ร็อดส์ที่คิม โจนส์ เป็นผู้ออกแบบ ไปจนถึงกระเป๋าบุ๊คโทต  หนึ่งในผลงานสัญลักษณ์จาก มาเรีย กราเซีย คิอูริ รุ่นที่ตกแต่งด้วยงานพิมพ์ลาย Rêve d’Infini เป็นครั้งแรก บรรดาสาวกความงามก็ย่อมปรารถนาจะใช้เวลาอย่างเต็มที่ในการเดินสำรวจป๊อปอัพทั้งสองจุดอย่างเพลิดเพลินไปกับน้ำหอม, เมกอัพ และผลิตภัณฑ์ถนอมผิวมากมาย อีกทั้งยังมีไฮไลต์เด็ดสำหรับทีมโว้ก เป็นเวิร์คชอปน้ำหอม ซึ่งจัดขึ้นสำหรับคอลเล็กชั่นน้ำหอมชั้นสูง La Collection Privée ตลอดจนลูกเล่นการนำเสนอผลงานแบบ 'หนึ่ง-เดียว-ใน-โลก' อย่างเช่นตั่งที่นั่งในเลื่อนหิมะขนาดจิ๋วสำหรับใช้แสดงน้ำหอม Miss Dior Eau de Parfum รุ่นบรรจุขวด “พันบุปผา” หรือ Millefiori edition และงานออกแบบขวดน้ำหอม J’adore รุ่นใหม่โดยอินเดีย มาห์ดาวี ไปจนถึงลากเลื่อนหิมะสำหรับเดินทางอันเจิดจรัสเพียงหนึ่งเดียวที่จะมีลูกค้าแฮร์ร็อดส์ผู้โชคดีเพียงหนึ่งคนเท่านั้นถึงได้สิทธิ์ในการซื้อ



WATCH




     “หนึ่งในแง่มุมอันชัดเจนของ House of Dior หรืออาจเรียกได้ว่าเป็นภารกิจหนึ่งขององค์กรนั้นก็คือ การจุดประกายความฝัน จินตนาการ และอารมณ์ปรารถนาให้เกิดขึ้นในใจ” เบ็กการิอธิบายถึงหัวใจสำคัญของโครงการครั้งนี้ รวมถึงแนวทางการจัดแสดงสีสันแบบ Colorama display ซึ่งก่อนหน้านี้ถูกนำไปใช้กับนิทรรศการครั้งต่างๆ ของแบรนด์ อาทิเช่น นิทรรศการ La Galerie Dior ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เป็นต้น

     “แฮร์ร็อดส์หาได้เป็นแค่ห้างสรรพสินค้าระดับตำนานที่สุดในอังกฤษเท่านั้น ทว่ายังเป็นที่รู้จักของคนทั่วโลก และการที่ดิออร์ลงทุนมาปรากฏตัวอย่างโดดเด่นไปทั่วทั้งตัวอาคารห้างสรรพสินค้า ย่อมหมายถึงการเป็นจุดดึงดูดของทุกสายตาอย่างไม่ต้องสงสัย และไม่มีอะไรจะเปรียบเทียบได้ อีกทั้งยังสร้างกระแสนิยมในระดับสากลได้อย่างแน่นอน”

     นอกเหนือจากจะเป็นเรื่องของธุรกิจพาณิชย์แล้ว การร่วมงานครั้งนี้ ยังแสดงให้เห็นถึงความผูกพันอันแน่นแฟ้นระหว่างห้องเสื้อแฟชั่น กับห้างสรรพสินค้าอีกด้วย เนื่องจากในอดีต เราจะสังเกตเห็นได้อย่างชัดเจนว่า มงซิเออร์คริสเตียน ดิออร์ มีความชื่นชมต่อความงามสง่าแบบอังกฤษอย่างแท้จริง ดังที่ปรากฏผ่านข้อความที่เขาเขียนไว้ในบันทึกความทรงจำส่วนหนึ่งว่า “ไม่มีวิถีการดำเนินชีวิตในประเทศใดทำให้ผมเป็นปลื้มได้มากไปกว่านี้...ผมรักธรรมเนียมปฏิบัติแง่มุมต่างๆ ของอังกฤษ ความสุภาพ แบบแผนมารยาท ไปจนถึงสถาปัตยกรรม แม้กระทั่งอาหารการกิน” ในค.ศ. 1953 หกปีให้หลังจากเขาเปิดตัวผลงานนิวลุค และจัดแสดงคอลเล็กชั่นของตนในกรุงลอนดอนเป็นครั้งแรกที่โรงแรม The Savoy แล้ว คริสเตียน ดิออร์ ก็ได้ตัดสินใจเปิดบูติกเดี่ยวของแบรนด์ขึ้นในห้างแฮร์ร็อดส์ ซึ่งยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบัน

     ความผูกพันอันยาวนานได้รับการแสดงให้เห็นผ่านนิทรรศการชวนฝัน ซึ่งจัดขึ้นบนพื้นที่ในห้างสรรพสินค้าภายใต้ชื่อ “อาณาจักรแห่งความฝัน” หรือ Kingdom of Dreams ซึ่งผู้มาเยือนทุกคนจะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับลูกเล่นพลิกแพลงการตกแต่งอันน่ารัก พร้อมด้วยความอ่อนหวานของบ้านขนมปังขิงมาใช้รองรับแบบจำลองสถานที่สำคัญทั้งหลายในชีวิตของคริสเตียน ดิออร์ ไม่ว่าจะเป็นบ้านเกิดที่กรองวิลล์ ไปจนถึงบ้านพักชนบทที่ ลา ก็อลล์ นัวร์ และบูติกแห่งแรก ณ อาคารเลขที่ 30 ถนนมงแตญ กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส สถาปัตยกรรมย่อส่วนเสมือนจริงเหล่านี้ ได้รับการจัดวางไว้ท่ามกลางรายละเอียดตกแต่งซึ่งทำจากคุกกี้ เพื่อเตือนให้นักช็อปทั้งหลายได้จดจำถึงเส้นทางชีวิต และการทำงานอันยาวนานของ คริสเตียน ดิออร์ ถ้าการจับตาดูชุดเดรส Miss Dior รุ่นต้นแบบทำจากบิสกิต หรือนางฟ้าเนรมิตลูกอมให้กลายเป็นบาร์แจ็กเก็ต หาได้ทำให้คุณต้องรีบรุดไป Dior café ได้แล้ว เราก็คงไม่รู้จะว่าอย่างไรอีกต่อไปแล้ว และอย่าลืมซื้อลูกกวาด ‘เข็มทิศดอกกุหลาบ’ สัญลักษณ์อันทรงคุณค่าแห่ง House of Dior และเป็นที่รักยิ่งของนักออกแบบผู้ก่อตั้ง ซึ่งเข็มทิศดอกกุหลาบนี้ยังปรากฏในรูปแบบของลูกโป่งขนาดมหึมาหน้าตัวห้างสรรพสินค้าเพื่อล่อสายตานักชอปทั้งหลาย บนถนนเคนซิงตัน ให้มุ่งหน้ามาซื้อ One Dior ไว้ในครอบครองของตนเอง ซึ่งเบ็กการิให้คำจำกัดความแก่นิทรรศการครั้งนี้ได้อย่างดีที่สุดว่า “มหัศจรรย์ ชวนฝัน มอบความสนุกสนานของการเฉลิมฉลองอันมิอาจลืมสมกับเป็น ‘อาณาจักรแห่งความฝัน’ อย่างแท้จริง”

ข้อมูล : British Vogue

WATCH

คีย์เวิร์ด: #Dior #Harrods #ChristmasFestival