FASHION
จะมืดแค่ไหนก็ไม่กลัว เพราะชุดเรืองแสงจากดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสจะมาเปลี่ยนโลกแฟชั่นบางครั้งเทคโนโลยีก็สามารถนำเสนอผ่านความสวยงามด้านแฟชั่นได้อย่างสมบูรณ์แบบ |
แฟชั่นกับความโดดเด่นเป็นของคู่กันอยู่แล้ว ดังนั้นการจะรังสรรค์เสื้อผ้านั้นต้องมีจุดเด่นเป็นเอกลักษณ์ ถึงแม้ว่าจะไม่ใช่สไตล์ที่ตะโกนดังชัดเจนด้วยลวดลายหรือสีสัน แต่อย่างน้อยต้องมีเอกลักษณ์โดดเด่นให้ผู้คนสามารถจดจำสไตล์เฉพาะตัวหรือเฉพาะแบรนด์ได้เป็นอย่างดี สิ่งนี้คือประเด็นสำคัญที่จะทำให้แฟชั่นซึ่งต้องนำเสนอผ่านมุมมองด้านความสวยงามปรากฏในสารบบอยู่เสมอ และเมื่อนำหลักคิดนี้มาประกอบกับความคิดสร้างสรรค์ของแต่ละคนก็จะเกิดเป็นแฟชั่นที่มีความแตกต่างกัน วันนี้โว้กจะพาไปชมแฟชั่นอีกหนึ่งรูปแบบที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวโดดเด่นและสามารถดึงดูดความสนใจผู้ชมให้ต้องหยุดชมเมื่อพบเห็น
Clara Daguin ดีไซเนอร์ชาวฝรั่งเศสที่ผสมผสานแฟชั่นกับแสงไฟอิเล็กทรอนิกส์ / ภาพ: CLARA DAGUIN
ความโดดเด่นสำหรับยุค 2021 ของโลกแฟชั่นมักจะมีเรื่องเทคโนโลยีเข้ามาเกี่ยวข้องอย่างสม่ำเสมอ Clara Daguin คือดีไซเนอร์ผู้สร้างสรรค์การผสมผสานระหว่างความละเอียดลออของการทำเสื้อผ้าเข้ากับระบบอิเล็กทรอนิกส์ได้อย่างน่าทึ่ง คลาร่าเกิดในฝรั่งเศสก่อนจะเติบโตในซิลิคอน วัลเลย์ หรือบริเวณแถบตอนใต้ของเมืองซาน ฟรานซิสโก ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นอาณาจักรของมหาอำนาจด้านเทคโนโลยี และดูเหมือนว่าเธอก็เป็นหนึ่งในผลผลิตของย่านแห่งความล้ำนี้เช่นกัน แต่ที่พิเศษกว่าใครเห็นจะเป็นการหยิบเอาความโมเดิร์นจากฝั่งวิทยาศาสตร์มาหลอมรวมกับแง่มุมทางศิลปะได้อย่างกลมเกลียว
ผลงานเสื้อแจ๊กเก็ตประดับไฟอิเล็กทรอนิกส์ของ Clara Daguin / ภาพ: @claradaguin
คลาร่ามีแบรนด์แฟชั่นของตัวเองในชื่อเดียวกับเธอ เอกลักษณ์สำคัญที่ทำให้ชื่อแบรนด์ “Clara Daguin” มีชื่อเสียงขึ้นมาในช่วงแรกคือชุดต่างๆ ของแบรนด์ที่เต็มไปด้วยการประดับไฟอิเล็กทรอนิกส์ส่องสว่างอยู่บนชุดที่ตัดเย็บด้วยความเนี้ยบประณีต ดังนั้นจะเห็นผลงานเธออย่างชัดเจนว่าชุดทุกชุดจะเต็มไปด้วยรายละเอียดของเสื้อผ้าที่ถูกออกแบบมาอย่างดีเยี่ยม พร้อมสำหรับการติดประดับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ โดยเฉพาะไฟส่องสว่าง ทั้งนี้ทั้งนั้นเธอไม่ได้ออกแบบชุดก่อนแล้วจึงนำไฟมาดัดแปลงติดประดับภายหลัง แต่ทุกการออกแบบผ่านกระบวนการคิดเพื่อใช้ไฟเป็นองค์ประกอบมาตั้งแต่แรก
WATCH
ชุดเดรสประดับไฟที่สะท้อนความสามารถในการรังสรรค์เสื้อผ้าอันประณีตผสมผสานกับอุปกรณ์ไฟฟ้า / ภาพ: @claradaguin
นักออกแบบหัวทันสมัยจากฝรั่งเศสคนนี้มองว่าแฟชั่นเป็นสื่อกลางที่ดีที่สุดในการเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างร่างกายของเรากับเทคโนโลยี การใช้แสงไฟแสดงถึงพลังงาน จังหวะการขยับเขยื้อนร่างกายทั้งภายในและภายนอก และแสงไฟในมุมมองของคลาร่ายังหมายถึงความเป็นนิรันดร์ไม่มีสิ้นสุดซึ่งยากจะอธิบาย ดังนั้นเสื้อผ้าของเธอจึงเต็มไปด้วยนัยยะซ่อนเร้นมากมาย ไม่ใช่แค่ชุดเดรสที่ส่องสว่างเรียกแมงเม่า แต่หมายถึงชุดเดรสส่องสว่างให้เห็นเนื้อหาของศิลปะและการผสมผสานระหว่างงานฝีมือกับเทคโนโลยีที่สามารถสอดประสานกันได้อย่างลงตัว
นางแบบ-นายแบบสวมแจ๊กเก็ตของ Clara Daguin ซึ่งแสดงให้เห็นว่าการออกแบบของเธอมีความเป็นยูนิเซ็กส์ / ภาพ: @claradaguin
คอนเซปต์ของคลาร่านั้นไม่ได้ต้องการนำเสนอโลกในอุดมคติหรือย้อนอดีตหาความทรงจำเก่าๆ เท่านั้น แต่เหมือนกับเธอพยายามทดลองเสาะหาความเป็นไปในโลกปัจจุบันมากกว่า หรือจะเรียกง่ายๆ ว่า “เธออยู่กับปัจจุบันอย่างทันสมัย” เสื้อผ้าของเธอเต็มไปด้วยรายละเอียดการตัดเย็บที่แสดงให้เห็นถึงฝีมือการรังสรรค์ชั้นสูง ในขณะเดียวกันก็คำนึงถึงการคำนวณด้านเทคนิคที่สามารถสอดแทรกไฟอิเล็กทรอนิกส์เข้าไปอย่างสมบูรณ์แบบมากที่สุด สำหรับดีไซเนอร์หัวโมเดิร์นคนนี้มองว่าแฟชั่นของเธอไม่ใช่ชุดสำหรับการใช้งานในทุกๆ วันเท่าไรนัก แต่เน้นถึงความน่าตื่นตาตื่นใจ สร้างความเซอร์ไพรส์ แสดงถึงอารมณ์ความรู้สึก และที่สำคัญทุกอย่างต้องถูกพิจารณาอย่างถี่ถ้วนทั้งตอนคิด ระหว่างทำ นำเสนอ รวมถึงตอนสวมใส่อีกด้วย
เบื้องหลังการทำงานภายในห้องเสื้อ Clara Daguin / ภาพ: @claradaguin
ต้องบอกว่าคลาร่าไม่ใช่อื่นไกลในวงการแฟชั่นระดับโลก เธอคือผู้อยู่เบื้องหลังการทำงานที่ข้องเกี่ยวกับแฟชั่นกึ่งเทคโนโลยีมาโดยตลอด ไอเดียหลายอย่างที่เธอสามารถผูกโยงงานฝีมือชั้นครูเข้ากับเรื่องอิเล็กทรอนิกส์ยิ่งทำให้ชื่อของเธอติดอยู่ในลิสต์บุคคลเบื้องหลังที่น่าสนใจของวงการ ซึ่งเธอเคยร่วมงานกับแบรนด์ใหญ่และศิลปินสายแฟชั่นระดับโลกมาแล้ว ยกตัวอย่างเช่น Hermès และ Jean-Paul Goude การันตีได้เลยว่าคลาร่านั้นไม่ใช่บุคคลไร้ตัวตน แต่เป็นส่วนหนึ่งในอุตสาหกรรมแฟชั่นยุคใหม่ที่ใส่ใจเรื่องเทคโนโลยีมากขึ้น
ชุดจากคอลเล็กชั่น Triptych ของ Clara Daguin / ภาพ: @claradaguin
และถ้าเราเจาะลึกไปถึงเรื่องผลงานของคลาร่าอีกขั้นจะเห็นว่างานระดับกูตูร์ของเธอนั้นมีรายละเอียดยิบย่อยมากมายสมกับเป็นงานฝีมือชั้นสูง แต่ที่พิเศษกว่าใครเห็นจะเป็นรายละเอียดของชิ้นงานที่ไม่ใช่แค่ออกแบบมาอย่างประณีต แต่เต็มไปด้วยความซับซ้อนของอุปกรณ์และการประกอบร่างชุดของแต่ละคอลเล็กชั่นขึ้น อย่างคอลเล็กชั่น Triptych ที่จับมือกับ UNESCO นำเสนอชุดส่องสว่างดึงดูดความสนใจนั้นใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มากมายทั้ง โมชั่น เซนเซอร์ 1 ชิ้น ไฟ LED 376 ดวง เซอร์กิตไฟฟ้าอีก 8 ชิ้น ใช้เวลาทำงานนานถึง 960 ชั่วโมง ด้วยความแตกต่างแต่ไม่ละทิ้งความใส่ใจแบบนี้เราอาจเรียกงานของคลาร่าว่าเป็นน้องๆ งานระดับโอตกูตูร์ได้เลยทีเดียว
เสื้อแจ๊กเก็ตบอมเบอร์ที่ถือเป็นคีย์ไอเท็มของ Clara Daguin / ภาพ: @claradaguin
หลายคนอาจจะคิดภาพตามว่าชุดที่เน้นเรื่องการเคลื่อนไหวเพื่อแสดงความโดดเด่นของซิลูเอตและดวงไฟจะต้องเป็นชุดเดรสที่พลิ้วไหวสวยงามตามฉบับเฟมินีนเสมอไป แต่ไอเท็มเด่นที่ทำให้คลาร่าปรากฏอยู่บนหน้าฟีดแฟชั่นและศิลปะอย่างกว้างขวางจริงๆ แล้วคือเสื้อแจ๊กเก็ตบอมเบอร์ คีย์ไอเท็มที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ทั้งความโค้งเว้า รายละเอียดที่เนี้ยบกริบ และแน่นอนว่าไฟส่องสว่างที่ไล่ระดับเพิ่มมิติให้กับผู้สวมใส่แบบไม่มีใครเหมือน เพราะความพิเศษเหล่านี้ทำให้แบรนด์เริ่มมีตัวตนชัดเจนขึ้นในอุตสาหกรรมแฟชั่น และสามารถพัฒนาอย่างก้าวกระโดดจนได้รับความนิยมบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง
ชุดเดรสที่แสดงถึงความทรงพลังผ่านแสงไฟจาก Clara Daguin / ภาพ: @claradaguin
สุดท้ายแม้ว่าแฟชั่นกับเทคโนโลยีจะเป็นสิ่งที่ผูกโยงกันมาตลอดตั้งแต่สมัยโบราณ แต่ส่วนมากเทคโนโลยีหรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์มักเป็นเครื่องมือสำหรับการทำงานเบื้องหลัง มีบทบาทสำคัญก่อนผลงานชิ้นต่างๆ จะถูกนำเสนอเสียมากกว่า วันนี้ความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ ศิลปะ และความทันสมัยในด้านเทคโนโลยีไม่ได้ปิดกั้นเพียงแค่เครื่องมือเพื่อความสะดวกสบายอีกต่อไป แต่ยังหมายถึงการแสดงถึงความสัมพันธ์ที่สามารถนำสิ่งเหล่านี้ออกมาอวดโฉมกันแบบไม่แปลกประหลาด เมื่อแฟชั่นคือความอิสระที่ไม่ควรมีอะไรมาตีกรอบ ไฟส่องสว่างบนเสื้อผ้าของคลาร่าก็พร้อมแสดงเอกลักษณ์ความงดงามที่สะท้อนความเป็นไปของชีวิตมนุษย์ยุคนี้ได้อย่างมีชั้นเชิง
WATCH