ย้อนอดีตความยิ่งใหญ่ของ Burberry เสื้อผ้าเก่าแก่กับการผจญภัยของยอดนักเดินทางระดับตำนาน
เรื่องราวการเดินทางและสำรวจในหน้าประวัติศาสตร์โลกมีชื่อเบอร์เบอรี่อยู่เสมอ และความไม่สมบูรณ์แบบในหน้าประวัติศาสตร์ยิ่งทำให้เรื่องราวน่าสนใจมากขึ้น
หลังจาก Daniel Lee เข้ามากุมบังเหียนแบรนด์เก่าแก่จากอังกฤษอย่าง Burberry ก็มีการเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหัน ทั้งการเปลี่ยนโลโก้และลบโพสต์บนอินสตาแกรมทั้งหมด โดยถือเป็นการล้างไพ่ที่ทำให้แบรนด์พร้อมเปิดทางแฟชั่นสายใหม่ตามความตั้งใจของแดเนียล ทว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้มีความหลังให้น่าถวิลหาย้อนถึงอดีต วันนี้เราจะพาไปสำรวจว่าสมัยแบรนด์มีชื่อเสียงเมื่อศตวรรษที่แล้วนั้นโดดเด่นอย่างไร และทำไมถึงเป็นที่นิยมของหมู่นักผจญภัยระดับโลกมากมาย
อ่านเรื่อง ถอดรหัสโลโก้ Burberry ในยุค Daniel Lee กับการหวนคืนสู่รากเหง้าความเป็นแบรนด์อังกฤษดั้งเดิม ที่ vogue.co.th/fashion/article/burberyy-by-daniel-lee
ชุดกาบาร์ดีนสำหรับตะลุยขั้วโลกของ Burberry / ภาพ: Original Favorites
จุดเริ่มต้นของความยิ่งใหญ่ในสายผจญภัยของเบอร์เบอรี่เกิดขึ้นพร้อมกับคำว่า “Prorsum” หรือคำว่าข้างหน้าในภาษาละติน ซึ่งมีความหมายโดยนัยอย่างชัดเจนว่าการเดินไปข้างหน้าของแบรนด์ย่อมมีสิ่งใหม่ให้เผชิญอยู่เสมอ การเดินทางของเหล่านักสำรวจมากมายก็เป็นดั่งแสงสว่างของมนุษยชาติที่จะได้ค้นพบหรือพิชิตธรรมชาติอันหฤโหด ปี 1911 แบรนด์ก็สนับสนุน Roald Amundsen นักสำรวจชาวนอร์เวย์ผู้สามารถนำพาชื่อของแบรนด์ดังจากอังกฤษพิชิตขั้วโลกใต้ได้สำเร็จ เรียกว่าชื่อเสียงของรูอัลพาชื่อเบอร์เบอรี่โด่งดังไปพร้อมกัน หลังจากนั้นเหล่านักผจญภัยก็จดจำแล้วว่าเบอร์เบอรี่สรรสร้างเสื้อผ้าคุณภาพสูงที่สามารถใช้พิชิตสภาพอากาศและภูมิประเทศสุดโหดได้สำเร็จ
Ernest Shackleton ในชุดเดรสกาบาร์ดีนจาก Burberry / ภาพ: Burberry
เมื่อนักผจญภัยกับเบอร์เบอรี่มีคติในการเดินหน้าเหมือนกัน ไม่รอช้าในปี 1914 แบรนด์จับมือกับนักสำรวจอีกครั้งเพื่อสนับสนุนเสื้อผ้าคุณภาพพรีเมี่ยมสำหรับการสำรวจในสภาพอากาศหนาวสุดขีด Ernest Shackleton มีแผนจะพิชิตดินแดนแอนตาร์กติกาให้ครบทุกพื้นที่ เรื่องราวของเออร์เนสกับเบอร์เบอรี่น่าทึ่งขึ้นไปอีก เนื่องจากการผจญภัยนั้นลุ้นระทึกขึ้นเมื่อเรือ Endurance ที่กำลังจะพาพวกเขาไปสู่จุดหมายถูกบดขยี้ด้วยน้ำแข็ง เออร์เนสและทีมต้องเอาตัวรอด เขาและทีมต้องเอาชีวิตรอดอยู่ในสภาพอันโหดร้าย ทว่าเมื่อผ่านมาได้และมีการจดบันทึกเกิดขึ้น ชื่อของเบอร์เบอรี่ก็ได้รับการพิสูจน์อีกครั้งว่าเป็นเสื้อผ้าคุณภาพชั้นยอด ซึ่งเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ทำให้เออร์เนสและทีมรักษาชีวิตจนทำภารกิจต่อไป
WATCH
ภารกิจบินต่อเนื่องในเส้นทางทรานส์แอตแลนติก / ภาพ: Burberry
ช่วงระหว่างปี 1919 ถึงช่วงกลางศตวรรษที่ 20 ดูเหมือนว่าเบอร์เบอรี่จะไม่ได้มุ่งหาแค่นักสำรวจเท่านั้น แต่ยังรวมถึงนักเดินทางรูปแบบอื่นๆ มีการบันทึกว่านักบินผู้ทำสถิติบินข้ามเส้นทางทรานส์แอตแลนติกแบบไม่หยุดพัก 72 ชั่วโมงสวมชุดนักบินของแบรนด์ นับเป็นอีกครั้งที่ชื่อแบรนด์จากอังกฤษถูกบันทึกในหน้าประวัติศาสตร์การเดินทางและสำรวจระดับโลก นอกจากนี้ย้อนกลับไปสักนิดหนึ่ง Claude Grahame-White สวมชุดกาบาร์ดีนของเบอร์เบอรี่ทำสถิติบินเส้นทางลอนดอนสู่แมนเชสเตอร์ได้ในเวลาไม่ถึง 24 ชั่วโมง มากไปกว่านั้นในปี 1937 Arthur Clouston และ Betty Kirby-Green ก็สวมใส่ชุดเบอร์เบอรี่บังคับเครื่องบินชื่อ “The Burberry” จากคอยดอนสู่กรุงเคปทาวน์ที่เป็นการทำลายสถิติอีกหนึ่งแขนงด้วย จะเห็นได้ว่าประวัติศาสตร์การเดินทางและสำรวจของอังกฤษ(รวมถึงระดับโลก) ผูกโยงกับเสื้อผ้าอันยอดเยี่ยมของเบอร์เบอรี่เสมอ
George Mallory ผู้เกือบสร้างตำนานเป็นผู้พิชิตยอดเขาเอเวอเรส์เป็นคนแรกของโลก ซึ่งเขาสวมชุดเบอร์เบอรี่ในการทำภารกิจสุดท้ายในชีวิต / ภาพ: NPR
ลิสต์ความสำเร็จยาวเหยียดอาจไม่ได้การันตีชื่อเสียงของเบอร์เบอรี่ ความไม่สมบูรณ์แบบยิ่งสร้างเรื่องราวให้การผจญภัยของแบรนด์ทวีความน่าสนใจขึ้นไปอีกระดับ ในปี 1942 George Mallory ร่วมการพิชิตยอดเขาเอเวอเรสต์ของทีมแห่งเกาะบริเตน ทว่าเขาสามารถพิชิตได้อีกทั้งยังจากไปอย่างน่าเศร้า สิ่งที่น่าสนใจเรื่องราวของจอร์จที่สวมชุดกาบาร์ดีนจากเบอร์เบอรี่พิชิตยอดเขาได้หรือไม่ก่อนเสียชีวิต เพราะมีเหตุผลมากมายที่ทำให้คนถกเถียงว่าแท้จริงแล้วเขาจะทำได้จริงหรือไม่ มีการค้นหาร่างเพื่อเสาะหากล้องถ่ายภาพว่าเขาบันทึกภาพถึงตรงไหน หากเขาพิชิตยอดเขาร่วมกับ Andrew Irvine คงต้องมีภาพแน่ๆ ทว่าการค้นหาก็พบแต่ร่าง ไม่พบกล้องใดๆ ตามรายงานทั้งสิ้น ส่งผลให้จนถึงตอนนี้ก็ไม่มีใครรู้ว่าเขาเสียชีวิตก่อนหรือหลังพิชิตยอดเขาที่สูงที่สุดในโลก แต่ปริศนาเหล่านี้ทำให้เรื่องนี้ยิ่งใหญ่และน่าค้นหา เพราะถ้าเขาทำสำเร็จเขาและแอนดรูว์จะกลายเป็นนักปีนเขาคู่แรกที่สามารถทำได้ และสร้างสถิติร่วมกับเบอร์เบอรี่อีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์
เบอร์เบอรี่ผ่านเรื่องราวผจญภัยกับนักสำรวจมามากมาย ผ่านสงครามมานับไม่ถ้วน จะมีแบรนด์แฟชั่นสักกี่แบรนด์ที่ผูกโยงกับหน้าประวัติศาสตร์โลกได้มากมายเช่นนี้ สถิติสะท้อนความก้าวหน้าของมวลมนุษยชาติเชื่อมโยงกับแบรนด์ดังจากอังกฤษแบรนด์นี้บ่อยครั้ง และนี่คงเป็นสิ่งที่ทำให้คำว่า “Prorsum” บนโลโก้อัศวินขี่ม้าอันโด่งดังมีความหมายลึกซึ้งมากกว่าความสวยงามหรือคติผิวเผิน เหตุผลที่ทำให้เบอร์เบอรี่ยิ่งใหญ่ไม่ใช่เพียงความงดงามของแฟชั่น ทว่าหมายถึงเรื่องราวในประวัติศาสตร์ที่จารึกไว้ชนิดสร้างซ้ำไม่ได้อีกต่อไป
ข้อมูล:
WATCH
