หากถามว่าผู้หญิงสไตล์ไหนที่กำลังมาแรงที่สุดในช่วงนี้ในโลกของแฟชั่น คำตอบที่ได้ก็เห็นจะหนีไม่พ้น มีผู้หญิงเพียงสองประเภทเท่านั้นที่โลกแฟชั่นในปี 2024 จับตามองเป็นพิเศษนั่นคือ ผู้หญิงก๋ากั่นที่มาพร้อมบุคลิกเฟียร์สไม่แคร์โลก ซึ่งพวกเธอถูกนิยามว่าเป็นพวก ‘BRAT GIRL’ กับอีกพวกที่ยืนอยู่ในฝั่งตรงกันข้ามนั่นคือ ผู้หญิงที่คอยบอกตัวเองเสมอว่าต้องสวยอย่างมีสติและใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง ที่มาพร้อมคติประจำใจที่ว่า ‘VERY DEMURE, VERY MINDFUL’ ซึ่งพวกเธอคือผู้หญิง 2 ประเภทที่กำลังมาแรงที่สุดในตอนนี้บนโลกออนไลน์...

     สำหรับ ‘BRAT’ นั้นไม่ถือเป็นศัพท์ใหม่แต่อย่างใด เพราะเมื่อพลิกหน้าดิกชันนารีขึ้นมาก็จะพบความหมายว่า ‘เด็กเหลือขอ’ ซึ่งศัพท์คำนี้ถูกสันนิษฐานว่าเกิดขึ้นครั้งแรกในศตวรรษที่ 16 และมีที่ข้อสันนิษฐานต่อไปอีกว่าเกี่ยวข้องกับหลายภาษา ไม่ว่าจะเป็น ภาษาสก็อตแลนด์ ภาษาฝรั่งเศส และภาษาไอริชโบราณ ก่อนจะถูกนำมาใช้ต่อมาเรื่อยๆ ในภาษาอังกฤษและมีการแผลงความหมายไปตามยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลง จนกระทั่งปัจจุบันที่ศิลปินหญิงสุดก๋ากั่นอย่าง Charlie XCX ได้จุดประกายให้ BRAT กลับมาเป็นคำศัพท์ที่โด่งดังอีกครั้ง ไม่ใช่ในวงวิชาการ แต่เป็นในพื้นที่ของอุตสาหกรรมแฟชั่นและดนตรี กับชื่ออัลบั้มใหม่ล่าสุดของเธอที่ใช้คำแรงๆ คำเดียวเลยว่า ‘BRAT’ กับผลงานเพลงทั้งหมด 15 แทร็ก ซึ่งมีความยาวทั้งสิ้นเกือบ 42 นาที ที่มาพร้อมกับผลงานเพลงแนวแดนซ์

     ทว่าอิทธิพลของ BRAT นั้น ไม่ได้แค่สร้างแรงกระเพื่อมให้กับวงการเพลงเท่านั้น แต่ยังสร้างไวรัลอย่างมากในพื้นที่ของโลกแฟชั่นที่ผูกติดมากับการเลือกใช้สีเขียว ที่ตอนนี้คนแฟชั่นต่างขนานนามว่าเป็น ‘Brat Green’ หรือ ‘Ugly Green’ ที่กลายเป็นไวรัลที่หลายคนถูกใจกันไปแล้วเรียบร้อย กอปรกับคำอธิบายของศิลปินหญิง Charlie XCX ที่เคยบอกเอาไว้ว่า BRAT GIRL นั้นเป็นคำศัพท์ที่เอาไว้ใช้อธิบายหญิงสาวที่ไม่ได้มีความเรียบร้อยสักเท่าไหร่ อีกทั้งยังมีความเป็นตัวเองสูงและไม่ได้ยี่หระกับการผูกตัวเองติดเอาไว้กับบรรทัดฐานทางสังคมสักเท่าไหร่ นั่นเองที่ถูกใจใครหลายคนจนออกมายอมรับสีเขียวแสบตาแสนน่าเกลียดนี้กันทั่วเมือง จนกลายเป็นปรากฏการณ์ส่งให้ผลงานเพลงของ Charlie XCX มียอดสตรีมพุ่งสูงไปโดยปริยายควบคู่ไปกับเทรนด์สาวก๋ากั่น ที่คนทั่วเมืองพร้อมใจกันเรียกหาพวกเธอว่า ‘BRAT GIRL’

     หลังจากที่เทรนด์ BRAT ประสบความสำเร็จอย่างไม่คาดฝันในช่วงซัมเมอร์ไปแล้ว ต่อมาเมื่อโลกใบนี้หมุนเหวี่ยงเราให้เริ่มเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง เทรนด์ใหม่ก็เกิดขึ้นตามมา...

 

     ‘Very Demure, Very Mindful’ กลายเป็นประโยคฮิตที่ใครก็กำลังให้ความสนใจอยู่ในเวลานี้ คำศัพท์นี้มีต้นกำเนิดมาจาก Jools LeBron หนึ่งในติ๊กต็อกเกอร์ที่ขอยืนอยู่ตรงข้ามกับสาวก๋ากั่น และสถาปนาตัวเองขึ้นเป็น ‘ผู้หญิงที่สวยอย่างมีสติ’ โดยศัพท์คำว่า Demure นั้นหากแปลตรงตัวจะหมายถึง ความเรียบร้อย สุขุม และเคร่งขึม ซึ่งในบริบทที่ถูกนำมาดัดแปลงและใช้กันอยู่ในขณะนี้จึงอนุมานได้ถึง จริตน้อยๆ เรียบง่าย ระมัดระวัง เน้นความงามที่มาจากภายใน ไม่ตะโกน และที่สำคัญคือมีสติ ฉายภาพของการเป็นหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงข้าม BRAT Girl อย่างไม่ต้องสงสัย

     Jools LeBron ได้ให้คำอธิบายและยกตัวอย่างของ DEMURE Girl เอาไว้ได้อย่างน่าสนใจว่า “เวลาที่เธอจำเป็นต้องแต่งตัวไปทำงาน เธอจะไม่ประโคมอะไรให้มากจนเกินไป ฉันจะนึกเสมอว่าฉันจะแต่งตัวไปทำงาน ให้เหมือนกับตอนที่ฉันไปสัมภาษณ์งาน” คำอธิบายในคลิปบน TikTok และบุคลิกที่แฝงอารมณ์ขันเอาไว้ด้วยของเธอ ได้กลายเป็นไวรัลให้สาวๆ และเซเลบริตี้หลายคนนำแผ่นเสียงนี้ไปเล่นต่อๆ กัน จนกระทั่งกลายเป็นเทรนด์ที่หลายคนก้าวออกมาประกาศตัวตาม Jools LeBron ว่าพวกเธอนี่แหละคือ DEMURE Girl ตัวจริง พร้อมยกตำแหน่ง Queen of Demurity ให้เธอคนนี้ไปตามๆ กัน กับคติประจำใจที่ว่า ‘Very Demure, Very Mindful’ ที่กำลังเป็นวลีฮิตติดปากใครหลายคนอยู่ในเวลานี้

     ถ้า BRAT มาพร้อมกับสีเขียวสะดุดตาขนาดนั้น ฝั่งของ DEMURE ก็ขอมาแบบไม่ตะโกนกับเฉดสีธรรมชาติโทนเบจ น้ำตาล และชมพูด ซึ่งเป็นพาเลตต์สีเดียวกันกับที่ Jools LeBron ผู้ให้กำเนิดเทรนด์ DEMURE Girl นั้นมักจะใช้แต่งหน้าของเธอเป็นประจำ และยังถือเป็นพาเลตต์สีที่ไม่ตะโกน อีกทั้งยังแสดงถึงความเรียบร้อยและให้ความรู้สึกสงบอีกด้วย และถึงแม้จะออกตัวว่า DEMURE Girl เป็นผู้หญิงประเภทเรียบร้อย แต่ก็ไม่วายกลายเป็นมีมได้ไม่แพ้เทรนด์ BRAT Girl กับการขุดเอาภาพของเหล่าคนดังในแวดวงแฟชั่นระดับโลกในท่าทางแสนเจี๋ยมเจี้ยมมาเล่นล้อไปกับเทรนด์สวยอย่างมีสติอย่างสนุกสนาน

     อย่างไรก็ตาม การถือกำเนิดของศัพท์แฟชั่นใหม่ทั้ง 2 คำนี้ ยังเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงอิทธิพลของโลกออนไลน์ที่ก้าวเข้ามามีบทบาทอย่างไม่อาจแยกขาดได้กับทุกๆ อุตสาหกรรม แม้แต่อุตสาหกรรมเพลงและแฟชั่น ที่ตอนนี้ได้โอบรับเอาคำนิยามของผู้หญิงทั้งสองประเภทมาเป็นเทรนด์หลัก ที่เชื่อมโยงและพัฒนาต่อยอดถึงเทรนด์บนรันเวย์ของซีซั่นที่กำลังจะมาถึงได้อย่างน่าสนใจอีกด้วย