ความสำเร็จของ 'Bode' แบรนด์แฟชั่นผู้ชายที่ออกแบบโดยผู้หญิง และตอบสนองคนยุคใหม่ทุกแง่มุม
แนวคิดของ Emily Adams Bode กำลังขับเคลื่อนแฟชั่นให้สอดประสานไปกับทุกความต้องการของโลกยุคปัจจุบันโดยไม่ละทิ้งอัตลักษณ์ของตัวเอง
วิธีการนำเสนอแฟชั่นผูกโยงกับเรื่องเพศไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง ในปัจจุบันความลื่นไหลเรื่องนี้ก้าวผ่านมิติการนิยามแฟชั่นแบบเดิมๆ รูปแบบแฟชั่นจึงปรับเปลี่ยนสู่การผสมผสานองค์ประกอบหลายมิติเข้าด้วยกัน Bode แบรนด์จากนิวยอร์กเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่เลือกนำเสนอความน่าสนใจของเสื้อผ้าบุรุษผ่านกลิ่นอายความสวยงามของผู้หญิงจนโดดเด่นและได้รับการจับตามองอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อสามารถคว้ารางวัลดีไซเนอร์เสื้อผ้าบุรุษยอดเยี่ยมแห่งปีจากเวที CFDA Awards ได้ถึง 2 ปีซ้อน (2021 และ 2022) ซึ่งนับเป็นปรากฏการณ์ที่ดึงดูดคนให้สนใจเกี่ยวกับมิติแฟชั่นอันหลากหลายมากขึ้นอีกระดับ
Emily Adams Bode ดีไซเนอร์หญิงผู้ริเริ่มแบรนด์ Bode มาตั้งแต่ปี 2016 / ภาพ: Vogue Business
“ดีไซเนอร์หญิงออกแบบเสื้อผ้าสำหรับผู้ชาย” ความโดดเด่นของเรื่องนี้อาจไม่ได้น่าตื่นตาตื่นใจนัก เพราะหากนับรายชื่อดีไซเนอร์หญิงในปัจจุบันที่ออกแบบเสื้อผ้าให้ผู้ชายก็มีไม่น้อยตั้งแต่ของแบรนด์โบดี้เองอย่าง Emily Adams Bode เรื่อยไปจนถึง Silvia Venturini Fendi ทายาทผู้สืบสานตำนานแบรนด์ Fendi และอื่นๆ อีกมากมาย ทว่าเอมิลี่คือหญิงสาวยุคใหม่ที่ซึมซับมิติด้านแฟชั่นของการผนวกโลกให้ลื่นไหลไว้ด้วยกัน เธอสร้างประวัติศาสตร์เป็นดีไซเนอร์หญิงที่ออกแบบเสื้อผ้าผู้ชายคนแรกที่ได้นำเสนอคอลเล็กชั่นช่วงนิวยอร์กแฟชั่นวีกเมื่อปี 2018 หรือ 2 ปีหลังจากเปิดแบรนด์เท่านั้น
กลิ่นอายแฟชั่นงานฝีมือที่โดดเด่นของ Bode ที่ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่พูดถึงตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น / ภาพ: Vogue US
ทำไมโบดี้ถึงโดดเด่นนัก คำตอบเลยคือทุกองค์ประกอบของแบรนด์สอดประสานไปกับโลกยุคปัจจุบันอย่างลงตัว ความลื่นไหลทางเพศเป็นส่วนสำคัญส่วนหนึ่ง เราจะเห็นว่าแบรนด์นำเสนอเสื้อผ้าสำหรับผู้ชายแต่คลุกเคล้ามุมมองจากฝั่งผู้หญิง เพราะฉะนั้นโบดี้จึงมีทั้งความหนักแน่นและอ่อนช้อยในเวลาเดียวกัน ซิลูเอตจากหลายไอเท็มสะท้อนให้เห็นว่าแบรนด์หยิบจับองค์ประกอบของ 2 ฟากฝั่งมาผสมผสานกันจนกลมกล่อม พร้อมนำเสนอรสชาติแฟชั่นอันเป็นเอกลักษณ์ที่ไม่มีใครเหมือน ดังนั้นเมื่อความลงตัวทำให้ผู้ชายก็กล้าใส่ เนื่องจากยังรักษาสมดุลไม่ให้สุดโต่งจนเกินไป ในขณะเดียวกันผู้หญิงเองก็สามารถสวมใส่โบดี้ได้อย่างอิสระ ไม่ว่าเพศใด ไม่จำกัดแค่ชายหรือหญิงก็สามารถหยิบไอเท็มโบดี้มาสร้างสรรค์ลุคเก๋ตามรสนิยมส่วนตัวได้ทันที
WATCH
ตัวอย่างแจ็กเก็ตสไตล์เวิร์กแวร์ที่โดดเด่นด้วยเทคนิคการทำแพตช์เวิร์กของแบรนด์ Bode / ภาพ: Bode
นอกจากเรื่องเพศ เทคนิคการนำเอาแพตช์เวิร์กมาสร้างสรรค์ในรูปแบบใหม่ตามสไตล์ของตัวเองคือจุดเด่นที่ทำให้แบรนด์โดดเด่นเหลือเกิน ทุกคนจดจำภาพโบดี้เป็นแบรนด์สายคราฟต์ที่บรรจงรังสรรค์ชิ้นงานอย่างประณีต การปะนิดติดหน่อยแม้จะดูเหมือนงานฝีมือทั่วไป แต่เอมิลี่เลือกนำเสนอมันด้วยความเนี้ยบประณีตที่สุด ตั้งแต่แนวทางการออกแบบ ตัดเย็บ รวมถึงการนำเสนอมันอย่างลึกซึ้ง นอกจากนี้ซิลูเอตที่เลียนล้อไปกับเทรนด์แฟชั่นยุคใหม่ยังถูกนำมาเชื่อมโยงกับเทคนิคสุดสร้างสรรค์แบบดั้งเดิม เพราะฉะนั้นนี่คือการหลอมรวมโลกแฟชั่นวินเทจและโมเดิร์นเข้าด้วยกัน ตอบโจทย์เทรนด์ยุคใหม่ที่ย้อนหาสิ่งเลอค่าในอดีตไปพร้อมกับค้นหาสิ่งใหม่ในเส้นทางแห่งปัจจุบันและอนาคตอยู่เสมอ
เบื้องหลังการทำงานอย่างใส่ใจและประณีตของ Emily Adams Bode / ภาพ: Vogue US
อย่างที่กล่าวไปว่าโบดี้สอดคล้องกับทุกเทรนด์แฟชั่นตอนนี้ การเติบโตอย่างก้าวกระโดดพร้อมกับนำเสนอตัวตนให้เป็นที่ถูกใจโดยรักษาอัตลักษณ์เอาไว้คือกุญแจสำคัญที่ไขประตูความสำเร็จของแบรนด์จนถึงตอนนี้ อีกหนึ่งข้อสำคัญคือคำว่า “ความยั่งยืน” สำหรับโบดี้อาจไม่ใช่แบรนด์ที่ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือชูจุดเด่นเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่วิธีการที่แบรนด์นำวัสดุเก่ามาปัดฝุ่นและสร้างสรรค์เป็นไอเท็มชิ้นใหม่ก็มีแง่มุมที่ตอบสนองจริตของคนยุคใหม่เช่นเดียวกัน การเล่าเรื่องจากของเก่านั้นสร้างจิตวิญญาณอันแข็งแกร่งที่เผยออกมาอย่างชัดเจน ในขณะเดียวกันก็สะท้อนถึงความใส่ใจที่แบรนด์ต้องการรักษาคุณค่าของวัสดุให้ได้มากที่สุด แน่นอนว่าโลกแฟชั่นอาจตอบสนองความยั่งยืนแบบสุดลิ่มทิ่มประตู แต่อย่างน้อยโบดี้ก็เป็นหนึ่งในแบรนด์กำหนดจุดตัดความพอดีตรงนี้ได้อย่างมีนัยยะสำคัญ และทั้งหมดนี่คือรากฐานอันแข็งแกร่งที่พร้อมพาชื่อโบดี้ขจรขจายจนกลายเป็นสุดยอดแบรนด์ชั้นนำของโลกต่อไปในอนาคต
ข้อมูล:
WATCH