FASHION
ก่อน #RealSizeBeauty มีอะไรมาก่อน ย้อนท่องประวัติศาสตร์รูปร่างอันสมบูรณ์แบบของผู้หญิงย้อนมองอดีต ‘รูปร่างในอุดมคติ’ ของแต่ละยุคสมัยก่อนมาถึงการเชิดชูความงามอย่างเป็นตัวเอง |
แอนชิลีคือนางงามผู้มาพร้อมกับความมั่นใจ และต้องการให้ผู้หญิงทุกคนมั่นใจไม่ว่าจะรูปร่างแบบใด
เชื่อได้ว่าในช่วงก่อนหน้านี้ที่กระแสการประกวด Miss Universe กำลังเป็นที่จับตามอง แคมเปญทางสังคมโดยตัวแทนผู้เข้าประกวดประเทศไทย ‘แอน - แอนชิลี สก๊อต-เคมมิส’ ที่ชื่อว่า #RealSizeBeauty ก็กลายเป็นกระบอกเสียงสำคัญที่ช่วยผลักดันให้ผู้คนที่อาจจะไม่ได้มีรูปร่างสวยงามตามกระแสนิยม หันมามีความมั่นใจกับรูปร่างของตนเองมากขึ้น
มาตรฐานใหม่ของรูปร่างที่เพอร์เฟกต์คือการไม่มีมาตรฐาน / ภาพ: Vogue US
ทว่ารูปร่างในอุดมคติของผู้คนในสังคมที่กลายมาเป็นบรรทัดฐานกดทับผู้คนนั้นไม่ได้เป็นสิ่งใหม่แต่อย่างใด เพราะสิ่งนี้ได้หยั่งลึกคู่ขนานมากับประวัติศาสตร์ชาติพันธุ์ของมนุษย์ที่มีการกำหนดค่ามาตรฐานความงามอันหนึ่งอันใดไว้ โดยแต่ละยุคแต่ละสมัยก็มีค่านิยมเกี่ยวกับรูปร่างที่แตกต่างกัน และแน่นอนว่าไม่จำเป็นต้องเป็นรูปร่างที่ผอม หรืออวบท้วมเสมอไป
รูปปั้น The Venus of Willendorf ภาพสะท้อนรูปร่างอันสวยงามของผู้หญิงในยุคหินเก่า / ภาพ: Wiki Library
ยุคปาเลโอลีธิก หรือยุคหินเก่า
ยุคหินเก่าถือเป็นช่วงเวลาก่อนประวัติศาสตร์ของมนุษย์ โดยหลักฐานการมีอยู่ของยุคหินเก่าก็คือศิลปะ ภาพเขียนสี และรูปปั้นต่างๆที่ใช้บ่งชี้การมีอยู่ของอารยธรรมมนุษย์ ซึ่งหนึ่งในรูปปั้นที่มีชื่อเสียงที่สุดที่ถูกค้นพบ อีกทั้งยังใช้บ่งชี้ถึงค่านิยมเกี่ยวกับรูปร่างในสมัยดังกล่าวคือรูปปั้น The Venus of Willendorf รูปปั้นหินที่มีลักษณะอวบท้วม มีหน้าท้องเด่นชัด มีหน้าอก และสะโพกใหญ่ ถูกขุดค้นในหมู่บ้านทางตอนใต้ของประเทศออสเตรีย ซึ่งคาดว่ารูปปั้นนี้น่าจะมีอายุประมาณ 25,000 ปีมาแล้ว
WATCH
ภาพเหมือนของหญิงสาว (ลา ฟอร์นารินา) หนึ่งในผลงานสำคัญของราฟาเอล จิตรกรชาวอิตาเลี่ยนผู้เลื่องชื่อในยุคเรเนซองส์ / ภาพ: Wiki Commons
ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการ เรเนซองส์ (ช่วงคริสต์ศักราชที่ 1,400 – 1,700)
ยุคฟื้นฟูศิลปะวิทยาการถือเป็นยุคที่มีช่วงต่อมีจากยุคกลางที่อิทธิพลของศาสนา และความศรัทธาเข้ามามีบทบาทกับมนุษย์มาก ทำให้การคำนึงถึงความงามของมนุษย์ไม่ได้ถูกให้ความสำคัญ จนกระทั่งในยุคนี้ที่เริ่มมีการวาดภาพเขียนมนุษย์มากขึ้น โดยศิลปินชาวอิตาเลียนผู้เลื่องชื่อในยุคนี้อย่างราฟาเอลก็ได้วาดภาพที่ชื่อภาพเหมือนของหญิงสาว (ลา ฟอร์นารินา) ที่แสดงรูปร่างที่สวยงามตามอุดมคติอย่างเช่น สะโพกใหญ่ผายออก หน้าท้องกลม หน้าอกกลมกลึง และผิวขาวซีด หรืออย่างภาพกำเนิดวีนัสโดยบอตติเชลลี ก็วาดภาพวีนัสที่มีรูปร่างค่อนไปทางอวบท้วมเช่นเดียวกัน
ยุควิคตอเรียน (ช่วงคริสต์ศักราชที่ 1837 - 1901)
ภาพจำของหญิงสาวสมัยยุควิคตอเรียนภาพภาพวาดต่างๆนั่นคือหญิงสาวที่อยู่ในกระโปรงทรงสุ่มฟูฟ่อง เอวคอดกิ่ว เนื่องมาจากความนิยมของการแต่งกายรูปแบบข้างต้นในยุคนั้น และในยุคนี้เองก็เป็นต้นกำเนิดของอุปกรณ์รัดเอวหรือคอร์เซ็ต รูปร่างที่เป็นอุดมคติของผู้หญิงในยุคนี้จะต้องมีสะโพกผาย มีหน้าอมเต็มกลมกลึง และมีช่วงเอวที่คอดกิ่วประหนึ่งนาฬิกาทราย
Coco Chanel ในชุดเดรสทิ้งตัวสไตล์แฟลปเปอร์ที่เป็นที่นิยมอย่างยิ่งในช่วงยุค 20s / ภาพ: Who 2
ยุคต้นศตวรรษที่ 20 (ช่วงคริสต์ศักราชที่ 1920 - 1930)
แม้การถูกพันธนาการด้วยคอร์เซ็ตจนเอวคอดกิ่วจะเป็นที่นิยม แต่ผู้หญิงในสมัยนั้นต่างรู้ดีว่าการใช้ชีวิตประจำวันกับการผูกรัดรึงด้วยโครงรัดเอวไม่ได้ทำให้พวกเธอสบายตัวเท่าใดนัก ดีไซเนอร์ระดับไอคอนิคอย่าง ‘กาเบรียล ชาเนล’ จึงได้ปลดแอกพันธนาการของผู้หญิงด้วยการออกแบบชุดที่สวมใส่ได้สบาย ไม่รัดรึง และไม่ยาวกรุยกรายจนเกินงาม ในรูปแบบเดรสยาวครึ่งน่อง ทรงหลวม ทัศนคติเกี่ยวกับรูปร่างที่สมบูรณ์จึงเริ่มเปลี่ยนไปตามความเหมาะสมเทรนด์ของเสื้อผ้า นั่นคือรูปร่างที่ดูเป็นผู้ชาย หน้าอกแบนราบ และเอวที่อยู่ต่ำลงไปตามลักษณะของกระโปรง
ยุคทองของฮอลลีวู้ด (ช่วงคริสต์ศักราชที่ 1931 - 1959)
ยุคนี้เป็นช่วงยุครอยต่อระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ไปจนถึงยุคที่วงการฮอลลีวู้ดกลับมารุ่งเรืองอีกครั้ง ในยุคนี้ผู้หญิงมิได้สนใจเกี่ยวกับรูปร่างและความงามอันเป็นมาตรฐานเท่าใดนักเนื่องด้วยภาวะ Great Depression ที่ทำให้เศรษฐกิจตกต่ำ จนกระทั่งเมื่อก้าวสู่ภาวะหลังสงครามความนิยมสื่อบันเทิงที่ขาดหายไปก็ถูกดึงกระแสกลับมาอย่างรวดเร็ว และทำให้เกิดดาวดวงใหม่ขึ้นมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ ‘มาริลิน มอนโร’ ผู้ที่นำรูปร่างสมส่วน กลมกลึง เอวคอด สะโพกผาย และหน้าอกได้รูปกลับมาอีกครั้ง
หุ่นบางเล็กคล้ายเด็กผู้ชายกลายเป็นที่นิยมอย่างยิ่งในยุค 60s นำโดย Twiggy / ภาพ: Camera Press - John S. Clarke
ยุคสวิง เกิร์ล (ช่วงคริสต์ศักราชที่ 1960 - 1969)
ยุคทองของมินิสเกิร์ต ไมโครสเกิร์ต และแฟชั่นไอคอนที่โด่งดังที่สุดคนนึงของโลกอย่าง Twiggy ที่มาพร้อมลุคผมสั้นกุดแบบพิกซี คัท ตากลมโต และรูปร่างผอมบางแบบเด็กผู้ชายที่ดูเข้ากันกับโครงชุดที่เป็นที่นิยมในยุคนั้น ส่งผลให้รูปร่างแบบเด็กผู้ชาย แขนขายาว ดูสูงโปร่งกลายเป็นรูปร่างอุดมคติของผู้หญิงในยุคนั้นล่วงเลยไปจนถึงช่วงยุค 70s
ยุคซุปเปอร์โมเดล (ช่วงคริสต์ศักราชที่ 1980 - 1989)
ช่วง 80s เป็นยุคกำเนิดเทรนด์การออกกำลังกาย และฟิตเนส ส่งผลให้การออกกำลังกายไม่ใช่ทางเลือกแต่กลายเป็นกระแสที่ทุกคนหันมาให้ความสนใจ เสื้อเอวลอย กางเกงขาสั้นกุด หรือชุดแนบเนื้อเว้าสูงแบบเลโอทาร์ด คือเสื้อผ้าที่ผู้หญิงต้องมีติดตู้ ดังนั้นรูปร่างที่เป็นที่นิยมในช่วงนี้จึงเป็นรูปร่างแข็งแรงแบบนักกีฬา มีทรวดทรงกำลังดี และสูงโปร่ง
หุ่นเล็กเพรียวบางสไตล์เฮโรอีน ชิคอย่างซุปเปอร์โมเดล เคต มอส กลายเป็นหุ่นที่ผู้หญิงเฝ้าฝันในช่วง 90s / ภาพ: Who What Wear
ยุคเฮโรอีน ชิค (ช่วงคริสต์ศักราชที่ 1990 - 2000)
ความโด่งดังของซุปเปอร์โมเดลอย่างเคต มอสส่งผลให้ความนิยมรูปร่างสุขภาพดีอย่างนักกีฬากลายเป็นเทรนด์ที่ตกกระแส รูปร่างอันเป็นที่นิยมในยุคนี้ต้องมาพร้อมกับความผอมบาง จะสูงโปร่งหรือไม่ก็ได้ และต้องไม่มีทรวดทรงให้เห็นชัดเจนโดยลักษณะดังกล่าวนั้นก็ถอดแบบมาจากรูปร่างของเคต มอสนั่นเอง
ยุคหลังสมัยใหม่ (ช่วงคริสต์ศักราชที่ 2001 เป็นต้นไปจนถึงปัจจุบัน)
นับตั้งแต่ยุคทองของฮอลลีวู้ดนับขึ้นมาข้อสังเกตที่น่าสนใจอย่างหนึ่งก็คือสื่อบันเทิงได้เข้ามามีผลต่อความคิด ทัศนคติ รวมถึงกรอบค่ามาตรฐานความงามของผู้คนในยุคนั้น โดยได้ต้นแบบมาจากดารา นักแสดง หรือนางแบบที่เป็นที่นิยม ลักษณะการสร้างค่านิยมในสังคมเช่นนี้ก็ถูกส่งต่อมาจนถึงยุคหลังสมัยใหม่ที่รูปร่างในอุดมคติก็เปลี่ยนผันไปตามคนที่อยู่ในกระแสไม่ว่าจะเป็นบ้านคาร์ดาเชียน, บียอนเซ่ หรือแม้กระทั่งแคมเปญทางสังคมของแอนชิลีที่เข้ามามีบทบาทกำหนดความคิดของคนในสังคม
บ้านคาร์เดเชียนคือตัวอย่างทีดีที่แสดงว่าไม่ว่าจะรูปร่างแบบไหนคุณก็มีความสุข และสวยในแบบตนเองได้ / ภาพ:
ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่า #RealSizeBeauty จะมีความหมายเช่นใดสำหรับคุณ แต่สิ่งสำคัญที่สุดคือการเรียนรู้ที่จะรัก และเคารพในความเป็นตัวเองให้มากที่สุดไม่ว่าคุณจะมีรูปร่างแบบใด หากคุณรักและพอใจกับความเป็นตัวเองที่ดีที่สุดแล้ว คุณก็จะปลดเปลื้องตัวเองจากกรอบมาตรฐานความงามของสังคมได้ ไม่ว่าคุณจะอ้วนหรือผมกว่าค่ามาตรฐานก็ตาม
ข้อมูล:
WATCH