วิดีโอแฟชั่นตามเทรนด์ Barbenheimer สุดไวรัลโดนวิจารณ์สนั่นเพราะอาจละเลยเรื่องละเอียดอ่อน

     กระแสภาพยนตร์ Barbie ทำให้เกิดความนิยมในเทรนด์การแต่งตัวสไตล์ “Barbiecore” ทั่วโลก ในขณะเดียวกันกระแส “Barbenheimer” ความคอนทราสต์กันระหว่างภาพยนตร์สีหวานแหววกับภาพยนตร์เนื้อหาหนักอย่าง Oppenheimer ยิ่งผสมผสานกันจนกลายเป็นอีกกระแสไวรัลบนโลกโซเชียล ดังนั้นผลผลิตจากแนวทางการผนวกรวมกันของภาพยนตร์ทั้ง 2 เรื่องจึงเป็นปรากฏการณ์ที่ส่งผลให้เกิดผลผลิตแห่งความสร้างสรรค์แบบไร้ขีดจำกัดอย่างต่อเนื่อง ซึ่งผู้ใช้แพลตฟอร์มอินสตาแกรมรายหนึ่งก็เนรมิตชุดที่ถ่ายทอดความแตกต่างที่ลงตัวของเทรนด์นี้อย่างชัดเจน

     Henry Gertsen บุคคลผู้ชื่นชอบในการคิดลุคสร้างสรรค์หลากหลายรูปแบบ เขาชื่นชอบเรื่องความจัดจ้าน สไตล์การแต่งตัวแบบแม็กซิมัล ลุคโดดเด่นด้วยการไว้ผมยาวพร้อมไว้หนวด พร้อมนำเสนอแฟชั่นแบบไร้กฎเกณฑ์ แน่นอนว่าเขาก็ไม่พลาดเทรนด์ Barbenheimer อย่างแน่นอน ซึ่งเขาก็ลงทุนสร้างลุคจากชุดสูทที่ทำเอาหลายคนตกตะลึงได้เหมือนกัน โดยเขาจุดไฟเผาสูทสีเทาทั้งชุดชนิดให้พังเละเทะเป็นรูไหม้แบบซ่อมคืนไม่ได้อย่างแน่นอน ก่อนจะหยิบจับเส้นใยมาย้อมสีชมพูตัดต่อเข้ากับชุดขาดๆ ที่เผาไว้ก่อนหน้านี้

     นอกจากไอเท็มชิ้นใหม่ที่เกิดจากการเผาไหม้จนกลับสู่สภาพเดิมไม่ได้ เฮนรี่เลือกเลเยอร์ชุดดังกล่าวเข้ากับเสื้อเชิ้ตและเนกไทสีชมพู สร้างสมดุลระหว่าง 2 มิติความสวยงามได้อย่างน่าสนใจ เขาโพสต์วิดีโอนี้เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2023 จนถึงตอนนี้มีผู้เข้าชมรีลบนอินสตาแกรมของเขามากถึง 11.9 ล้านครั้ง (นับจนถึงวันที่ 17 สิงหาคม 2023) ในระยะเวลาเพียง 2 อาทิตย์ ผู้ใช้อินสตาแกรมที่มีผู้ติดตามหลักพันคนสร้างลุคไวรัลที่มีผู้ชมเกินหลัก 10 ล้าน แต่คำวิจารณ์ก็ไม่ได้เป็นเชิงบวกเสียทีเดียว คำวิจารณ์ด้านลบก็ถาโถมเข้ามาไม่น้อย ยกตัวอย่างเช่น การกล่าวถึงชุดนี้ว่าเป็นชุดที่น่าเกลียด ชุดนี้เหมือนเป็นชุดเหยื่อไฟไหม้มากกว่าศิลปะ เรื่อยไปจนถึงความคิดเห็นที่จริงจังว่า “ผู้คนรู้สึกหัวเสียกับชุดนี้ เพราะชุดนี้ใช้คอนเซปต์ของการเผาไหม้และเผยให้เห็นถึงเนื้อผ้าด้านใน โดยการอ้างอิงภาพยนตร์เรื่องนี้โดยใช้รอยไหม้ของเหยื่อระเบิดปรมาณูมาสร้างผลงานเพื่อความบันเทิง มันเป็นเหมือนการไม่มีความเคารพและไร้รสนิยม” ในอีกด้านก็มีคนเข้ามาให้กำลังใจและมองว่าเฮนรี่ไม่ได้มีเจตนาย่ำยีหรือรื้อฟื้นความโหดร้ายเพื่อใช้เป็นแรงบันดาลใจ แต่นี่ก็แสดงให้เห็นว่าบางครั้งการมองข้ามบางจุดไปอาจส่งผลยิ่งใหญ่เกินกว่าที่คิด แล้วแฟนโว้กคิดเห็นอย่างไรกับชุดและประเด็นละเอียดอ่อนที่เกิดขึ้นบ้าง