World Expo เป็นงานจัดแสดงโชว์นวัตกรรมงานใหญ่ของโลก จัดขึ้นทุกๆ 4 ปี มีประเทศต่างๆ เข้าร่วมมากมาย เมื่อพูดถึงงานเอกซ์โปคนส่วนใหญ่มักนึกถึงนวัตกรรมล้ำสมัยที่แต่ละประเทศต้องการนำเสนอ สำหรับปีนี้สิ่งที่น่าสนใจคือ The France Pavilion ส่วนหนึ่งเป็นพื้นที่ของ LVMH ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีแบรนด์แฟชั่นไปปรากฏอยู่ในงานเอกซ์โป แสดงให้เห็นถึงศักยภาพของแฟชั่นที่ไม่ได้โดดเด่นเรื่องเสื้อผ้าเพียงอย่างเดียว แต่ยังขับเคลื่อนแรงบันดาลใจได้ด้วย ทั้งยังมีอิทธิพลต่อการพัฒนานวัตกรรมต่างๆ เพื่อเคลื่อนเข้าสู่โลกอนาคตอย่างสมบูรณ์

ภาพความล้ำยุคที่เราเห็นในงานเอกซ์โปดูห่างไกลจากเสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า ตลอดจนเครื่องประดับแฟชั่นที่เราใช้กันอยู่ในชีวิตประจำวันเป็นอย่างมาก การที่บริษัทใหญ่ของฝรั่งเศสอย่าง LVMH ซึ่งมีธุรกิจส่วนหนึ่งเป็นธุรกิจแฟชั่นเข้ามามีบทบาทสำคัญในงานนี้จึงเป็นเรื่องที่น่าสนใจสำหรับวงการแฟชั่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่องานครั้งนี้จัดที่ประเทศญี่ปุ่นซึ่งถือเป็นพันธมิตรหลักของแบรนด์ทั้งในแง่การค้าและการส่งต่อแรงบันดาลใจ โดย LVMH เป็นหนึ่งในผู้สนับสนุนหลักของประเทศฝรั่งเศสที่ทำหน้าที่เป็นทูตทางวัฒนธรรม นำเสนอเรื่องราวของแฟชั่นในมุมมองที่เชื่อมโยงกับประเทศเจ้าภาพได้เป็นอย่างดี คอนเซปต์ของพาวิเลียนนี้มีชื่อว่า Designing Future Society of Our Lives นำเสนอบทบาทของวงการแฟชั่นในเชิงวัฒนธรรมและเศรษฐกิจระดับโลกซึ่งถูกผลักดันโดยบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง LVMH ที่ใช้เรื่องราวของเมซงในเครือบอกเล่าเรื่องราวดังกล่าว ไม่ว่าจะเป็น Louis Vuitton, Dior, Celine หรือ Chaumet ซึ่งแต่ละแบรนด์ล้วนมีชื่อเสียงในเรื่องมรดกทางปัญญา ความเป็นเลิศในงานหัตถศิลป์ และโดดเด่นในเรื่องของนวัตกรรม งานเอกซ์โปในครั้งนี้จึงเป็นเหมือนสะพานเชื่อมระหว่างโลกอนาคตกับรากเหง้าทางปัญญาแฟชั่นที่มีอิทธิพลต่อกันมายาวนาน อีกทั้งยังแสดงให้เห็นว่าแฟชั่นคือสื่อกลางที่สามารถเชื่อมโยงทุกเรื่องราวเข้าไว้ด้วยกันไม่ว่าจะเป็นวัฒนธรรม นวัตกรรม หรือความยั่งยืน

Louis Vuitton นิทรรศการของหลุยส์ วิตตองต้องการสื่อให้เห็นพลังแห่งความรักใน 2 แง่มุมคือในมุมของงานหัตถศิลป์ และความสัมพันธ์อันงดงามระหว่างหลุยส์ วิตตองกับประเทศญี่ปุ่น โดยนำโครงสร้างของกระเป๋าทรังก์อันเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาทำเป็นโดมจอภาพ ออกแบบโดยสถาปนิกชาวญี่ปุ่น Shohei Shingematsu ใช้ชื่อว่า “Library of Trunk” นำเสนอเรื่องราวของงานหัตถศิลป์ในการสร้างสรรค์กระเป๋าทรังก์ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน พร้อมเพลงประกอบที่แต่งโดย French Institute for Research and Coordination in Acoustics/Music (IRCAM) อีกห้องหนึ่งชื่อว่า Trunk Sphere เป็นห้องที่ชวนผู้ชมไปสัมผัสประสบการณ์ภาพและเสียงเกี่ยวกับความเป็นมาของหลุยส์ วิตตอง ห้องนี้ออกแบบโดยศิลปินชาวญี่ปุ่น Daito Manabe นอกจากนี้ในระหว่างวันที่ 15 กรกฎาคม-17 กันยายนจะมีนิทรรศการพิเศษ 'Visionary Journey' นำเสนอประวัติศาสตร์ของแบรนด์ที่เชื่อมโยงกับประเทศญี่ปุ่น มีการจัดแสดงผลงานออกแบบชิ้นพิเศษที่บอกเล่าเรื่องราวการสร้างสรรค์และนวัตกรรมของแบรนด์ รวมถึงการแสดงโชว์กระเป๋าผ้าใบรุ่นแรกที่ทำขึ้นสมัยคริสต์ศตวรรษที่ 19 แต่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อไม่นานมานี้และยังอยู่ในสภาพดีมาก กระเป๋าใบนี้มีความสำคัญตรงที่สะท้อนการเดินทางจากอดีตสู่ปัจจุบันของแบรนด์ได้อย่างงดงาม

Celine นิทรรศการชั่วคราวที่จัดแสดงเพียง 1 เดือน (ระหว่างวันที่ 13 เมษายน -11 พฤษภาคม) โดยมีธีมหลักคือฉลองความเป็นพันธมิตรระหว่างซีลีนกับประเทศญี่ปุ่นที่ทำธุรกิจร่วมกันมานาน 80 ปี รวมถึงญี่ปุ่นยังเป็นที่มาแห่งแรงบันดาลใจหลักของแบรนด์ตลอดเวลาที่ผ่านมา หนึ่งในนิทรรศการที่น่าสนใจคือการนำโลโก้ Triomphe สัญลักษณ์ของซีลีนมารังสรรค์ใหม่โดยศิลปินชาวญี่ปุ่น ใช้เทคนิคชื่อว่า 'Maki-e' ซึ่งเป็นศิลปะการตกแต่งลวดลายแบบโบราณ นำมาตกแต่งบนโลโก้ที่เป็นสัญลักษณ์ประจำแบรนด์ได้อย่างน่าสนใจ สะท้อนประวัติศาสตร์อันรุ่งเรืองของญี่ปุ่นและความร่วมสมัยของโลโก้ที่นำมาหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกัน นิทรรศการนี้แสดงให้เห็นถึงการแลกเปลี่ยนทางวัฒนธรรมระหว่างซีลีนกับประเทศญี่ปุ่นได้อย่างชัดเจน


Chaumet ได้ถ่ายทอดความหลงใหลในธรรมชาติมาอย่างยาวนานเกือบ 250 ปี รังสรรค์นิทรรศการที่เชื้อชวนผู้ชมมาสัมผัสประสบการณ์ผ่านนิทรรศการแบบ Immersive ซึ่งถ่ายทอดจักรวาลแห่งธรรมชาติของแบรนด์ผ่านผลงานจิวเวลรีร่วมสมัยและประวัติศาสตร์ รวมถึงสัญลักษณ์ที่เป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์อย่าง รวงข้าว ผึ้ง และรวงผึ้ง ที่ถูกตีความให้กลายเป็นกราฟิกอย่างมีชั้นเชิง จนกลายเป็นภาพจำของคอลเล็กชั่น Bee de Chaumet


VOGUE SCOOP | เมื่อ SoFi Stadium กลายเป็นพื้นที่ตำนานบทใหม่แห่งเสียงเพลงจากเหล่า ‘ศิลปินระดับโลก’!

VOGUE SCOOP | เจาะลึกเรื่องนิทรรศการกับแบรนด์แฟชั่นในปี 2025 ความยิ่งใหญ่ที่มีมากกว่าเรื่องแฟชั่น



