FASHION

เปิดสัมภาษณ์ 'เจฟ ซาเตอร์' และ 'อิงฟ้า วราหะ' กับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญจากภาพยนตร์ 'วิมานหนาม'

ทั้งสองนักแสดงนำได้นำความแหลมคมจากสวนทุเรียนมาทิ่มแทงกันอันเป็นบ่อเกิดจาก ‘ความไม่เท่าเทียม’ และ ’ความเหลื่อมล้ำ’ ที่เกิดขึ้นจริงในสังคม พร้อมมุ่งหน้าสู่ภาพยนตร์ 100 ล้านในอีกไม่ช้า #VogueThailandSeptember2024 #VogueTHBangkokIssue #VogueTHxวิมานหนาม

   ช่างภาพ: ภัคภูวินทร์ ธนชัยบุญญาศิลป์

สไตลิสต์: สลาลี สมบัติมี 

นางแบบ: อิงฟ้า วราหะ 

นายแบบ: เจฟ ซาเตอร์ 

แต่งหน้า (อิงฟ้า): วรเมธ คำพร

แต่งหน้า (เจฟ): รษิกา ธรรมศิลป์

ทำผม (อิงฟ้า): วรโชติ ขอสกุล

ทำผม (เจฟ): ฉัตรมงคล กล่ำสุข

ผู้ช่วยสไตลิสต์: พลอยไพลิน ดิลกศรี, ศศิร์อร เตียวตรานนท์

สถานที่: Whispering Land

เรื่อง: ปวีณา บัลลพ์วานิช

 

     วินาทีนี้หากจะกล่าวถึงภาพยนตร์ที่น่าจับตามองในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ไทยเห็นจะหนีไม่พ้น ‘วิมานหนาม‘ อีกหนึ่งภาพยนตร์ชิ้นเอกแห่งปี 2024 จากค่าย GDH ที่มาพร้อมเส้นเรื่องสุดเซอร์ไพรส์กับการพลิกบทบาทครั้งสำคัญของสองนักแสดงนำ 'เจฟ ซาเตอร์' และ อิงฟ้า วราหะ' ที่ได้นำความแหลมคมจากสวนทุเรียนมาทิ่มแทงกันอันเป็นบ่อเกิดจาก ‘ความไม่เท่าเทียม’ และ ’ความเหลื่อมล้ำ’ ที่เกิดขึ้นจริงในสังคม พร้อมมุ่งหน้าสู่ภาพยนตร์ 100 ล้านในอีกไม่ช้า ทั้งนี้โว้กไม่พลาดพูดคุยกับนักแสดงนำทั้งสองเกี่ยวกับผลงานล่าสุดนี้

 

Vogue: ทำไมเจฟและอิงฟ้าถึงตัดสินใจรับเล่นหนังเรื่อง วิมานหนาม

Jeff: ตอนแรกผมได้รับการติดต่อมาจาก GDH เขาส่งบทมาแต่ผมยังไม่แน่ใจเพราะมันเป็นอะไรที่คร่าวๆ มากๆ ผมเลยมาลองแคสต์ดูโดยที่ยังไม่รู้อะไรเลย รู้แค่เฉพาะซีนที่ต้องเล่นว่าต้องเล่นอะไร แต่ด้วยความที่มันเป็นพี่บอส (นฤเบศ กูโน ผู้กำกับ) และเป็นจีดีเอช ผมเลยรู้สึกว่ามันน่าสนใจเพราะผมติดตามงานของจีดีเอชและพี่บอสอยู่แล้ว รู้เลยว่ามันจะออกมาดี แค่ผมยังไม่แน่ใจในตอนแรกว่าจะทำออกมาได้ดีหรือเปล่า เลยปฏิเสธไป พอมีโอกาสได้ประชุม ได้คิดทบทวนดีๆ อีกที ก็รู้สึกว่าเราอยากทำสิ่งนี้ อยากก้าวข้ามอะไรบางอย่างในฐานะนักแสดงหรือศิลปินไปอีก แล้วถ้าผมทำได้ ตัวผมเองในฐานะศิลปินก็จะโตขึ้นไปอีกขั้น ผมเลยตัดสินใจเข้าร่วมโปรเจกต์นี้ครับ

Engfa: ได้ดูบทที่ผู้ใหญ่ส่งมาแล้วชอบ ด้วยเนื้อเรื่องที่แปลกใหม่ ยังไม่เคยเห็นภาพยนตร์ไทยเรื่องไหนนำเสนอหรือสะท้อนแง่มุมของสังคมขนาดนี้ และพอรู้ว่าเป็นค่ายจีดีเอชก็ไม่คิดมากเลยค่ะ รู้ถึงฝีมือและคุณภาพในการสร้างหนังอยู่แล้วว่าระดับไหน ยิ่งรู้ว่าได้เล่นกับเจฟด้วย รู้สึกว่ามีความต่างแต่มันก็มีความลงตัวอยู่ และเรามีความเป็นศิลปินทั้งคู่น่าจะถ่ายทอดอารมณ์ของการแสดงออกมาได้ดี และมันก็เป็นไปตามที่คิดไว้จริงๆ 

 



WATCH




V: กับบทที่ได้รับ คิดว่าส่วนไหนท้าทายเรามากที่สุด

J: ที่ท้าทายผมสุดๆ เลยก็คือการเป็นคนสวนนี่แหละครับ เป็นคนสวนที่ทำสวนมาทั้งชีวิต มีความเป็นนักสู้ แต่ในขณะเดียวกันก็มีความไร้เดียงสาต่อโลก ความที่ต้องสู้และมีการเปลี่ยนผ่านเกิดขึ้นตลอดทั้งเรื่อง ผมเลยคิดว่าสิ่งนี้ต้องอยู่ในสายเลือดของตัวละคร ผมจึงต้องฝึกอ่านบทและฝึกพูดให้เข้าถึงบทให้มากที่สุด

E: ของฟ้าน่าจะเป็นเรื่องที่เราต้องดูแลคนที่ไม่สามารถเดินได้ ทั้งเช็ดปัสสาวะและต้องดูแลแบบจริงๆ มันมีหลักการในการดูแลอย่างไรบ้าง เพราะในเรื่องเราต้องมีความรู้และความชำนาญในระดับหนึ่ง ส่วนความยากของเรื่องนี้น่าจะเป็นเรื่องของการแสดงอารมณ์ บางอย่างต้องออกมาทางสายตา ทางความรู้สึก เราจะทำอย่างไรให้คนดูรู้สึกได้ว่าเรากำลังโกรธอยู่ในระดับไหนโดยที่เราไม่ต้องพูด เป็นการเรียนรู้ภาษากายที่ค่อนข้างยากนิดหน่อยค่ะ ค่อนข้างท้าทายเหมือนกัน

 

V: เมื่อได้รับบทกันไปแล้ว แต่ละคนใช้เวลาในการพัฒนาตัวละครในบทนานมากไหม

J: สำหรับผมมีความยากตรงที่ตัวละครที่ผมได้รับมันมีความไกลตัวแต่อีกนัยหนึ่งก็มีความใกล้ตัว อย่างเช่น การที่เราต้องเป็นคนไร้เดียงสาซึ่งผมเป็นคนประเภทนั้นอยู่แล้วในชีวิตจริง เลยเข้าถึงตรงนั้นได้ง่าย เพราะเมื่อก่อนผมจะโดนแกล้งบ่อย โดนหลอกบ่อยเลยรู้สึกว่าเข้าถึงได้ง่าย แต่สิ่งที่ต่างจากตัวเองก็คือตัวละครเลือกตัวเลือกที่มีความแตกต่างกันมากๆ ซึ่งในชีวิตจริงผมว่าผมไม่มีทางที่จะไปเลือกทางนั้นได้ วิธีการก็คือผมต้องสร้างตัวละครตัวหนึ่งและต้องเขียนแรงบันดาลใจของตัวละครตัวนั้นเพื่อให้เขามีเหตุผลที่จะเลือกตัวเลือกใดๆ ในชีวิต หรือการเข้าไปถึงในซีน อารมณ์ต่างๆ ตรงส่วนนี้ผมว่ามันมีความยากอยู่เหมือนกัน 

E: จริงๆ ก็ไม่นานเท่าไรค่ะ คืออาจจะเป็นความโชคดีของฟ้าด้วยที่เรารู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่ได้พัฒนาตัวเราคนเดียว เราไปพร้อมๆ กัน นักแสดงทุกคนในเรื่องนี้ช่วยกัน ที่บอกว่าโชคดีเพราะฟ้ารวมถึงทีมงานและพี่บอสด้วย เขาให้ความช่วยเหลือเรามากจริงๆ ในเรื่องของการแสดง เลยทำให้เราหาตัว “โหม๋” เจอค่อนข้างเร็ว ประกอบกับสถานที่ต่างๆ และตัวบทด้วยที่เอื้อไปหมด ทำให้เรารู้สึกอินและเข้าไปในโลกของโหม๋ได้ค่อนข้างเร็ว รวมไปถึงอารมณ์ที่นักแสดงทุกคนส่งมาให้ทำให้เรารู้สึกเข้าถึงได้เร็วมากๆ 

 

ตามไปอ่านบทสัมภาษณ์และชมแฟชั่นเซ็ตเต็มได้ที่นิตยสารโว้กประเทศไทยฉบับเดือนกันยายน 2024 พร้อมวางแผงทั่วประเทศเร็วๆ นี้!

 

WATCH

TAGS : VogueCulture