“NOT JUST A LABEL” วลีคำขวัญประจำแบรนด์ของ Tom Van Der Borght คือรากฐานไอเดียสำคัญที่ทำให้เขาพัฒนาตัวเอง จนวันนี้ดีไซเนอร์ชาวเบลเยียมก็พิสูจน์ตัวเองได้หลังจากคว้ารางวัล Première Vision Grand Prize ในงาน Hyères International Festival of Fashion and Photography ครั้งที่ 35 ซึ่งรางวัลนี้ถือเป็นรางวัลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในงานนี้เลยก็ว่าได้ โดยรางวัลนี้จะมอบให้กับคนที่โดดเด่นที่สุดในแวดวงแฟชั่นในหลายด้านไม่จำกัดประเภท แต่ทอมนั้นมีจุดเด่นเรื่องของวัสดุทั้งเนื้อผ้ารวมไปถึงหนังจะถูกพัฒนาออกมาเป็นความเหนือระดับแตกต่างจนคนอื่นๆ ในจุดนี้เองที่ทำให้ดีไซเนอร์สามารประชันกันเรื่องความสร้างสรรค์กันอย่างเปิดกว้าง

     ทอมเจ้าของแบรนด์ไม่ใช่เด็กหนุ่มสาวหน้าใหม่ไฟแรงแต่อย่างใด เขาเริ่มศึกษาแฟชั่นเมื่ออายุ 30 ปี และเริ่มก่อตั้งแบรนด์ของตัวเองเมื่อปี 2013 หลังจากจบการศึกษาจาก Stedelijke Academie voor Schone Kunsten Sint Niklaas เท่านั้นเอง ตอนนี้ในวัย 42 ปีเขาก็หยิบยกเอาทักษะการผสมผสานสี ลวดลายกราฟิก และเทกซ์เจอร์รูปแบบต่างๆ มาหลอมรวมเข้าไว้ด้วยกันจนเกิดเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์ ซึ่งในคอลเล็กชั่น “7 Ways to be TVDB” นั้นเขาสร้างความแตกต่างในการใช้วัสดุด้วยการนำผ้าวูลเมริโน่มาถักทอใหม่รวมถึงการใช้อะครีลิกและลูเน็กซ์โปร่งใสมาประกอบให้เป็นรูปเป็นร่าง ความจัดจ้านตรงนี้ยิ่งเตะตาเหล่าผู้เสพแฟชั่นและทำให้แบรนด์ของทอมกระโดดออกมายืนท่ามกลางแสงสปอร์ตไลต์

     คณะกรรมการที่นำโดย Jonathan Anderson ผู้ก่อตั้งแบรนด์ JW Anderson และผู้อำนวยการสร้างสรรค์ของ Loewe ตัดสินใจเลือกดีไซเนอร์วัยดึกที่มีประสบการณ์อยู่พอสมควรมากกว่าการเฟ้นหาเด็กหน้าใหม่ไฟแรงอย่างที่เราคุ้นเคยกันสำหรับรางวัลนี้ โดยโจนาธานกล่าวว่า “ผมชื่นชมงานของเขามากๆ มันเป็นเหมือนการสร้างรูปแบบใหม่ให้กับแฟชั่น รูปทรงใหม่ๆ ซิลูเอตแปลกตา และยากจะรังสรรค์มันขึ้นมา” และแน่นอนว่าปี 2020 กรรมการไม่ได้หาแค่ความเก่ง แต่หาความเป็นเฉพาะตัวที่กล้าจะฉีกทุกกฎเกณฑ์ในแบบที่ทอมทำ เทคนิคและความสร้างสรรค์จะต้องรวมเป็นหนึ่งเดียว ฝีมือและความพยายามของเขาพาแบรนด์คว้ารางวัลแซงหน้าทั้ง Kaia Gerber ในฐานะนางแบบ, Tyler Mitchell ในฐานะช่างภาพ, สไตลิสต์ชื่อดังอย่าง Benjamin Bruno และอีกหลายต่อหลายคน แสดงให้เห็นว่าการสร้างตัวตนในยุค 2020 นั้นสำคัญ ถึงแม้ไม่ใช่ตัวตนของตนเอง แต่คือตัวตนของสิ่งที่ตัวเองหลงใหลก็น่าชื่นชมและส่งเสริมไม่แพ้กัน รางวัลนี้จึงการันตีได้อย่างดีว่าแม้โลกแฟชั่นยุคใหม่จะเต็มไปด้วยความหวือหวาแบบฉาบฉวย แต่ฝีมือการมันสมองในการตกผลึกผลงานยังคงมีคุณค่าเสมอ