FASHION
เปิดสัมภาษณ์สุด Exclusive! จาก ปู-ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก กับชีวิตใหม่ในมหานครลอสแอนเจลิสหลังจากที่เธอตัดสินใจไปปักหลักที่สหรัฐอเมริกาเมื่อ 6 ปีก่อนเพื่อตามล่าความฝัน เธอกล้าเผยกับโว้กตรงๆ เลยว่า “ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว” |
Photographer: Yu Tsai
Stylist: Martina Nilsson
Model: Praya Lundberg
MUA : Rachel Goodwin
Hair: Larry Sims
Nails: Bana Jarjour
Digital Technique: Luis Jamine
Videographer: Giancarlo Decastro
Producer: Trever Swearingen
Art Director: Wiwan Worasiri
อีกไม่นานเราจะได้ดูหนังเรื่อง Paradise City หนังแอ็กชั่นที่นำแสดงโดยตำนานฮอลลีวู้ด John Travolta และ Bruce Willis รวมถึงนักแสดงชาวไทย ปู -ไปรยา สวนดอกไม้ ลุนด์เบิร์ก หลังจากที่เธอตัดสินใจไปปักหลักที่สหรัฐอเมริกาเมื่อ 6 ปีก่อนเพื่อตามล่าความฝันที่จะเล่นหนังระดับอินเตอร์ แต่กว่าฝันจะเป็นจริง ระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยอุปสรรคและความท้าทาย โว้กนัดสัมภาษณ์ออนไลน์กับเธอซึ่งอยู่ที่ลอสแอนเจลิสถามไถ่ถึงก้าวสำคัญของการแสดง บทบาททูตสันถวไมตรี UNHCR และชีวิตที่เติบโตขึ้นซึ่งเธอบอกเราว่า “ไม่ใช่คนเดิมอีกแล้ว”
Vogue: เราเห็นปูโพสต์รูปเมืองลอสแอนเจลิสในอินสตาแกรม และเรียกที่นั่นว่าบ้าน
Praya: ใช่ แอลเอเป็นบ้านของปูไปแล้ว (ยิ้ม) ช่วงกลับเมืองไทยก็คิดถึงที่นี่ พูดตรงๆ ว่าปูไม่ฟิตอินกับเมืองไทยเท่าไร รวมถึงตอนอยู่นิวยอร์กก่อนหน้านี้ด้วย บางคนอาจชอบนิวยอร์กที่ทุกอย่างดูตื่นตาตื่นใจ แต่ปูอยู่แล้วเหนื่อย ชีวิตที่นั่นเร็วเกินไป ไม่เหมือนแอลเอที่ชิลกว่าคนที่นี่ชอบเอาต์ดอร์ ชอบออกกำลังกาย ซึ่งตรงกับไลฟ์สไตล์ของเรา อยู่แล้วมีความสุขมากกว่า
WATCH
V: เล่าถึงการเดินทางตามฝันตลอด 6 ปีที่ผ่านมาให้เราฟังหน่อย
P: ยากมาก ปูแคสต์หนังเป็น 100 เรื่องนะกว่าจะได้ โดนปฏิเสธจนชิน แต่การย้ายมาอยู่แอลเอทำให้ปูได้รู้จักเพื่อนๆ หลายคนที่มาเวิร์กช็อปการแสดงด้วยกัน บางคนทำมา 8 ปีแล้วยังไม่ได้หนัง แต่ยังมุ่งมั่นกับความฝันของตัวเองต่อไป เป็นเพื่อนกลุ่มที่ดีมาก ทำให้ปูยืนยันกับตัวเองได้ด้วยว่าเรารักการแสดงจริงๆ ที่ผ่านมาปูมีถ่ายแบบและหนังสั้นที่อเมริกาบ้าง แต่รายได้หลักๆ ที่ใช้ดูแลตัวเองคือการกลับไปถ่ายโฆษณาที่เมืองไทย บวกกับเงินเก็บที่เคยมี นอกจากนี้ก็เปลี่ยนไลฟ์สไตล์ตัวเอง ปกติปูไม่ได้ซื้อแบรนด์เนมมากมายอยู่แล้ว ชุดส่วนใหญ่ที่ใส่ไปงานก็เป็นแบรนด์ที่เคยร่วมงานด้วย หรือสปอนเซอร์ส่งมาให้ แต่ในชีวิตประจำวันก็ใส่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ (เธอปรับกล้องให้ดูชุดที่ใส่วันนี้ กับบรรยากาศในบ้านที่ดูสบายๆ และสุนัข 2 ตัวที่นอนหลับอุตุอยู่บนโซฟาหลังกลับจากไปเดินเล่นด้วยกัน)
V: ในที่สุดเมื่อกลางปีที่แล้ว เราก็เห็นปูโพสต์ข่าวดีที่ได้เล่นหนังฮอลลีวู้ดเรื่องแรกในชีวิต
P: ดีใจมาก (ยิ้มกว้าง) ผู้กำกับ (Chuck Russell) เป็นคนโทร.มาบอก ปูน้ำตาไหล พูดอะไรไม่ออกเลย ผู้กำกับคนนี้เป็นคนที่ให้โอกาส Cameron Diaz เล่นหนังเรื่อง The Mask ซึ่งเป็นหนังแจ้งเกิดของเธอ วันที่โทร.หาปู เขาบอกว่าฉันดูเทป 50-60 แคสติ้ง คิดว่าคุณคือตัวละครนี้ ฉันเชื่อว่าคุณมีโอกาสเป็นคนที่มีชื่อเสียงได้ฟังแล้วก็ซึ้งนะ ปูคิดอยู่ตลอดว่าเราทำได้แล้วจริงๆ เหรอ หลังจากยอมเสียสละอาชีพและรายได้ในเมืองไทย รวมถึงการไม่ได้อยู่กับครอบครัว เรายอมทิ้งทุกอย่างเพื่อมาตามความฝันของตัวเอง หลังจากนั้นปูก็บินไปฮาวาย เพื่อซ้อมบทกับจอห์น ทราโวลต้า, บรูซ วิลลิส และนักแสดงคนอื่นๆ ตอนนั้นตื่นเต้นไปหมด เพิ่งมีเวลาย้อนคิดทีหลังว่าฉันโชคดีมากที่ได้อยู่กองถ่ายใหญ่ขนาดนี้ ทุกเช้ายังได้นั่งกินกาแฟกับจอห์น ทราโวลต้า โห...ทำไมเราโชคดีแบบนี้
V: กำลังจะถามว่าเวลาอยู่ในกองถ่ายหันไปทางขวาคือบรูซ วิลลิส ทางซ้ายคือจอห์น ทราโวลต้า รู้สึกอย่างไร
P: ยิ้มตลอดเลย พื้นเพแม่ปูเป็นคนอ่างทองนะ แต่เราหอบความฝันมาไกลมาก มันปลื้มปริ่มจนลืมทุกอย่าง ปูถ่ายรูปการทำงานเก็บไว้ แต่ไม่ได้ลงในไอจีเลย เพราะเก็บโทรศัพท์ไว้ในรถบ้านตลอด เราอยากซึมซับทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ามากกว่า วันที่ปิดกล้องก็เศร้านะ มันไม่เหมือนเมืองไทยที่เรารู้ว่าปีหนึ่งจะมีละคร 2-3 เรื่อง แต่ที่นี่เราไม่รู้ว่ากว่าจะแคสต์ได้อีกทีคือเมื่อไร เลยซึมนิดหน่อย อย่างตอนนี้ก็ไปแคสต์หนังทุกสัปดาห์โดนปฏิเสธจนไม่ยึดติดแล้ว แต่ปูว่าโอกาสใหม่ๆ อาจมาถึงเร็วๆ นี้แหละ แต่ตอนนี้ขอฝาก Paradise City ก่อน น่าจะได้ดูช่วงซัมเมอร์นี้ค่ะ (ยิ้ม)
V: กับบทบาททูตสันถวไมตรี UNHCR ของปู ช่วงหลังเห็นมีคนตั้งคำถามเกี่ยวกับตำแหน่งนี้และการแสดงความคิดเห็นทางการเมือง
P: หลายคนมองว่าทูตสันถวไมตรีต้องพูดได้ทุกอย่าง แต่หน้าที่ของปูคือเป็นกระบอกเสียงให้ผู้ลี้ภัย ปูไม่สามารถคอมเมนต์ Individual Cases ได้ นั่นคือสิ่งที่คนส่วนใหญ่ไม่เข้าใจ ถ้าเป็นแค่ปู ไปรยา พูดได้อยู่แล้ว แต่พอรับตำแหน่งนี้ความคิดเห็นของปูก็คือความคิดเห็นขององค์กร ถ้าทำให้องค์กรทำงานช่วยผู้ลี้ภัยได้ยากขึ้นก็ต้องเงียบ เนื่องจากเราต้องทำงานทั้งภายในประเทศและระหว่างประเทศ มันค่อนข้างเปราะบาง จึงต้องระวังตรงนี้ 2 ปีที่ผ่านมา ยอมรับว่าโดนแรงกดดันเยอะ ตอนแรกปูมีแพลนแต่งงานกับอดีตคู่หมั้นในวันที่ 6 เดือน 6 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่ข่าวทางการเมืองออกมาเรื่องปู ลูกค้าโฆษณาบางคนก็ไปจากเราในวันนั้น มันมาพร้อมกันหมด แต่ถ้าปูยอมถอยจากบทบาททูตสันถวไมตรีเพียงเพราะมีคนไม่ชอบเรา หรือว่างานหายไป ปูก็ไม่ควรทำตำแหน่งนี้ ถ้าจะทำแค่วันที่มีคนชม งั้นเราผิดแล้วแหละ ปูต้องยืนหยัดกับสิ่งที่เชื่อ เพราะเราลงพื้นที่แล้วเห็นกับตาว่า UNHCR ช่วยคนจริงๆ ถ้าเป็นเมื่อก่อนเวลามีเรื่องแบบนี้ ปูเป็นคนที่ฉันต้องเคลียร์เดี๋ยวนี้ แต่วันนี้โตขึ้น และเข้าใจว่าบางเรื่องก็ไม่ต้องเคลียร์ คนอื่นก็มีสิทธิ์ที่จะมีความคิดเห็นเกี่ยวกับการงานของเราเช่นกัน
V: ความรักในวันนี้เป็นอย่างไร
P: ก็มีคนคุยด้วยตามประสาผู้หญิงอายุ 30 กว่าที่โสด แต่ไม่ได้เน้นเรื่องนี้แล้ว ปูอาจจะไม่ได้เปิดเผยความรักครั้งต่อไปเหมือนที่ผ่านมา รู้สึกเป็นครั้งแรกที่รักตัวเอง ปูไม่ได้ผยองนะ กลับรู้สึกถ่อมตัว เหมือนตัวตนเราเปลี่ยนไปแล้ว ไม่ใช่ปู ไปรยาคนเดิมที่ทำทุกอย่างเพื่อเติมเต็มตัวเอง แต่ทำเพราะใจรักจริงๆ
V: เหมือนปู ไปรยาได้ค้นพบตัวเองในเวอร์ชั่นใหม่ที่อเมริกา
P: ใช่ เหมือนโตขึ้นอีกสเตป โดยเฉพาะโควิด-19 ที่สอนว่าอะไรที่มีค่ากับชีวิตจริงๆ วันที่ตัดสินใจมาอเมริกา เหมือนปูทุบหม้อข้าวตัวเองนะ ถ้าอยู่เมืองไทยอาจมีละคร โฆษณา มีกระแสแต่ที่อเมริกาปูก็แค่คน 1 คน แต่บอกตัวเองว่าถ้าต้องรอ 10 ปีถึงจะได้เล่นหนัง เราก็จะรอ ถึงแม้ชื่อเสียงในเมืองไทยจะหาย หรือไม่ได้ไปแฟชั่นวีกก็ไม่เป็นไร ขอแค่ได้ทำในสิ่งที่รักก็พอ ถึงวันนี้ปูบอกตัวเองได้ว่าทำถูกแล้ว เพราะยูเดินจากสิ่งที่ไม่ใช่ตัวเอง ไม่ต้องวิ่งตามกระแสอีกต่อไปแล้วยูจะพบความสุขที่แท้จริง
WATCH