ไขรหัสความสำเร็จของแบรนด์แฟชั่นยั่งยืน 'Pangaia' เสื้อผ้าชิ้นเบสิกที่ใครๆ ก็หยิบมาใส่

     เชื่อว่าหลายคนคงเคยแอบสงสัยกันอยู่บ้าง ว่าทำไมเสื้อผ้าของแบรนด์ 'Pangaia' ที่ดูคล้ายกับเสื้อผ้าชิ้นเบสิกธรรมดาๆ ทั่วไป ถึงได้กลายมาเป็นเสื้อผ้าที่นิยมใส่กันในหมู่เซเลบริตี้ และเป็นหนึ่งในแฟชั่นไอเท็มที่ใครๆ ก็พูดถึง วันนี้โว้กจะพาไปหาคำตอบกันว่าทำไมแบรนด์นี้ถึงประสบความสำเร็จในการทำธุรกิจเสื้อผ้าที่ดู (เหมือน) จะธรรมดานี้

ภาพ: Vogue UK

       ถึงแม้ว่า Pangaia จะเพิ่งเริ่มก่อตั้งแบรนด์ขึ้นมาในปี 2018 แต่ต้องยอมรับว่าแบรนด์แฟชั่นยั่งยืนแบรนด์นี้เติบโตอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยการสื่อสารที่ส่งไปถึงลูกค้าด้วยความเข้าใจง่ายและตรงประเด็นอย่าง ‘Made for everyday, for everyone’ ซึ่งหมายถึงเสื้อผ้าที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศ ทุกวัย และเป็นเสื้อผ้าที่สามารถใส่ได้ทุกวันอย่าง เสื้อยืด เสื้อฮู้ด กางเกงวอร์ม หรือกางเกงขาสั้นที่ผลิตออกมา ก็ยิ่งอธิบายความเป็นเสื้อผ้าชิ้นเบสิกที่ใครๆ ก็ใส่ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงเวลาที่ทุกคนต้องกักตัวในช่วงโรคระบาด ผู้บริโภคหลายคนก็มองหาเสื้อผ้าที่ใส่สบายและสามารถใช้งานได้หลายโอกาสมากขึ้น ทำให้เสื้อผ้าของ Pangaia กลายมาเป็นชุดยูนิฟอร์มเวลาอยู่บ้านหรือชุดสำหรับออกไปช็อปปิ้งของใครหลายคนก็ว่าได้

ภาพ: Vogue UK

 

       อีกประเด็นสำคัญที่ทำให้ใครๆ ก็พูดถึงแบรนด์นี้ก็คือความเป็นแบรนด์แฟชั่นยั่งยืน Pangaia มีการเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมเป็นหลัก โดยผสมผสานกับเทคโนโลยีที่ล้ำสมัยในการผลิตสินค้า ซึ่งมีทั้งนักวิทยาศาสตร์ วิศวกร ศิลปิน และดีไซเนอร์ทำงานร่วมกันจนออกมาเป็นเสื้อผ้าดีไซน์ชิคๆ ที่ล้ำสมัยด้วยนวัตกรรมที่ก้าวไปอีกขั้น เริ่มตั้งแต่เส้นใยที่ใช้เทคโนโลยีที่ชื่อว่า ‘C-Fiber’ ซึ่งถือว่าเป็นซิกเนเจอร์ของแบรนด์ โดยใช้เนื้อยูคาลิปตัสและผงสาหร่ายมาผสมผสานกับเทคโนโลยีเฉพาะจนออกมาเป็นเส้นใยที่สามารถย่อยสลายทางชีวภาพได้ อีกทั้งยังเลือกปลูกสาหร่ายขึ้นเองที่ใต้ทะเล เพื่อทดแทนการใช้น้ำจืดจำนวนมหาศาลในการปลูกฝ้ายอีกด้วย นอกจากนี้เสื้อผ้าทั้งหมดจะถูกนำมาผ่านการบำบัดด้วยเทคโนโลยีเฉพาะที่เรียกว่า PPRMINT หรือการนำน้ำมันจากเปปเปอร์มินต์มาใช้เป็นส่วนประกอบหลัก ซึ่งมีคุณสมบัติทำให้เสื้อผ้ายังคงความสะอาดระหว่างการใช้งานได้นานขึ้น ยับยั้งการเกิดเชื้อแบคทีเรีย ทำให้ไม่จำเป็นต้องซักผ้าบ่อย (ทางแบรนด์กล่าวว่าสามารถใส่โดยไม่ต้องซักได้ถึง 20 ครั้ง) ซึ่งจะช่วยลดปริมาณการใช้น้ำและสารเคมีในการซักผ้าแต่ละครั้งได้ไม่น้อยเลยทีเดียว เรียกว่าเป็นเทคโนโลยีที่น่าสนใจและแปลกใหม่สำหรับอุตสาหกรรมแฟชั่นในปัจจุบัน

       ทั้งหมดนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเทคโนโลยีที่ถูกคิดค้นขึ้นมาสำหรับแบรนด์ Pangaia โดยเฉพาะ และยังมีเทคโนโลยีอีกมากมายที่แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจพัฒนาสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งเทคโนโลยี FLWRDWN หรือการนำดอกไม้ป่ามาทดแทนการใช้ขนเป็ดเพื่อลดการรบกวนสัตว์ หรือกระบวนการย้อมผ้าที่ใช้นวัตกรรมสีย้อมสิ่งทอที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แน่นอนว่าผู้บริโภคยุคนี้ให้ความสำคัญกับเรื่อง Sustainable Fashion หรือแฟชั่นที่ยั่งยืนมากขึ้น ยิ่งมีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาสร้างสินค้าที่ยั่งยืน ทำให้แบรนด์ Pangaia กลายเป็นตัวเลือกอันดับต้นๆ สำหรับนักช็อปสายแฟชั่นรักษ์โลก

1 / 2

2 / 2

       นอกจากนี้เรื่องของการดีไซน์ที่ดูมินิมัลยังถือเป็นจุดเด่นที่ทำให้แบรนด์กลายเป็นที่นิยม ถึงขั้นที่เซเลบริตี้อย่าง Bella Hadid, Justin Bieber หรือ Pharrell Williams ก็หยิบมาใส่กันอยู่บ่อยครั้ง ถึงแม้ว่าจะไม่มีการสกรีนลายใดๆ บนสินค้า เว้นแต่ประโยค 2-3 บรรทัดที่พูดถึงการผลิตสินค้าชิ้นนั้นอย่างจริงใจ ไม่ว่าจะเป็น “This hoodie is made from a recycled and organic cotton mix” หรือ “This T-shirt is treated with natural peppermint oil. It stays fresh for longer between washes” ประโยคเหล่านี้อาจทำให้ผู้สวมใส่เชื่อว่าเขาเป็นส่วนหนึ่งในการเลือกใช้สินค้าที่ผ่านการคิดมาอย่างดี และเหมือนเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสร้างความตระหนักในการบริโภคสินค้าแฟชั่นยั่งยืนในเวลาเดียวกัน

       ส่วนเรื่องโทนสีของเสื้อผ้า Pangaia ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดให้ผู้บริโภคสนใจในตัวสินค้าเช่นกัน โดยสีฉูดฉาดที่มักจะเห็นกันบ่อยๆ นั้นก็คือสีประจำโลโก้ของแบรนด์ทั้ง 7 สี คือ Cobalt Blue, Saffron Yellow, Flamingo Pink, Persimmon Orange, Celestial Blue, Orchid Purple และ Jade Green ในคอลเล็กชั่น 7 Pop Colors ที่ดึงเอาความสวยงามของสีบนสัตว์ ดอกไม้ ทะเล และผลไม้มาใช้ แต่แน่นอนว่ามีคอลเล็กชั่นสีพื้นเรียบๆ สำหรับใครที่ต้องการความเรียบง่ายอย่างสีขาว สีกรม สีดำ หรือสีเทาเอาไว้ด้วย ทั้งหมดนี้ผ่านกระบวนการย้อมสีจากธรรมชาติ โดยใช้พืชผักที่เหลือทิ้งและผักผลไม้เป็นวัตถุดิบหลัก ซึ่งผู้สวมใส่สามารถสบายใจได้ว่าไม่มีการนำสารเคมีใดๆ มาใช้ย้อมสี

ภาพ: Musings Magazine

 

       Pangaia ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าดีไซน์ที่ดีและแฟชั่นที่ยั่งยืนสามารถอยู่รวมกันได้อย่างเข้ากัน ต้องยอมรับว่าแบรนด์ Pangaia เป็นเสื้อผ้าที่มีราคาสูงกว่าเมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ ที่มีดีไซน์ที่คล้ายกัน แต่แน่นอนว่าคุณภาพของมันจะไม่เหมือนสินค้าทั่วๆ ไป โดยผู้สวมใส่จะสามารถสัมผัสได้ถึงคุณค่าที่แบรนด์พยายามจะสื่อสารออกมา รวมถึงความตั้งใจในการคิดค้นเทคโนโลยีที่เป็นส่วนหนึ่งในการช่วยพัฒนาอุตสาหกรรมแฟชั่นที่ยั่งยืนในปัจจุบันและอนาคต ทั้งหมดนี้จึงอธิบายได้ว่า ทำไมแบรนด์ Pangaia จึงประสบความสำเร็จในธุรกิจเสื้อผ้าชิ้นเบสิกธรรมดาๆ ที่ไม่ธรรมดาเช่นนี้