FASHION
เปิดเบื้องหลังชีวิตของ "Louis Vuitton" ก่อนจะมาเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลกกว่า 168 ปี หลุยส์ วิตตอง ก็ยังสามารถผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์กับเทรนด์แฟชั่นทุกยุคสมัยได้อย่างลงตัว |
นอกจากชื่อของ 'Louis Vuitton' แบรนด์ลักชัวรีที่เก่าแก่จากประเทศฝรั่งแล้ว เชื่อว่าน้อยคนที่จะเคยได้ยินเรื่องราวของผู้ก่อตั้งแบรนด์นี้ ด้วยความช่างสังเกตและความสามารถของเขาหล่อหลอมให้แบรนด์เติบโตมาไกลระดับโลก ในบทความนี้จะพาไปเปิดเรื่องราวชีวิตของ Louis Vuitton ก่อนจะกลายมาเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์ที่ไม่มีใครไม่รู้จัก
ภาพ: GQ Thailand
หลุยส์ วิตตองเป็นเด็กชายที่เกิดในครอบครัวชนชั้นแรงงานในเมือง Anchay เขต Jura ซึ่งตั้งอยู่บนเขาทางฝั่งตะวันออกของประเทศฝรั่งเศส ชีวิตของเขาไม่ได้เกิดบนกองเงินกองทองอย่างที่ใครคิด โดยเขาอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ กับพี่น้องในโรงสีของพ่อ อีกทั้งชีวิตของหลุยส์ยังต้องเจอกับความเลวร้ายจากแม่เลี้ยงของเขาตลอดเวลา ด้วยเหตุผลนี้ทำให้เขาตัดสินใจเดินทางออกจากบ้านในวัย 16 ปี เพียงหวังแค่ได้มีชีวิตใหม่ที่อยู่ไกลจากแม่เลี้ยงคนนี้ หลุยส์ออกเดินทางจากบ้านเกิดไปกรุงปารีสซึ่งมีระยะทางกว่า 400 ไมล์ โดยมีการหางานทำเรื่อยๆ ระหว่างการเดินทางไปถึงปารีส และในที่สุดก็ถึงปารีสในปี ค.ศ. 1837 ซึ่งใช้เวลากว่า 2 ปีในการเดินทางครั้งนี้
Monsieur Maréchal / ภาพ: Style.Katexoxo
ช่วงเวลาที่หลุยส์อยู่ในปารีส เขาได้มีโอกาสเข้าไปฝึกงานกับ Monsieur Maréchal เจ้าของบริษัทที่ทำธุรกิจเกี่ยวกับหีบใส่ของและการบรรจุของ ตลอดระยะเวลาที่ทำงานที่นี่ หลุยส์ได้พบปะและใกล้ชิดกับกลุ่มชนชั้นสูงอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากช่วงนั้นผู้คนยังใช้รถม้า เรือ และรถไฟเป็นพาหนะในการเดินทาง กระเป๋าของพวกเขามักจะถูกขนย้ายอย่างไม่ระมัดระวังนัก ทำให้กลุ่มชนชั้นสูงจะต้องหาผู้ที่ชำนาญมาจัดเก็บสิ่งของเพื่อป้องกันความเสียหายของเครื่องใช้ส่วนตัวของพวกเขา หรือคนมีฐานะมักจะหาพนักงานบรรจุหีบห่อสักคนเพื่อเดินทางไปจัดสัมภาระของพวกเขาในช่วงพักผ่อน ประสบการณ์เหล่านั้นทำให้หลุยส์ได้เรียนรู้การจัดเก็บสัมภาระของชนชั้นสูงอย่างชำนาญ และมีความรู้เกี่ยวกับกระเป๋าเดินทางมากขึ้น โดยมีลูกค้าคนสำคัญ อย่าง Eugénie de Montijo จักรพรรดินีองค์สุดท้ายของฝรั่งเศสเป็นผู้เปิดทางให้เขาได้เข้าสู่วงการนี้อย่างเต็มตัว เพราะหลุยส์มีโอกาสได้เข้าไปถวายงาน โดยการจัดเก็บสัมภาระให้จักรพรรดินีองค์นี้อยู่บ่อยครั้งก็ทำให้เขาเป็นที่รู้จักในวงกว้างของสังคมชนชั้นสูง
WATCH
1 / 2
หีบ Grey Trianon Canvas ช่วงปี 1858 / ภาพ: Style.Katexoxo
2 / 2
หีบ Grey Trianon Canvas ช่วงปี 1870 / ภาพ: Style.Katexoxo
การทำงานเป็นพนักงานบรรจุหีบห่อ ทำให้หลุยส์ได้รู้ถึงข้อบกพร่องต่างๆ ของกระเป๋าหีบขนาดใหญ่ จนในที่สุดเขาได้ผุดไอเดียและได้เริ่มออกแบบโครงสร้างของกระเป๋าใหม่ ด้วยการใช้ไม้ที่มีน้ำหนักเบากว่าเดิม มีการนำผ้าแคนวาสมาเป็นซับใน และออกแบบด้านข้างของกระเป๋าให้กันน้ำที่สามารถซึมเข้าไปได้ ด้วยประสบการณ์กว่า 17 ปี ในฐานะพนักงานบรรจุของ หลุยส์ได้ตัดสินใจเปิดร้านเป็นของตัวเองในฐานะผู้ผลิตกระเป๋าอย่างแบรนด์ “Louis Vuitton” ซึ่งตั้งอยู่ที่ถนน Neuve-des-Capucines ใกล้กับ Place Vendome ในปี ค.ศ. 1854 และแบรนด์หลุยส์ วิตตองก็กลายเป็นแบรนด์กระเป๋าเดินทางที่นิยมใช้กันในหมู่ชนชั้นสูง ทำให้ธุรกิจของเขาเติบโตอย่างรวดเร็วตั้งแต่เริ่มก่อตั้งร้าน
หลังจากประสบความสำเร็จในการเปิดร้าน หลุยส์ได้เปิดตัว Trunk หรือหีบใส่สัมภาระของแบรนด์ หลุยส์ วิตตอง ในชื่อ “Grey Trianon Canvas” หีบรูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เรียกได้ว่าเป็นต้นกำเนิดของกระเป๋าเดินทางสมัยใหม่ก็ว่าได้ ด้วยรูปลักษณ์ที่แปลกใหม่และรูปทรงของมันที่ง่ายต่อการจัดเก็บ อีกทั้งยังสามารถกันน้ำได้ ทำให้มันได้รับความสนใจในหมู่นักเดินทางอย่างรวดเร็ว
The Asnières workshop / ภาพ: Loius Vuitton
ในปี 1859 ธุรกิจของหลุยส์ได้รับผลตอบรับที่ดีเกินคาด และเป็นหนึ่งในแบรนด์กระเป๋าเดินทางที่ดังที่สุดในขณะนั้น ทำให้เขาตัดสินใจเปิดโรงงานแห่งใหม่ที่เมือง Asnières ซึ่งตั้งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของใจกลางกรุงปารีส โดยมีภรรยาอย่าง Clémence และลูกชาย Georges ที่เพิ่งคลอดไปอยู่ด้วยกัน ทุกอย่างเหมือนจะดำเนินไปด้วยดี แต่แล้วก็เกิดสงคราม Franco-Prussian ขึ้น มีความโกลาหลเกิดขึ้นมากมาย อีกทั้งยังมีการเข้ายึดโรงงานแห่งนี้เป็นเวลาหลายเดือน เอกสารสำคัญรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ ถูกทำลายในพริบตา อย่างไรก็ตาม หลุยส์ไม่ยอมแพ้กับเรื่องนี้ เขาได้ตัดสินใจเริ่มใหม่โดยการเปิดร้านที่ถนน Scribe ในกรุงปารีสอีกครั้ง หลังจากนั้นไม่นานหลุยส์ก็มีโอกาสเปิดธุรกิจนอกประเทศเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1885 โดยร้านนี้ตั้งอยู่บนถนน Oxford ในประเทศอังกฤษ และจอร์จ ลูกชายของเขาเป็นผู้ดูแลกิจการที่ขยับขยายแห่งนี้
1 / 2
ภาพลายโมโนแกรมที่จอร์จได้สร้างสรรค์ขึ้นจนกลายเป็นลายเอกลักษณ์ของแบรนด์หลุยส์ วิตตองมาจนถึงทุกวันนี้ / ภาพ: Style.Katexoxo
2 / 2
กระเป๋ารุ่นแรกของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง รุ่น "Steamer Bag" ในปีค.ศ. 1901 / ภาพ: Style.Katexoxo
แต่แล้วในปี ค.ศ. 1892 หลุยส์ วิตตอง ก็เสียชีวิตในวัย 70 ปี เส้นทางของแบรนด์หลุยส์ วิตตองตกทอดไปสู่ลูกชายคนโตอย่างจอร์จ ซึ่งกลายมาเป็นผู้ดูแลกิจการคนใหม่ โดยเขาได้พัฒนาและคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ให้กับแบรนด์อยู่เสมอ ทั้งการคิดค้นลายโมโนแกรมที่ประกอบด้วย LV หรือตัวอักษรย่อของแบรนด์ รูปดอกไม้สี่กลีบแบบทึบ รูปดอกไม้สี่กลีบแบบโปร่ง และรูปที่มีรูปทรงคล้ายกับมงกุฎ ซึ่งลายเหล่านี้ถือเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์มาจนถึงปัจจุบัน อีกทั้งยังคิดค้นกระเป๋ารุ่นแรกของแบรนด์อย่าง “Steamer bag” กระเป๋ารูปทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่ได้รับการตัดเย็บจากผ้าใบอย่างประณีต ซึ่งถือเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของแบรนด์หลุยส์ วิตตอง เพราะก่อนหน้านี้แบรนด์หลุยส์ วิตตองมีแต่สินค้าที่เป็นหีบทรงเหลี่ยมและกระเป๋าเดินทางเท่านั้น
1 / 4
กระเป๋าแบรนด์หลุยส์ วิตตอง รุ่น "Alma Bag" / ภาพ: JEAB
2 / 4
กระเป๋าแบรนด์หลุยส์ วิตตอง รุ่น "Speedy Bag" / ภาพ: JEAB
3 / 4
กระเป๋าแบรนด์หลุยส์ วิตตอง รุ่น "Neverfull Bag" / ภาพ: Louis Vuitton
4 / 4
กระเป๋าแบรนด์หลุยส์ วิตตอง รุ่น "Keepall Bag" / ภาพ: Louis Vuitton
หลังจากนั้นแบรนด์หลุยส์ วิตตองก็มีการคิดค้นและผลิตกระเป๋าแบบอื่นๆ ออกมาจนกลายเป็นแบรนด์ที่เป็นที่นิยมระดับโลก โดยมีกระเป๋าชิ้นไอคอนิกเกิดขึ้นมากมาย ทั้งรุ่น Alma, Speedy, Neverfull หรือ Keepall ความนิยมนี้ทำให้แบรนด์นี้เข้าไปอยู่ในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง LVMH ในปี ค.ศ. 1987
แบรนด์หลุยส์ วิตตองพิสูจน์ให้เห็นแล้วว่ากว่า 168 ปีก็ได้สร้างสรรค์ผลงานคุณภาพให้กับวงการแฟชั่น อีกทั้งยังคงเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมแฟชั่นในทุกยุคสมัยถึงแม้จะผ่านมือของ Artistic Director มาแล้วหลายคน แต่ต้องยอมรับว่าทุกคนที่ก้าวเข้ามาทำงานให้กับแบรนด์นี้ สามารถผสมผสานความเป็นเอกลักษณ์ของแบรนด์กับเทรนด์แฟชั่นปัจจุบันได้อย่างลงตัว
ข้อมูล : Louis Vuitton
ภาพ : GQ Thailand
เรียบเรียง : Ramita Naungtongnim
WATCH