คิม คาร์ดาเชียน เตรียมเปลี่ยนชื่อแบรนด์ 'KIMONO' หลังโดนกระแสโจมตีอย่างหนักจากชาวญี่ปุ่น

     หลังจากเพิ่งมีกระแสข่าวการให้กำเนิดทายาทคนใหม่แห่งครอบครัว Kardashian-West ด้วยวิธีการอุ้มบุญเมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา ล่าสุดดูเหมือนว่าคิม คาร์ดาเชียน เซเลบริตี้แห่งยุคจะถูกกระแสโซเชียลมีเดียโหมกระพืออีกครั้ง หลังจากที่เธอได้ตัดสินใจเปิดแบรนด์เสื้อผ้า Shapewear เป็นของตัวเอง โดยใช้ชื่อคอลเล็กชั่นในตอนแรกว่า Kimono จนทำให้เธอนั้นถูกกล่าวหาว่าล้ำเส้นวัฒนธรรมกิโมโนแห่งประเทศญี่ปุ่นมากเกินไป

ภาพ : บัญชีทวิตเตอร์ Kim Kardashian West

 

     โดยชาวญี่ปุ่นหลายคนในโลกทวิตเตอร์ได้ทวิตข้อความเชิงต่อว่าถึงคิม คาร์ดาเชียนว่า "ชื่อแบรนด์ Kimono Intimates ที่เธอใช้อยู่ในตอนนั้นเป็นการไม่เคารพวัฒนธรรมกิโมโนของญี่ปุ่นที่มีมายาวนาน เพราะในมุมมองของชาวญี่ปุ่นมองว่า กิโมโนเป็นวัฒนธรรมอันแข็งแกร่งตั้งแต่ศตวรรษที่ 16 และไม่ต่างจากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่น ที่ไม่ใช่ใครก็ได้ที่จะสามารถหยิบไปใช้ในทางแสวงหากำไรได้ง่ายๆ" กระทั่งผู้ใช้บัญชีทวิตเตอร์นามว่า Yuka Ohishi ยังได้ออกมาทวิตข้อความโต้กลับถึงการเลือกใช้ชื่อแบรนด์ของคิมในครั้งนั้น ใจความว่า “วัฒนธรรมของเราไม่ใช่ผ้าสแปนเด็กซ์ ไม่ใช่ชุดว่ายน้ำ หรือชุดเดินชายหาด และมันก็ไม่ใช่อะไรก็ตามที่คุณจะนำไปใช้ได้ในการตั้งชื่อแบรนด์ หรือการนำไปทำเป็นเครื่องหมายการค้าของคุณ” กระแสดังกล่าวยังก่อให้เกิดแฮชแท็กล้อเลียนใหม่อย่าง #KimOhNo อีกด้วย กระนั้นคิม คาร์ดาเชียนก็ไม่ได้นิ่งเฉย ยังเคยออกมาปกป้องแบรนด์ของเธอในสื่อ The New York Times ไว้ว่า "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็จะไม่ยอมเปลี่ยนชื่อแบรนด์นี้"

     หากล่าสุดเมื่อไม่นานที่ผ่านมา มีรายงานจากสื่อหลายสำนักว่าคิม คาร์ดาเชียนกำลังเตรียมการเพื่อประกาศชื่อแบรนด์เสื้อผ้าของเธอใหม่ โดยเซเลบริตี้สาวยังได้โพสต์บนอินสตาแกรมส่วนตัว ไว้ว่า "ฉันมักจะฟัง เรียนรู้ และเติบโตอยู่เสมอๆ และฉันรู้สึกซาบซึ้งกับมุมมองอันหลากหลายที่หลายๆ คนส่งมาให้ฉันดูตลอดเวลาที่ผ่านมา และหลังจากที่ฉันได้พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะเปิดตัวแบรนด์ของฉันภายใต้ชื่อใหม่...”

ภาพ : อินสตาแกรม KimKardashian

 

     ดูเหมือนว่าเรื่องราวของวัฒนธรรมที่ฝังรากของแต่ละชนกลุ่มจะยังคงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนอยู่เสมอ ต่างคนต่างวัฒนธรรมก็ต่างมุมมอง หากท้ายที่สุดเรายังคงต้องเคารพซึ่งกันและกัน นี่จึงนับเป็นอีกกรณีตัวอย่างให้โลกอุตสาหกรรมแฟชั่น และเจ้าของแบรนด์ได้เรียนรู้ และที่น่าสนใจไปกว่านั้นคือหลังจากนี้เซเลบริตี้สาวแห่งยุคคนนี้จะรับมือกับดราม่าครั้งนี้ต่อไปอย่างไร และชื่อแบรนด์ใหม่ของเธอนั้นจะใช้ชื่อว่าอะไร เหล่าสาวกแฟนคลับก็คงต้องรอติดตามต่อไป...