ภาพ: Slfmag

     เริ่มต้นกันด้วยวิธีแรกโดยให้เลือกกระเป๋าที่ตรงกับไลฟ์สไตล์การแต่งตัวมากที่สุด เพราะถ้าหากเลือกซื้อตามปัจจัยเรื่องความทนทาน ความยอดนิยม และความคุ้มค่า แต่ท้ายที่สุดแล้วไม่ได้เหมาะกับการแต่งตัวหรือรสนิยมเท่าไหร่นักก็อาจไม่ได้ใช้กระเป๋านั้นเลยก็เป็นได้ เพราะฉะนั้นควรเลือกใบที่แมตช์กับไลฟ์สไตล์ของเรามากที่สุด

ภาพ: Getty Image

     วิธีที่สองคือการเลือกจากวัสดุที่ใช้ทำกระเป๋า อย่างเช่นกระเป๋าที่ผลิตจากหนังสัตว์ที่ฟอกจะทนทานและมีอายุการใช้งานที่มากกว่ากระเป๋าที่ผลิตจากวัสดุชนิดอื่นๆ ทำให้สามารถใช้งานได้นาน หรือหากจะส่งต่อสภาพก็ไม่เก่า อีกหนึ่งสิ่งที่ควรคำนึงถึงคือไม่เลือกกระเป๋าที่มีวิธีการดูแลยากจนเกินไป เพราะจะทำให้คุณมัวระวังจนไม่กล้าใช้ หรือบางครั้งเลอะขึ้นมาก็ต้องส่งทำความสะอาดทำให้เสียเงินโดยใช่เหตุ

ภาพ: The Impression

     ถัดมากับวิธีที่สามโดยการเลือกกระเป๋าที่เพิ่มราคาขึ้นตลอดเวลา ให้สังเกตจากราคาในอดีตและการขึ้นราคาของกระเป๋าใบนั้น ว่ามีแนวโน้มการขึ้นราคามากน้อยเพียงใด ยิ่งกระเป๋าที่มีความคลาสสิกและเป็นที่นิยมราคาก็จะพุ่งขึ้นตลอดเวลา ถ้าหากสวยถูกใจกระเป๋าในนั้นก็น่าลงทุนไม่น้อย

ภาพ: Tumblr

    ปิดท้ายด้วยวิธีที่สี่ด้วยการเลือกขนาดของกระเป๋าที่สามารถใส่ของที่ใช้ในชีวิตประจำวันได้จริง เพราะฟังก์ชั่นของกระเป๋าคือการแบกสัมภาระของเราออกไปข้างนอกด้วย ถ้าหากซื้อมาแล้วไม่สามารถใส่อะไรได้ก็ถือว่าซื้อมาไม่คุ้มค่า เพราะฉะนั้นควรเลือกกระเป๋าที่มีขนาดพอดี ใช้งานได้จริง ให้เหมาะสมกับเรามากที่สุด