การกลับมาของแฟชั่นในอดีตที่เขย่าเทรนด์ยุคปัจจุบันแทบทุกซีซั่น

     แน่นอนว่ามนุษย์อาศัยอยู่กับโลกแฟชั่นจนกลายเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นยุคอดีตถึงปัจจุบันแฟชั่นก็มักจะเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเสมอเพราะความนิยมในแต่ละช่วงเวลาก็เวียนผันไปตามสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นเพื่อปรับตัวให้เข้ากับวิถีชีวิตของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัย ส่วนใหญ่สิ่งของจำพวกเสื้อผ้า แอ็กเซสเซอรี่ หรือไอเท็มต่างๆ อย่างเช่นกระเป๋า หรือเข็มขัด ก็ล้วนออกแบบขึ้นใหม่เพื่อให้เกิดสิ่งใหม่ที่ดูแปลกตาไปทั้งสิ้น แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าระยะเวลาในช่วงหลังก็มักจะเห็นผู้คนเริ่มนำเทรนด์หรือสไตล์แฟชั่นในสมัยหนึ่งกลับมารังสรรค์ลุคให้ได้กลิ่นอายถึงความย้อนยุคมากขึ้น ใครหลายคนอาจมองว่าลุคนั้นดูเชยไม่นำสมัย แต่กลับกันสิ่งนั้นยังกลายเป็นไวรัลและสร้างความคลาสสิกให้คนรุ่นใหม่ได้หันมาแต่งตามกันจนน่าตกใจ ซึ่งวงจรดังกล่าวก็ได้เกิดขึ้นมาเป็นระยะเวลาสักพักแล้ว

1 / 2

2 / 2

     ย้อนกลับไปในช่วงประมาณปี 2015-2017 จะเห็นได้ว่าอยู่ดีๆ เทรนด์แฟชั่นในยุค 70s ก็กลับมาอีกครั้งเหมือนชุบชีวิตใหม่ เมื่อมองไปตามที่ต่างๆ ก็จะเห็นผู้คนมากมายหยิบเสื้อผ้าดีไซน์ที่ฮิตในสมัยนั้นมาสไตลิ่งให้เข้ากับในชีวิตประจำวันอยู่เสมอ ซึ่งเทรนด์ยุค 70s นั้นได้รับวัฒนธรรมอันหลากหลายมาจากชาติตะวันตก โดยเฉพาะการแต่งตัวสไตล์ ‘ฮิปปี้’ ก็เป็นสิ่งที่นิยมมากในขณะนั้น แต่ในช่วงปีดังกล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าหลายคนนำจุดเด่นของยุคนั้นมาแต่งตัวกันอย่างแพร่หลาย ไม่ว่าจะเป็นลายผ้าที่ดูซับซ้อน และมีสีสันสดใสนำมาแมตช์ให้เข้ากับกางเกงขาบาน ก็ถือเป็นการแต่งกายที่กลับมาฮิตในช่วงนั้นอย่างมากเลยทีเดียว

1 / 2

2 / 2

     ก้าวเข้าสู่ช่วงประมาณปี 2018-2019 เหมือนเป็นการวิ่งเปี้ยวส่งไม้ในมือจากเทรนด์ยุค 70s ให้กับเทรนด์แฟชั่นยุค 80s ต่อทันที ซึ่งถือว่าในยุคนี้เป็นยุคที่เฟื่องฟูเรื่องแฟชั่นพอสมควร เพราะเต็มไปด้วยสีสันอันจัดจ้านและเอกลักษณ์ที่ชัดเจน อีกทั้งยังมีสไตล์ที่หลากหลายให้เลือกสรรไม่ว่าจะเป็นเสื้อตัวใหญ่หลวมโคล่งแบบโอเวอร์ไซซ์ เสื้อคอปกโปโลสีพื้น เสื้อยืดหรือเสื้อฮู้ดสีพาสเทลและสีแสบสัน กางเกงยีนส์สีซีดที่ผ่านการฟอกมาแล้ว กางเกงขาสั้นและขายาวที่เลือกไอเท็มเข็มขัดมาสไตลิ่งเข้ากันให้โดดเด่น หรือแม้แต่รองเท้าสนีกเกอร์ที่เน้นสีคลาสสิกอย่างเช่นสีขาว สีดำ สีเบจ หรือสีน้ำตาล ก็เป็นสิ่งที่ผู้คนในช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมาก็นำแฟชั่นดังกล่าวมาสวมใส่กันอย่างแพร่หลาย

1 / 2

2 / 2

     แทบไม่ต้องเดากันต่อว่าในปลายปี 2019 ไปสู่ช่วงปี 2020-2021 จะนำแฟชั่นยุคถัดไปกลับมาอีกครั้ง และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ เมื่อถึงคิวเทรนด์แฟชั่นยุค 90s นั้นกลับมาเฉิดฉายเกลื่อนเมือง ซึ่งเรียกได้ว่าคนเกือบทั้งโลกก็แต่งตัวสไตล์นี้ไปตามๆ กัน ด้วยความที่เป็นเอกลักษณ์ และสามารถหาเสื้อผ้าหรือไอเท็มต่างๆ มาแมตช์กันได้ง่าย อีกทั้งยังเลือกได้ว่าจะรังสรรค์ลุคให้เป็นทางการ หรือแค่แต่งตัวสบายๆ ในวันหยุดพักผ่อนก็ย่อมได้ การแต่งกายในยุคนี้จะโดดเด่นในเรื่องของเสื้อครอป กางเกงเอวสูง กางเกงขาบาน ขาม้า หรือขากระดิ่ง ชุดเอี๊ยม และรองเท้าส้นหนาหรือส้นตึก ก็เป็นไอเท็มที่ผู้คนในช่วงสองปีที่ผ่านมาหยิบมาแต่งตามๆ กัน

1 / 2

2 / 2

     เมื่อถึงปลายปี 2021 จนมาถึงในปีปัจจุบันนี้ ผู้คนก็โบกมือลาเทรนด์แฟชั่นยุค 90s ไปตามเดิม พร้อมต้อนรับการกลับมาอีกครั้งของแฟชั่นยุค 2000s ซึ่งเหมือนเป็นที่รู้กันแล้วว่าแฟชั่นในยุคอดีตเหมือนเปลี่ยนกะทำงานเพื่อกลับมามีบทบาทในช่วงเวลานั้นๆ โดยในปีนี้แฟชั่นของยุค 2000s ก็ประสบความสำเร็จอีกตามเคยเมื่อผู้คนก็หันกลับมาแต่งกายอย่างเป็นไปตามคาด ด้วยการเลือกเสื้อผ้าและไอเท็มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อเกาะอกที่นำผ้าเช็ดหน้าผืนใหญ่มารัดไว้ กางเกงหรือกระโปรงเอวต่ำ เสื้อสายเดี่ยว สเวตสูทที่แมตช์เข้ากันทั้งบนและล่าง หรือแม้แต่ไอเท็มชิ้นสำคัญอย่างกระเป๋าข้างแซดเดิล และหมวกแก๊ป ที่คนในยุคปัจจุบันก็หันมาให้ความสนใจและแต่งตามกันเป็นจำนวนมาก จนได้กลิ่นอายความเป็นยุค 2000s เกือบทั้งเมืองก็ว่าได้

   จากเรื่องทั้งหมดที่ผู้เขียนได้กล่าวมา หลายคนคงคิดว่าอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญที่สามารถเกิดขึ้นได้อยู่เสมอ แต่แท้จริงแล้วสาเหตุของการหมุนเวียนแฟชั่นในอดีตให้กลับมาเป็นที่นิยมอีกครั้งนั้นกลายเป็นวัฏจักรที่น่าแปลกประหลาดโดยมีชื่อทฤษฎีที่เรียกว่า “The Nostalgic Cycle” ซึ่งไม่ว่าอะไรก็แล้วแต่ที่เคยมีอิทธิพลอย่างมากในอดีต จะเป็นเวลาในรอบทศวรรษ หรือมากกว่านั้นก็จะสามารถวนกลับมาเกิดขึ้นอีกครั้งได้ราวกับว่าฟื้นคืนชีวิตใหม่ซึ่งก็ได้เกิดขึ้นกับวงการแฟชั่นไปแล้ว ต้องมาตามลุ้นกันว่าในอีกสองปี ห้าปี หรืออีกหลายสิบปีข้างหน้าเทรนด์แฟชั่นในยุคไหนที่จะกลับมาเฉิดฉายอีกครั้ง หรือจะมีใครสร้างปรากฏการณ์ใหม่ในวงการแฟชั่นจนทำลายทฤษฎีนี้ให้หายไปอย่างถาวร ก็อาจจะเป็นไปได้ ไม่มีใครคาดเดาได้เลย…