FASHION
Eddie Kang แม่ของผมเป็นจิตรกรแต่ท่านไม่ค่อยสอนผมวาดรูป ยื่นมาแค่กระดาษเปล่าเขาพูดถึงแม่เกิน 3 ครั้งตลอดการสนทนา |
ทุกปีแฟชั่นแบรนด์สัญชาติเกาหลีชื่อดังอย่าง MCM จะปล่อยแคปซูลคอลเล็กชั่นที่ร่วมกันทำกับศิลปินชื่อดังจนกลายเป็นธรรมเนียมไปเสียแล้ว สำหรับปีนี้ถึงตาของศิลปินชาวเกาหลี Eddie Kang ซึ่ง ณ เวลานี้ไม่มีใครไม่พูดถึงโปรเจกต์คอลาบอเรชั่น MCM x Eddie Kang ที่ประกอบไปด้วยกระเป๋าและแอ็กเซสเซอรี่ลวดลาย Animamix ผสมผสานกับงานสไตล์ Comic แนวถนัดของเอ็ดดี้ คัง หลังบินมาถึงเมืองไทยได้เพียง 1 วัน โว้กประเทศไทยจึงชวนศิลปินรายนี้มานั่งคุยถึงเรื่องราวชีวิตและเส้นทางการเป็นศิลปินอาชีพ
รู้ตัวว่ารักศิลปะตั้งแต่…
“ตั้งแต่จำความได้เลยครับ ผมโตมากับแม่ที่เป็นจิตรกร ตั้งแต่เกิดผมคลุกคลีอยู่กับบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความคิดสร้างสรรค์ ผมไปเที่ยวที่สตูดิโอของแม่ตลอด เธอพาผมไปงานจัดแสดงทุกงาน ไม่แปลกที่ผมจะซึมซับความเป็นศิลปินมาตั้งแต่นั้น ศิลปะกลายเป็นจุดมุ่งหมายและความฝันของผม ยังจำได้ไหมครับตอนเด็กๆ ทุกคนจะชอบวาดรูปตัวเองในอนาคตตามจินตนาการ เช่นเด็กบางคนวาดตัวเองในชุดกาวน์ของคุณหมอ บางคนวาดตัวเองเป็นนักบินอวกาศ ส่วนผมน่ะหรอ วาดตัวเองถือพู่กันระบายสีตลอดเลยครับ”
จากความหลงใหลกลายเป็นอาชีพ
“ผมตัดสินใจเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยศิลปะครับ ซึ่งอันที่จริงไม่ใช่การตัดสินใจที่ยากเลยเพราะผมรู้ตัวว่าชอบศิลปะมาตลอด อาจจะแปลกใจนิดหน่อยถ้าบอกว่าเอกที่ผมเลือกเรียนคือเอกภาพยนตร์แอนิเมชั่นและวิดีโอ ซึ่งเป็นเรื่องดีที่ผมได้มีโอกาสเรียนรู้เทคนิคการทำวิดีโอและแอนิเมชั่นมากมาย แต่ถึงกระนั้นผมก็ยังโหยหาการวาดรูปและวาดอะไรไปเรื่อย หลังเรียนจบผมไม่ต้องคิดอะไรเยอะเลยว่าอยากทำงานอะไร มันคิดได้อัตโนมัติเลยว่าต้องวาดรูป”
ไม่ง่ายที่จะหาเอกลักษณ์หรือซิกเนเจอร์ให้ตัวเอง คุณหามันเจอได้อย่างไร
“เรื่องนั้นผมคงต้องพูดถึงแม่ของผมอีกนั่นแหละ ตอนเด็กๆ เวลาไปสตูดิโอกัน แม่ผมจะยุ่งอยู่กับการวาดรูป ท่านไม่ได้มาสอนอะไรผมว่าจะต้องวาดเส้นอย่างไร ส่วนมากท่านจะแค่ให้กระดาษเปล่ามาหลายๆ แผ่น ตอนนั้นผมรู้แค่ว่าต้องวาดอะไรลงไปสักอย่างก็เลยวาดเส้นขยุกขยิกไปเรื่อย วาดเป็นรูปของเล่น รูปสัตว์เลี้ยง มีทั้งสิ่งที่เป็นรูปธรรมและนามธรรม น่าเหลือเชื่อที่เส้นขยุกขยิกในวันนั้นมันส่งอิทธิพลมาถึงตอนโต ตอนอยู่มัธยมผมเริ่มสร้างคาแร็กเตอร์ตัวการ์ตูนที่มีพื้นฐานมาจากเส้นขยุกขยิก ตั้งแต่วันนั้นจนถึงวันนี้แม้ลายเส้นของผมจะถูกพัฒนามาเรื่อยๆ แต่โดยพื้นฐานแล้วมันมาจากลายเส้นที่ผมเขียนตอนเด็กๆ ครับ”
ผลงานภาพวาดสื่อผสมของ Eddie Kang / ภาพ: Art in Asia
ผลงานที่จำไม่ลืม
“นี่เป็นคำถามที่ยากทีเดียวเพราะศิลปินส่วนใหญ่จะรู้สึกผูกพันกับผลงานเกือบทุกชิ้นที่สร้างขึ้น แต่ถ้าจะให้เลือกจริงๆ ก็คงเป็นผลงานที่ได้จัดแสดงเดี่ยวครั้งแรกของผมในไทเป ประเทศไต้หวัน เมื่อปี 2008 ก่อนหน้านั้นผมเคยจัดแสดงแบบกลุ่มร่วมกับศิลปินรายอื่นมาแล้ว แต่นั่นเป็นครั้งแรกที่ได้จัดแสดงใหญ่คนเดียว เป็นผลงานที่ส่งผลต่อผมมาก เพราะมันคือการเปิดตัวในฐานะศิลปินอาชีพ”
ศิลปินสุดปลื้ม
“นอกจากแม่ของผมแล้ว ผมมีศิลปินที่ชอบเยอะมาก คนแรกก็ Cy Twombly จิตรกรภาพแอบสแตรก อีกคนคือ George Condo จิตรกรชาวอเมริกัน เขาวาดรูปร่างและรูปทรงได้มีเสน่ห์ เป็นศิลปินที่น่าสนใจมาก ส่วนในบรรดาศิลปินรุ่นใหม่ผมชอบ Yoo Hee ซึ่งเป็นศิลปินชาวเกาหลีครับ”
ศิลปินในอดีตที่คุณอยากเจอ
“แน่นอนว่าต้องเป็น Cy Twombly ครับ ผมมีโอกาสได้ไปดูงานจัดแสดงของเขาหลายงาน แต่ชิ้นที่น่าจดจำที่สุดคือคอลเล็กชั่นรวมที่จัดแสดงในแกลเลอรี่ภายใต้ชื่อ-สกุลของเขาเองภายใน Menil Collection ที่ฮูสตัน เท็กซัส ผมยืนดูได้เป็นชั่วโมง แม้ไม่เคยพบเขาตัวเป็นๆ แต่แค่ยืนมองผลงานของเขาผมก็สัมผัสถึงตัวตนเขาได้ ที่สำคัญผมได้บทเรียนเยอะมากจากการแค่ยืนดู”
ถ้าได้เจอ Cy Twombly จะ…
“ผมจะชวนให้เขามาวาดรูปบนผนังด้วยกันครับ รูปอะไรก็ได้ที่เขาอยากวาด ซึ่ง Cy Twombly เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางเรื่องการใช้เส้นมหาศาล ถ้าได้ชวนเขามาวาดเส้นให้ทั่วกำแพงผืนใหญ่ด้วยกัน มันคงเป็นเหมือนฝันเลย แต่น่าเศร้าที่เขาเสียชีวิตไปเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้เอง”
ภาพวาดของ Cy Twombly ศิลปินคนโปรดของ Eddie Kang / ภาพ: MoMA
แกลเลอรี่โปรดรอบโลก
“ส่วนตัวผมชอบแกลเลอรี่ที่มีร้านหนังสืออยู่ด้วย ถ้าเป็นที่นิวยอร์กก็จะเป็น Gagosian Gallery เขามีร้านหนังสือที่วิเศษมาก แล้วก็ David Zwirner Gallery ซึ่งมีร้านหนังสือแบบป๊อปอัพ แล้วก็อีกที่คือ Rothko Chapel และ Cy Twombly Pavilion ซึ่งอยู่ภายใน Manil Collection ในฮูสตัน เท็กซัส สองที่นี้ก็เป็นแกลเลอรี่โปรดสุดๆ ของผม”
แกลเลอรี่ + ร้านหนังสือ = ?
“ผมมีความผูกพันกับหนังสือมากครับ แต่ที่น่าสนใจกว่านั้นคือผมใคร่รู้ว่าแกลเลอรี่ต่างๆ พัฒนาผลงานของเหล่าศิลปินดังออกมาอย่างไร และในรูปแบบใดได้บ้าง บางที่วางขายเครื่องเขียนและหนังสือที่เกี่ยวกับผลงานของศิลปะนั้นๆ ในฐานะของศิลปินด้วยกันผมมีความสุขมากที่ได้เห็นอะไรแบบนี้”
แต่ละวันของเอ็ดดี้ คัง
“ผมใช้ชีวิตเรียบง่ายมาก ตื่นนอนประมาณ 7 โมงเช้า ไปสตูดิโอ เช็คอีเมล ดูเอกสารต่างๆ จากนั้นก็เริ่มทำงาน เริ่มวาดภาพ กลับบ้านประมาณ 6 โมงไปทานมื้อเย็น หลังจากนั้นก็นั่งทำงานอะไรเล็กๆ น้อยๆ ต่อที่บ้าน คนชอบคิดว่าศิลปินจะต้องใช้ชีวิตแบบสุดเหวี่ยง อย่างเช่นเมาเหล้าตลอด บ่ายแล้วยังไม่ตื่น ซึ่งไม่ผิดนะครับถ้าจะทำ แต่สำหรับผมขอแบบธรรมดาๆ แบบนี้แหละดีแล้ว”
เมืองไทยคือสีอะไรในมุมมองของคุณ
“สีทองและสีเขียวครับ ตั้งแต่มาถึงกรุงเทพฯ ผมก็ไปทัวร์มาบ้างนิดหน่อย สองข้างทางมักจะเจอแต่สีทองอร่ามแล้วก็สีเขียว ซึ่งผมคิดว่าน่าจะเป็นสีที่บอกความเป็นตัวตนของเมืองไทยได้ดีที่สุด เป็นคู่สีที่ผมชอบมากที่สุดด้วยครับ”
หลังจากนี้มีแผนจะทำงานศิลปะที่ได้แรงบันดาลใจจากเมืองไทยบ้างไหม
“แน่นอนครับ เวลาผมทำงานก็มักจะดึงแรงบันดาลใจมาจากสิ่งที่ผมได้ไปเจอไปเห็นมา แล้วก็แปรรูปอารมณ์ความรู้สึกเหล่านั้นให้เป็นรูปร่างและรูปทรง พอพูดถึงประเทศไทยทุกคนก็จะนึกถึงช้าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งไฮไลต์ของประเทศไทยเลย ตั้งแต่มาที่นี่ผมเกิดไอเดียเรื่องคาแร็กเตอร์การ์ตูนช้างขึ้นมา ซึ่งผมเองก็มีความทรงจำกับช้างโดยส่วนตัวเพราะชอบอ่านการ์ตูนดัมโบ้ของดิสนีย์มาตั้งแต่เด็ก ก่อนหน้านี้ผมเคยวาดช้างไปแล้วแต่พอได้มาเมืองไทยก็อยากลองวาดอีกเยอะๆ ครับ”
วินาทีที่รู้ว่าจะได้ทำโปรเจกต์กับ MCM
“ย้อนไปเมื่อปี 2016 ตอนนั้นผมเพิ่งเสร็จงานแสดงที่นิวยอร์ก เอเจนต์ถามผมว่าคิดอย่างไร อยากทำไหม ผมตกลงแบบไม่คิดเลย เพราะ MCM เป็นแบรนด์แฟชั่นที่มีชื่อเสียงมาก เป็นโอกาสที่ดีสำหรับผมในการเรียนรู้การนำเสนอผลงานแบบใหม่ๆ โดยไม่จำเป็นต้องโชว์ในแกลเลอรี่เสมอไป ตลอดการทำงานเกือบ 1 ปีกับ MCM ผมตื่นเต้นมาก เราแลกเปลี่ยนไอเดียกันไปมาตลอดครับ”
แคปซูลคอลเล็กชั่น MCM x Eddie Kang ประกอบด้วยกระเป๋าและแอ็กเซสเซอรี่ลวดลาย Animamix / ภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช
Big City Life Loveless
“แรงบันดาลใจของคอลเล็กชั่นนี้มาจากนิทรรศการเดี่ยว Big City Life Loveless ของผมในนิวยอร์ก ผมอยากสื่อสารถึงผู้คนในเมืองใหญ่ที่บางครั้งผมรู้สึกว่ามีบางอย่างที่ขาดหายไปในตัวพวกเขา บางอย่างที่พวกเขาอาจหลงลืมจากการถูกบีบคั้นให้ต้องเอาตัวรอด สิ่งนั้นคือความบริสุทธิ์ของความทรงจำในวัยเด็ก ผมเชื่อว่าผู้คนยังคงมีสิ่งนี้อยู่ในหัวใจลึกๆ และผมต้องการดึงมันออกมา พร้อมกับเตือนใจพวกเขาว่ายังมีสิ่งดีๆ อยู่ในตัวคุณนะ นี่เป็นข้อความสำคัญที่ผมพยายามสื่อในผลงานเกือบทุกชิ้นของผม”
ความหินของโปรเจกต์นี้
“ด้วยความที่ MCM เป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงในระดับสากล มีสไตล์เฉพาะตัว มันเลยค่อนข้างท้าทายสำหรับผมที่จะใส่ผลงานของตัวเองลงไปอย่างไรให้แนบเนียน ผมไม่อยากเปลี่ยนภาพดั้งเดิมของแบรนด์ ดังนั้นเราเลยต้องแลกเปลี่ยนไอเดียกันเยอะ ทดลองกันเยอะครับ จะเห็นได้ชัดเลยว่าผมจงใจเก็บภาพจำของ MCM ไว้ทั้งหมด อันจะเห็นได้จากกระเป๋าถือที่มีลวดลายสองด้าน ด้านหนึ่งเป็นลายโมโนแกรมของ MCM ส่วนอีกด้านเป็นลายคาแร็กเตอร์ของผม ซึ่งผู้ถือสามารถกลับด้านและปรับเปลี่ยนการใช้งานได้”
MCM ในสายตาเอ็ดดี้ คัง
“อย่างที่ทราบกันว่าทุกปี MCM จะทำคอลาบอเรชั่นกับศิลปินต่างๆ ก่อนหน้าผมคือ MCM x Tobias Rehberger ซึ่งเป็นศิลปินที่ดังมาก หลังจากที่ได้เห็นแคปซูลคอลเล็กชั่นครั้งนั้น ผมรู้สึกว่า MCM เป็นแบรนด์ที่ไม่กลัวการเปลี่ยนแปลงเลย ชอบทดลองอะไรใหม่ๆ แล้วก็กะตือรือร้น ชอบความหลากหลาย เป็นแบรนด์ที่สร้างความตื่นเต้นได้ตลอด”
ถึงว่าที่ศิลปินอาชีพ
“ผมคิดว่าศิลปินทุกคนมีช่วงเวลาประสบความสำเร็จของตัวเองครับ มันอาจจะมาถึงช้าหรือเร็วไม่สำคัญ คุณไม่ต้องนั่งนับวันรอมันหรอกครับ สิ่งเดียวคือขอให้ทำต่อไปอย่าหยุด แล้ววันแห่งความสำเร็จจะเป็นของคุณ”
เรื่องและสัมภาษณ์: ปภัสรา นัฏสถาพร
ภาพ: สุดเขต จิ้วพานิช
WATCH