FASHION
ก้าวต่อไปของ Dry Clean Only แบรนด์สัญชาติไทยที่ดังไกลระดับโลกโดย 'เบสท์–ปฏิพัทธ์ ชัยภักดี'โว้กชวนคุยกับเบสท์ พร้อมอัปเดตมุมมองของเขากับธุรกิจแฟชั่นท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอด |
โว้กมีโอกาสได้พูดคุยและถามสารทุกข์สุกดิบกับ เบสท์-ปฏิพัทธ์ ชัยภักดี เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าอย่าง Dry Clean Only แบรนด์แฟชั่นสัญชาติไทย ที่หยิบเสื้อเก่ามาดัดแปลงใหม่จนไปไกลระดับโลก (คลิกอ่านบทสัมภาษณ์เพิ่มเติมได้ ที่นี่) พร้อมอัปเดตมุมมองของเขากับธุรกิจแฟชั่นท่ามกลางสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปตลอด อะไรคือเบื้องหลังแนวคิดและวิธีการปรับตัว วันนี้เขาจะมาเล่าให้เราฟัง
Vogue: ณ ตอนนี้รับหน้าที่และทำในส่วนใดบ้างของ Dry Clean Only
Best: ผมยังคงดูแลในส่วนของครีเอทีฟไดเร็กเตอร์ โดยดูแลภาพรวมทั้งหมดและกำหนดทิศทางของคอลเล็กชั่น เรียกได้ว่ายังดูเกือบทุกขั้นตอนเหมือนเดิม เริ่มตั้งแต่การร่างแบบ การผลิต จนกระทั่งเรื่องการจัดส่งสินค้าจนถึงมือลูกค้า รวมไปถึงเรื่องการโปรโมตแบรนด์ ตลอดจนงานพีอาร์ที่ต้องประสานงานกับสื่อทั้งไทยและต่างประเทศ พูดง่ายๆ ก็คือ ทำแทบทุกอย่างในแบรนด์เลยครับ (หัวเราะ)
V: ดีเอ็นเอของแบรนด์ ณ ปัจจุบัน ตอนนี้เป็นอย่างไร
B: ในมุมมองของผม ผมยังคงเสนอภาพของ Dry Clean Only ที่ผสมผสานเสื้อผ้าวินเทจด้วยการตัดเย็บจนเกิดเป็นซิลูเอตใหม่ถือว่าเป็นดีเอ็นเอหลักของแบรนด์ก็ว่าได้ แต่อาจจะมีความซอฟต์ลงมาบ้าง เมื่อแบรนด์เราโตขึ้น ในด้านการออกแบบและในเชิงธุรกิจ แบรนด์เองก็มีการปรับเปลี่ยนอะไรนิดๆ หน่อยๆ เพื่อให้แบรนด์ไปต่อได้ และเพื่อให้เข้ากับสถานการณ์ที่เปลี่ยนไปในปัจจุบันด้วย
V: เทรนด์ในปัจจุบัน กระแสของโลก มุมมองธุรกิจที่เปลี่ยนไป สิ่งเหล่านี้ได้ให้เราพัฒนาหรือเรียนรู้อะไรเพิ่มขึ้นบ้างไหม
B: มันเปลี่ยนไปค่อนข้างมากเลยทีเดียว เช่นเมื่อก่อนลูกค้าหลักของแบรนด์ส่วนใหญ่มาจากต่างประเทศ พอเกิดโรคระบาดขึ้นในช่วง 1-2 ปีที่ผ่านมา ทำให้แบรนด์ไม่สามารถไปทำโชว์รูมเพื่อนำเสนอคอลเล็กชั่นที่ต่างประเทศได้ รวมถึงเรื่องการส่งสินค้าเองก็ทำได้อย่างล่าช้ามาก ทำให้แบรนด์ต้องปรับเปลี่ยนและหันกลับมาโฟกัสตลาดภายในประเทศมากขึ้น ซึ่งแบรนด์ยังเชื่อว่าบ้านเรามีศักยภาพพอที่จะทำให้ธุรกิจของเราไปต่อได้
WATCH
V: พูดถึงโควิดในทุกๆ ระลอกที่ผ่านมา ให้อะไรกับเราบ้าง และเราพร้อมรับมือกับสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างไร
B: นับได้ว่าโควิดที่ผ่านมาให้ประสบการณ์ใหม่ๆ เยอะมาก ทำให้เราต้องคิดอะไรใหม่ๆ หรือนอกกรอบไปเลยมากกว่าการทำเสื้อผ้า สิ่งที่ผ่านมาทำให้ตัวผมเองต้องปรับตัว ทำใจยอมรับกับสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงตลอด แต่แบรนด์เองก็จะยังคงสร้างประสบการณ์ใหม่ๆ ให้ลูกค้า พัฒนาแบรนด์ และคุณภาพให้ดีขึ้นไปเรื่อยๆ ไม่ว่าอนาคตจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก ตัวผมเองและแบรนด์ก็ยังหวังว่าผ่านมันไปได้อย่างสวยงามครับ สาธุ!
V: เห็นว่าเดินทางไปฝรั่งเศส กำลังมีโปรเจกต์อะไรพิเศษ บอกเล่าให้โว้กฟังหน่อย
B: เอาตรงๆ เลย เดินทางไปพักผ่อนครับ (หัวเราะ) ไม่ได้ไปทำงานเลย เพราะตัวผมเองไม่ได้เดินทางมา 2 ปีแล้ว พอเวลาและจังหวะลงตัวก็อยากไปพักผ่อน พออยู่ที่ปารีส คือเดินเล่นอย่างเดียวเลย นั่ง Metro แวะดื่มกาแฟที่คาเฟ่ หรือไปเจอและทักทายเพื่อนเก่าบ้าง ได้เพื่อนใหม่กลับมาบ้าง ไปเดินดูมิวเซียมบ้าง ท้ายที่สุดก็คิดงานอยู่ดี จริงๆ ไปคราวนี้ก็เหมือนได้ไปปลดปล่อยตัวเอง มองหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ เลยได้ไอเดียกลับมาพอสมควร ซึ่งตอนนี้แบรนด์เองก็มีโปรเจกต์สนุกๆ อย่าง SALON DE DRY CLEAN ONLY ที่เกิดจากเรากำลังจะย้ายออฟฟิศไปที่ใหม่ เลยฉุกคิดขึ้นมาว่าออฟฟิศเก่าที่เราอยู่มันสวยจัง มันคือเรื่องราวและชีวิตของเรา เลยเกิดเป็น SALON DE DRY CLEAN ONLY คือการนำ DNA ของแบรนด์มาทำเป็นของแต่งบ้าน อาทิ แก้วน้ำ ที่รองจาน กล่องกระดาษทิชชู่ และให้เพื่อนที่สนิทมาจัดดอกไม้ให้ จัดเก้าอี้ ตกแต่งโต๊ะอาหาร และเลือกอาหารที่เราชอบมาเสิรฟ์ให้เพื่อนๆ พี่ๆ คนสนิทที่เรารักมารับประทานข้าวด้วยกัน มันคือการ Reconnect กับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่รู้จักกันมานาน ซึ่งแฮปปี้ทุกรอบ และผมมองว่ามันคือความผูกพันที่บุคคลทั้งหมดนั้นมีให้กับแบรนด์ Dry Clean Only
1 / 2
SALON DE DRY CLEAN ONLY
2 / 2
SALON DE DRY CLEAN ONLY
V: อยากให้ฝากแง่คิดของการใช้ชีวิต การทำงาน ในมุมมองของเบสท์–ปฏิพัทธ์ ชัยภักดี
B: อยากทำอะไรให้ทำเลย แต่ควรตระหนักและชั่งตวงดีๆ ว่าผลตามมาจะดีไหม ถ้าดูแล้วว่าโอเคให้ทำเลย อีกหนึ่งสิ่งคือเชื่อในสัญชาตญาณตัวเองให้มากๆ และควรให้โอกาสกับทุกสิ่ง ถ้าเราเป็นคนที่เคยได้รับโอกาส และถึงจุดที่เราสามารถที่จะให้โอกาสคืนกลับไปได้ให้ทำเลย ท้ายที่สุดกำลังใจสำคัญมากๆ ในการใช้ชีวิตทุกวันนี้
WATCH