FASHION

1 ในใจตลอดกาล ที่สุดของเซตติ้งรันเวย์แบรนด์ Dior

หากนอกเหนือไปกว่ารายละเอียดบนชุดที่เหล่าดีไซเนอร์เลือกขนทัพมาอวดโฉมดีเทลการคัตติ้ง หรือแม้แต่การเดินไขว้ขาเรียงคิวกันไปมาบนรันเวย์ของเหล่านางแบบระดับแถวหน้า ก็คงไม่ได้น่าสนใจมากกว่าหรือน้อยกว่าความอลังการของฉากหลังเซตติ้งในทุกโชว์ เพราะนอกจากเหล่าดีไซเนอร์จะต้องหัวหมุนพร้อมมือเป็นระวิงในเรื่องการทำคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าแล้ว ยังต้องมากุมขมับนั่งเครียดถึงการนำเสนอโชว์ให้ออกมาจับใจกันที่สุดอีกด้วย

 

แต่อย่างไรก็คงไม่ใช่กับ Dior เพราะแบรนด์ดังสัญชาติฝรั่งเศสก้าวล้ำคนอื่นๆ อยู่เสมอทั้งเรื่องของซิลูเอตเสื้อผ้า คัตติ้ง ลวดลาย การผสมผสาน รวมไปถึงการนำเสนอโชว์ ถ้าจะให้พูดกันตามตรงการใช้นิ้วมือนับความประทับใจฉากหลังเซตติ้งของแบรนด์ดิออร์ก็คงต้องเรียกว่าไม่พอ เพราะความโดดเด่นและไม่เหมือนใครทำให้ดิออร์นั้นแตกต่างอยู่เสมอ หากวันนี้โว้กคัดสรรมาแล้วว่าทั้ง 5 เซตติ้งนี้คือ “ที่สุด” ของรันเวย์ที่ไม่ว่าจะเป็นสายแฟหรือไม่แฟก็คงต้องชื่นชอบไม่ต่างกัน จะมีคอลเล็กชั่นไหนบ้างตามเรามาดูกัน

 

FALL 2017 COUTURE

1 / 3

FALL 2017 COUTURE


2 / 3

FALL 2017 COUTURE


3 / 3

FALL 2017 COUTURE


สวนสัตว์ขนาด (ไม่) ย่อมถูกเนรมิตขึ้นที่โอเต็ล เดส์ แซ็งวาลีด (Hôtel des Invalides) อาคารประวัติศาสตร์จากยุคพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ในปารีส ประเทศฝรั่งเศส ที่ซึ่งดิออร์จะพาทุกคนทั้งสำรวจและท่องเที่ยวไปในซาฟารีเปิดสำหรับคอลเล็กชั่น FALL 2017 COUTURE สวนสัตว์ดิออร์ตกแต่งด้วยพืชพันธุ์สีเขียวชอุ่มอุดมสมบูรณ์มาพร้อมประติมากรรมรูปสัตว์นานาชนิดขนาดใหญ่ที่ทำขึ้นจากไม้ ไหนจะอากาศสดชื่นตัดกับผืนฟ้าสีครามที่ช่วยทำให้โชว์ครั้งนี้ดูน่าผจญภัยมากขึ้น แต่หากเงยหน้ามองขึ้นไปอีกนิดก็จะพบกับภาพวาดแผนที่แห่งการเดินทางไปสู่ทวีปอื่นๆ ของ Albert Decaris จากปี 1953 โดยธีมครั้งนี้ Maria Grazia Chiuri หัวเรือใหญ่ของแบรนด์นำเอาแรงบันดาลใจในส่วนนี้มาร่วมในการออกแบบคอลเล็กชั่นเพื่อวาดฝันการพจญภัยที่ยิ่งใหญ่ ร่วมด้วยการเนรมิตซาฟารีแห่งนี้จากฝีมือของ Pietro Ruffo ที่ผูกเรื่องราวความเชื่อของดวงดาวบนฟากฟ้าให้กลายเป็นจุดเริ่มต้นการเดินทางรอบโลกนั่นเอง

 

RESORT 2018



WATCH




1 / 3

RESORT 2018


2 / 3

RESORT 2018


3 / 3

RESORT 2018


การนั่งทอดขาลงบนเสื่อถัก หรืออิงแอบอยู่กับกองหมอนใบใหญ่ดูแฟชั่นโชว์ของดิออร์ครั้งนี้คงเป็นอะไรที่มีสีสันและสดใหม่มากทีเดียว (ถ้าไม่นับว่าเหน็บจะกินขาจนเมื่อย) บรรยากาศชวนผิงไฟอุ่นๆ ในกระโจมที่ได้นั่งล้อมวงกับเพื่อนดูกิจกรรมรอบกองไฟแบบสบายๆ อาจเป็นบรรยากาศที่ Maria Grazia Chiuri ต้องการให้เป็นสำหรับแฟชั่นโชว์คอลเล็กชั่น RESORT 2018 ดิออร์พาโชว์นี้มุ่งหน้าสู่ชนบทที่ Calabasas เมืองหนึ่งในลอสแอนเจลิส กับการนำเอาเซตติ้งอย่างกระโจมขนาดใหญ่ไปสวมลงบนฉากหลังธรรมชาติอย่างภูเขาลูกใหญ่กว่ามาก ดิออร์ยังนำเอาบอลลูนใหญ่ยักษ์มาตั้งเป็นวิวด้านหลังเพิ่มความงดงามจับใจยามพระอาทิตย์ตกดิน เรียกได้ว่าเป็นความฉลาดอย่างหนึ่งที่ไม่จำเป็นต้องหาภาพศิลปะ หรือประติมากรรมอะไรก็ตามแต่มาจัดวาง เพราะให้ความสวยงามของธรรมชาตินี่แหละช่วยเพิ่มความอลังการของโชว์นี้แทน ถือเป็นหนึ่งในฉากหลังที่สวยงามที่สุดอีกหนึ่งฉากของโชว์ดิออร์เลยก็ว่าได้ หากสงสารก็แต่สุภาพสตรีบางคนในส้นสูงที่ต้องมานั่งขดขาเมื่อยๆ ชมแฟชั่นกันหน้าฟรอนต์โรล แต่ถ้าหากต้องแลกกับวิวขนาดนี้! เป็นเราเองก็ยอมเช่นกัน

 

FALL 2018 READY-TO-WEAR

1 / 3

FALL 2018 READY-TO-WEAR


2 / 3

FALL 2018 READY-TO-WEAR


3 / 3

FALL 2018 READY-TO-WEAR


ภาพที่ดูเหมือนกราฟิตี้บนข้างถนน ทั้งร่องรอยการฉีกประของนิตยสารในยุคแบบป็อปคัลเจอร์สีสันฉูดฉาดสดใสบนฉากหลังของเซตติ้งรันเวย์ดิออร์ อาจไม่ได้มีความหมายนัยยะสำคัญอะไรต่อปุถุชนคนทั่วไป หากในสายตาของ Maria Grazia Chiuri ทุกอย่างมีความหมายเสมอ เธอเลือกหยิบเอาแรงบันดาลใจนี้มาจากการประท้วงเรื่องสิทธิสตรีของเหล่านักศึกษาในปี 1968 มาเนรมิตขึ้นเพื่อเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงผ่านโชว์คอลเล็กชั่น FALL 2018 READY-TO-WEAR อาจพูดได้ว่านี้เองก็ถือเป็นหนทางใหม่ในการนำเสนอความเป็นโมเดิร์นที่พร้อมจะสะท้อนความเป็นสาวดิออร์ในยุคนี้ นั่นอาจหมายรวมถึงตัวตนของหญิงสาวในยุคปัจจุบันที่ไม่ได้มีแค่ด้านเฟมินีนอ่อนหวานทั่วไป หากเราเข้มแข็งและแข็งแกร่งเช่นเดียวกัน คือตัวตนที่มาจากการผสมปนเปกันไปนั่นแหละ แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าเราควรถูกเลือกปฏิบัติในแบบที่แตกต่างไปเพียงเพราะเราเป็นผู้หญิงไม่ใช่หรือ ซึ่งนอกจากที่ดิออร์จะบอกเล่าเรื่องราวนี้ผ่านเซตติ้งรันเวย์แล้ว รายละเอียดที่ถูกถ่ายทอดลงบนคอลเล็กชั่นที่ผสมผสานกลิ่นอายในช่วงยุคปลายปี 60s ก็เพื่อให้ทุกอย่างสอดคล้องและสามารถขมวดเป็นปมได้เหมือนกับคำพูดที่แปะอยู่บนฝาผนังของโชว์ว่า “I am a Woman”

 

SPRING 2020 READY-TO-WEAR

1 / 3

SPRING 2020 READY-TO-WEAR


2 / 3

SPRING 2020 READY-TO-WEAR


3 / 3

SPRING 2020 READY-TO-WEAR


การเดินทางของ Sustainability ดูเหมือนจะก้าวเข้ามาถึงโลกแฟชั่นไวกว่าที่คิด เพราะคอลเล็กชั่น SPRING 2020 READY-TO-WEAR ของดิออร์ต้องเรียกว่าเรียบง่ายหากกุมหัวใจหลักของการเปลี่ยนแปลงอย่างเห็นได้ชัดเจน Maria Grazia Chiuri หัวเรือใหญ่ของแบรนด์ส่งสารการเคลื่อนไหวเรื่องการรักษ์โลกผ่านเซตติ้งคอลเล็กชั่นนี้ด้วยการร่วมมือกับ Coloco นักจัดสวนชื่อดังเนรมิตรันเวย์โชว์ที่เต็มไปด้วยต้นไม้จริงกว่า 160 ต้น เพื่อพาเหล่าแฟชั่นอินฟลูเอนเซอร์จากทั่วโลกเข้าสู่บรรยากาศของป่าจำลอง หากยังไม่จบแค่นั้นเพราะหลังสิ้นสุดโชว์อลังการแล้วต้นไม้จริงเหล่านี้จะถูกนำไปปลูกลงดินใหม่ใน 4 พื้นที่ทั่วโลก ซึ่งเป็นหนึ่งในการรณรงค์ของโปรเจ็กต์ #PlantingForFuture อีกด้วย และไหนจะเป็นเรื่องทรงผมบนรันเวย์ที่มาเรียให้เหล่าโมเดลทำผมถักเปียเสียเรียบร้อยเหมือนกับ Greta Thunberg นักเคลื่อนไหวสิ่งแวดล้อมตัวจิ๋วด้วยเล่า สิ่งเหล่านี้อาจถือเป็นการส่งสัญญาณอย่างหนึ่งของมาเรียเองก็เป็นได้ว่า อุตสาหกรรมแฟชั่นอย่างเราๆ เองก็ไม่ได้เพิกเฉยต่อสิ่งที่เกิดขึ้นกับโลกของเราหรอก

 

CRUISE 2020

1 / 3

CRUISE 2020


2 / 3

CRUISE 2020


3 / 3

CRUISE 2020


ความอลังการมักพ้องมากับความยิ่งใหญ่เสมอ เช่นเดียวกันกับครั้งนี้ที่ดิออร์ตีโจทย์แตกกระจุยด้วยคอนเซปต์ที่มาในรูปแบบของการนำเสนออีกหนึ่งวัฒนธรรมที่งดงามอย่าง “แอฟริกัน” ลงไปในรายละเอียดเสื้อผ้าและตัวเซตติ้งของคอลเล็กชั่น CRUISE 2020 โดยครั้งนี้ Maria Grazia Chiuri ยกทัพไปยังใจกลาง El Badi Palace พระราชวังหินทรายที่ถูกทำลายในเมืองมาร์ราเคช ประเทศโมร็อกโก สถานที่อันเรืองรองด้วยอารยธรรมที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์ เหล่าโมเดลในชุดผ้าพิมพ์ขี้ผึ้ง หรือ African wax print เดินสับขาไปรอบบ่อน้ำขนาดใหญ่ที่ตรงกลางตกแต่งด้วยกองไฟลูกย่อมหลายลูกคือความอลังการที่แค่ดูผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ยังต้องเรียกว่าขนลุก กลิ่นอายของคอลเล็กชั่นเสื้อผ้าที่มีกิมมิคตรงลวดลายซ้อนทับกันไปมาในแบบฉบับของชาวแอฟริกันนั้นเข้ากันได้ดีกับบรรยากาศของเซตติ้งรันเวย์ และนอกจากที่มาเรียจะโยงเอาผ้าพิมพ์ลายเหล่านี้มาปรับใช้ในคอลเล็กชั่นเพื่อให้เข้ากับสถานที่จัดโชว์แล้ว เธอยังเดินหน้าบุกพาดิออร์กลับไปสู่ยุครุ่งเรืองในแบบที่ Yves Saint Laurent กัปตันคนเก่าของแบรนด์ผู้หลงใหลในความเป็นชนเผ่าอารยันของวัฒนธรรมนี้เคยพาไปมาแล้วอีกด้วย 

 

โว้กเชื่อว่าเซตติ้งรันเวย์เหล่านี้ยังเป็นความประทับใจเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เพราะเบื้องหลังทั้งหมดเราต่างเข้าใจกันดีว่า ความตั้งใจของแบรนด์ดิออร์ไม่ได้ให้ความสำคัญกับแค่รายละเอียดเสื้อผ้าในคอลเล็กชั่นเท่านั้น หากรวมถึงการนำเสนอและมุ่งมั่นที่จะเผยแพร่ตัวตนของแบรนด์ให้คนได้เข้าถึงมากที่สุด เพื่อให้ทุกคนได้พูดเป็นภาษาเดียวกันในแบบที่ดิออร์นั้นอยากจะให้เป็นมากกว่า

 

WATCH